ขอเวลา
(ฉากนี้เกิดก่อนที่รามิลจะเลิกกับคิรากร 1 สัปดาห์) ใครที่ยังไม่ได้อ่าน เรื่อง ยอดดวงใจนายเหนือลม อย่าลืมเข้าไปอ่านนะคะ จะได้ไม่พลาดความสัมพันธ์ของตัวละคร
ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนข้อความดังรัวขึ้นในช่วงเวลา 8 โมงเช้าของวัน ปลุกให้คนที่นอนหลับใหลเพราะความเหนื่อยล้าต้องลุกขึ้นมาดูข้อความด้วยความเคยชิน
"อื้อ~ เฮ้ยนี่มันภีรภัส แฟนเก่าไอ้พี่กรนี่นา ตายห่าล่ะ คุณเล็กรู้รึยังว่ะเนี่ยว่าแฟนเก่าไอ้พี่กรกลับมาแล้ว"
"..."
ปั้นสิบมัวแต่จ้องมองรูปในแชทไลน์ที่รุ่นพี่ที่สนิทกันส่งมาให้ดู จนลืมมองดูสภาพของตัวเองว่าเป็นอย่างไร แม้กระทั่งมีคนนอนซ้อนอยู่ด้านหลังปั้นสิบก็ยังไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
พรึบ
"อ๊ะ โอ๊ย! อะไรกันว่ะเนี่ย เฮ้ย! พะ..พี่ใหญ่ พี่เข้ามาอยู่ในห้องปั้นได้ยังไง ละ..แล้ว?.... ไม่นะ หมดกันความซิงของปั้น โอ้แม่จ้าว~"
ร่างเล็กรีบลุกลงจากเตียงตั้งใจจะเดินไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน ถึงจะต่อสายโทรหาเพื่อนรักไม่รู้ว่าป่านนี้รามิลจะรู้รึยังว่าภีรภัสกลับมาแล้ว
ทว่าตอนนี้ปั้นสิบคงต้องหันมาจัดการกับเรื่องของตัวเองก่อนเมื่อนัยน์ตาคู่สวยหันไปสบตากับพี่ชายของเพื่อนสนิทที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงของตนเอง
"ตั้งสติก่อนค่ะ ลุกขึ้นเร็วเข้า เดี๋ยวพี่ช่วย"
รามไม่พูดเปล่า เจ้าตัวรีบลงจากเตียงก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวที่อยู่ใกล้ ๆ มาสวมใส่แล้วรีบเข้าไปพยุงคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนเตียง คนตัวเล็กรู้สึกปวดหนึบบริเวณช่องทางรักด้านหลัง พร้อมทั้งส่ายสายตาปราดมองไปทั่วห้องก็รู้ได้ทันทีว่าตนเองเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว
"ไอ้เสี่ยซ้ง! มึ๊ง ถ้าเจออีกจะกระทืบให้ตายคาตีนเลย!"
"ยังอีก ยังจะซ่าอีกนะปั้นสิบ รู้ทั้งรู้ว่าการรับเครื่องดื่มจากคนอื่นเป็นเรื่องต้องห้าม พี่เห็นหนูสอนลูกน้องตั้งหลายครั้งแล้วทำไมตัวเองกลับมาตายน้ำตื้นแบบนี้ล่ะ"
คนพี่อดไม่ได้ที่เอ็ดคนตัวเล็กที่ไม่รู้จักระวังตัว แทนที่จะสนใจหรือพูดเรื่องเขากลับไปจดจ่อแต่จะจัดการกับไอ้เฒ่าหัวงูตัวต้นเรื่องอยู่ได้
"ก็ปั้นแค้นมัน มันทำให้ปั้นเสียซิง! ส่วนเรื่องเรา...เอ่อ พี่ใหญ่ช่วยลืม ๆ มันไปได้ไหมครับ ยังไงปั้นก็จำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว"
"ปั้นสิบ!"
จุ๊บ จ๊วบ จ๊วบ
คนพี่ที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับขบกรามแน่นด้วยความโมโห ก่อนจะโน้มตัวลงไปบดจูบคนตัวเล็กอย่างดุดันหรือจะเรียกว่าจูบกระชากวิญญาณก็ไม่ผิด เพราะรามอยากสั่งสอนคนตัวเล็กไม่ให้พูดและคิดเช่นนั้นอีก อย่างไรเขาก็ไม่มีวันยอมให้บทรักอันร้อนแรงที่เพิ่งจบไปได้ไม่กี่ชั่วโมงต้องสูญเปล่า
"อื้อ~"
ปึก ปึก ปึก
"ยังจะพูดแบบนี้อีกไหม! ยังจะบอกให้พี่ลืมเรื่องเมื่อคืนไปอีกไหม? คิดให้ดีก่อนค่อยตอบนะหนูน้อย ดูคลิปในแชทที่พี่ส่งไปประกอบการตัดสินใจก่อนก็ได้นะ ถ้าหนูไม่คิดจะรับผิดชอบพี่ละก็ เราจะได้เห็นดีกัน"
รามจ้องมองคนตัวเล็กพร้อมกับคาดโทษเอาไว้สถานหนัก ก่อนจะถอยไปนั่งขาไขว่ห้างบนโซฟาอย่างสบายอารมณ์
"มะ...หมายความว่ายังไง?"
ปั้นสิบรีบหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูแชทส่วนตัวที่รามส่งวิดีโอมาเมื่อเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน มือเรียวเล็กไม่รอช้าที่จะกดเข้าไปดูว่าเนื้อหาด้านในเป็นอย่างไรเพราะรูปภาพด้านหน้าค่อนข้างพร่าเบลอจนมองไม่ออก เพียงแค่คลิปวิดีโอเริ่มฉายได้ไม่กี่วิ ดวงตาคู่สวยก็เบิกโพลงด้วยความตกใจกับสิ่งที่เห็น ก่อนจะรีบกดปิดวิดีโอแล้วตั้งสติหาวิธีจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้น
"หึ! ว่างาย~ ทีนี้จะรับผิดชอบพี่ได้รึยัง"
"ตะ..แต่ว่าปั้นกลัวคุณเล็กโกรธ ปั้นยังไม่กล้าบอกคุณเล็กตอนนี้ พี่ใหญ่ไม่มีวิธีอื่นให้ปั้นรับผิดชอบเหรอครับ"
คนที่จำนนต่อหลักฐานเอ่ยถามอีกฝ่ายไม่เต็มเสียงสักเท่าไหร่ ยิ่งตอนนี้รามิลมีเรื่องคิรากรกวนใจปั้นสิบยิ่งไม่กล้าเอาปัญหาที่ตัวเองก่อไปรบกวนเพื่อนอีกแน่นอน
"ไม่มี! ยังไงหนูก็ต้องรับผิดชอบพี่ ได้พี่เป็นผัวแล้วคิดจะชิ่งง่าย ๆ แบบนี้เหรอ พี่ช่วยหนูได้แค่การยื้อเวลาเท่านั้น ยังไงหนูก็ต้องทำหน้าเมียที่ดีนับแต่วันนี้เป็นต้นไป"
ปั้นสิบนั่งฟังคำพูดของคนที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ชนะใส ๆ ด้วยใบหน้าง้ำงอไม่ชอบใจ ปากกระจับบ่นอุบอิบเหมือนจะเบาแต่ก็ตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยินและรับรู้ทุกคำพูด
"ได้กันคืนเดียวเรียกเมีย งั้นเมียพี่ก็คงครึ่งเมืองแล้วมั้ง ชิ!"
"ปั้นสิบ!"
"รู้แล้ว ๆ ทำเป็นเรียกร้องอย่างกะตัวเองเสียหาย เค้าต่างหากที่เสียซิงแต่ไม่เห็นจะเรียกร้องให้รับผิดชอบเลย"
"แล้วหนูจะเรียกร้องไหมล่ะ พี่พร้อมรับผิดชอบนะ"
"หื่อ~ ไม่เรียก ไม่ร้องอะไรทั้งนั้นครับ แต่พี่ใหญ่ต้องรับปากกับปั้นนะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้คุณเล็กรู้จนกว่าปั้นจะพร้อม"
"ได้ นับจากนี้เป็นต้นไปหนูเป็นเมียพี่ เป็นคนของพี่ห้ามเข้าใกล้ใคร ห้ามให้ผู้ชายที่ไหนโดนตัวเด็ดขาด!"
น้ำเสียงและสายตาเจ้าเล่ห์ที่รามใช้จ้องมองปั้นสิบทำเอาเจ้าตัวรู้สึกสะท้านจนใจเต้นรัวเร็วเป็นจังหวะแร็ป
"แต่พี่ใหญ่ งานของปั้นอยู่ในผับ มันต้องมีบ้างที่ต้องเดินชนกับลูกค้าหรือลูกน้อง จะห้ามไม่ให้ปั้นโดนตัวใครมันเป็นไปไม่ได้หรอก เห็นใจกันหน่อยสิ"
"แบบนั้นยกเว้นได้ แต่แบบเสี่ยซ้งพี่ไม่โอเค เวลาทำอะไรก็นึกถึงหน้าผัวคนนี้เอาไว้ให้มาก พี่ไม่ใช่คนอ่อนโยนเหมือนไอ้เหนือหรอกนะ แล้วไอ้นี่ก็ตัวดีเลย ต่อไปนี้ปั้นห้ามเข้าใกล้มันเด็ดขาด พี่ไม่ชอบ!"
"นั่นก็ไม่ชอบ นี่ก็ไม่ชอบ ทำมันยากขนาดนี้ว่ะ"
"แฮ่ม ๆ อีกเรื่องนึง ต่อไปนี้หนูทำงานได้แค่เที่ยงคืนเท่านั้น พี่จะมารอรับหนูทุกวัน เราจะไปพักที่เพนเฮ้าส์ที่พี่เตรียมไว้ วันนี้หนูก็เก็บของเลยนะ เดี๋ยวพี่พาออกไปเลย"
"หยุด! หยุดก่อนพี่ใหญ่ ปั้นขอเวลาเตรียมใจ 1 สัปดาห์ได้ไหม ปั้นยังไม่พร้อม อีกอย่าง อย่าเรียกว่าผัวเมียได้ไหมครับ ปั้นไม่พร้อมจริง ๆ "
รามได้แต่จ้องมองใบหน้าของปั้นสิบด้วยความสงสัยว่าเรื่องอะไรที่ทำให้ปั้นสิบไม่พร้อม ทั้งที่ผู้คนมากมายต้องการเป็นภรรยาของเขา แต่เด็กน้อยตรงหน้ากลับบ่ายเบี่ยงจนเขาเสียความมั่นใจว่าตนเองไม่ดีพอหรือไม่ ครั้นจะเอ่ยถาม นัยน์ตาคู่สวยก็ฉายแววกังวลใจเหมือนมีบางเรื่องซุกซ่อนเอาไว้
"เฮ้อ~ พี่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้หนูกังวลใจอยู่ แต่เอาเป็นว่าพี่จะให้เวลาหนู 1 สัปดาห์ตามที่ขอ ถึงเวลานั้นถ้าหนูคิดจะชิ่งหรือไม่รับผิดชอบพี่ หนูจะได้รู้ว่าตายในหน้าที่เป็นยังไง"
คนพี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ซึ่งโทสะ แต่ทุกถ้อยคำกลับสร้างความเสียวสะท้านจนปั้นสิบขนลุกซู่
"ปั้นรู้แล้ว ปั้นไม่ชิ่งหรอก พี่ใหญ่รีบแต่งตัวแล้วออกไปจากห้องปั้นได้แล้ว"
"หึ! ตอนอยากได้ก็ขอให้ทำ พอได้แล้วไล่ผัวเหรอ?"
รามเลิกคิ้วก่อนจะถามกลับด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาทจนคนตัวเล็กใบหน้างอง้ำ
"บอกว่าอย่าเรียกแบบนั้น~"
"พี่จะเรียก! หนูปั้นเป็นเมียพี่ พี่เป็นผัวหนูปั้น ท่องให้ขึ้นใจนะเด็กดี~ อีกไม่นานหนูต้องทำหน้าที่สะใภ้กีรติเมธาอย่างเต็มตัวแล้ว"
"ฮึ่ย! ยังไม่ถึงเวลานั้นซักหน่อย"
"ซ้อมไว้เมียจ๋า เอาเป็นว่าพี่ให้หนูปั้นพัก 1 สัปดาห์ ถึงตอนนั้นหนูคงหายเจ็บแล้ว"
"เจ็บ! จะ..เจ็บอะไร แล้วเมื่อคืนพี่ไหญ่ได้ใส่...เอ่อ"
"ใส่ครับ ใส่หลายอัน เพราะเมียเรียกร้องไม่หยุดเลย"
รามตอบกลับพร้อมกับพยัดพเยิดหน้าไปทางถังขยะที่มีถุงยางอนามัยที่ตนเองจัดฉากเอาไว้กระจัดกระจายอยู่ ปั้นสิบเห็นจำนวนถุงยางอนามัยที่ผ่านการใช้งานแล้วเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด ใบหน้านวลเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่องเพราะความเขินอายแล้วรีบเดินหนีเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
"..."
"หึ! อาบด้วยครับ"
ทั้งคู่อาบน้ำด้วยกันอยู่พักใหญ่แต่ไม่ได้มีอะไรเกินกว่าที่คนพี่เทียวแทะเล็มคนน้องครั้งแล้วครั้งเล่าจนพอใจจึงแยกย้ายกันไปแต่งตัว
.
.
วิ้ด วิ้ว~ วิ้ด วิ้ว~ วิ้ด วิ้ว~
ราชันที่กำลังนั่งอ่านข้อมูลผลประกอบการในแต่ละไตรมาสจำต้องละสายตาขึ้นมามองลูกชายที่เดินผิวปากฮำเพลงเข้ามาให้บ้านอย่างสบายอารมณ์
"ใครกันที่ทำให้ลูกพ่อมีความสุขขนาดนี้"
ผู้เป็นพ่อวางของทุกอย่างในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นมารอฟังคำตอบจากปากของลูกชายคนโต แม้จะรู้อยู่เต็มอกแต่คงจะดีกว่าถ้าลูกบอกเล่าทุกอย่างให้ตนเองได้รับฟัง
"ผมว่าพ่อรู้นะครับ"
"แล้วไปทำอีท่าไหนล่ะ ทำไมน้องถึงได้ยอมคนเจ้าชู้แบบแก"
"ก็หลายท่าครับพ่อ กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า ผมขอตัวก่อนนะครับ นอนสักพักเดี๋ยวสาย ๆ ผมจะเข้าบริษัท"
"เฮ้อ~ เจ้าลูกคนนี้ มันจะออกมาในรูปแบบไหนกันนะ"
ราชันได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตก ช่วงนี้ลูกชายทั้งสองคนต่างก็ยังไม่สมหวังหรือมีความสุขในชีวิตทั้งคู่ ลูกชายคนโตก็ได้แต่แอบชอบเพื่อนสนิทของน้องชาย แต่อีกฝ่ายก็เก็บงำความรู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่เป็นปมซ่อนอยู่
ส่วน รามิล ลูกชายคนเล็กก็กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของความรักที่รักเขาอยู่ข้างเดียว ไม่แน่ว่าทุกอย่างอาจจะจบในเร็ววันก็เป็นได้ คงรอเพียงถึงเวลาที่ความสัมพันธ์จะสะบั้นลง
"อย่าคิดมากเลยครับคุณท่าน คุณเล็กกับคุณใหญ่มีเลือดนักสู้ที่ได้รับจากคุณท่านไปเต็ม ๆ ดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงก่อนครับ แม่ชื่นเพิ่งต้มเสร็จร้อน ๆ เลย"
รชานนท์ เลขาส่วนตัวที่เรียกว่าส่วนตัวเป็นพิเศษ เพราะผู้เป็นนายหวงแหนจนสั่งให้บอดี้การ์ดคอยตามดูแลราวกับว่ารชานนท์คือเจ้านายอีกคนของกีรติเมธา ร่างสันทัดเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมแก้วน้ำกระเจี๊ยบอุ่น ๆ อุณหภูมิพอเหมาะตามที่ผู้เป็นนายชื่นชอบ
"ทำยังไงดีละน้องนนท์ มือป๋าไม่ค่อยมีแรงเลย ถ้าป๋าอยากให้น้องนนท์ดูแลสักหน่อยจะได้ไหม?"
รชานนท์เลิ่กลั่กหันมองซ้ายขวากลัวว่าคนอื่นจะมาได้ยินคำพูดของผู้เป็นนาย หากเป็นเช่นนั้นทุกคนคงมองไม่ดีเป็นแน่
"คุณท่าน! เดี๋ยวมีคนมาได้ยินครับ"
"จะกลัวอะไร ที่นี่ไม่มีใครไม่รู้หรอกนะว่าเราเป็นผัวเมียกัน จะมีก็แต่ตัวเล็ก ฉันบอกนนท์หลายครั้งแล้วว่าจะบอกเรื่องนี้ให้ตัวเล็กรู้ แต่นนท์ก็ไม่ยอม เฮ้อ~ ดื้อจริง ๆ"
"เรื่องของผมสำคัญที่ไหนกันครับ คุณท่านดื่มน้ำกระเจี๊ยบก่อนนะครับ อีกเดี๋ยวต้องออกไปพบลูกค้า ผมขอไปจัดยาก่อนและหลังอาหารให้คุณท่านแล้วจะรีบกลับมาครับ"
เลขาหนุ่มวัย 35 ปี วางแก้วเครื่องดื่มไว้ตรงหน้าผู้เป็นนายแล้วรีบแยกตัวไปเตรียมพร้อมทุกอย่างก่อนออกเดินทาง ด้านคุณป๋าผู้หื่นกระหายได้แต่นั่งจ้องบั้นท้ายของเลขาพลางนึกถึงช่วงเวลาที่ทั้งคู่อยู่บนเตียงด้วยกัน ความเอาอกเอาใจเชื่อฟังของเลขาหนุ่ม ทำเอาเฒ่าหัวงูหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น แต่สุดท้ายคนแก่ก็เหมือนจะอกหักอยู่ตลอดเวลา หลายครั้งที่ราชันขอเปิดเผยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่รชานนท์ก็เป็นฝ่ายห้ามเอาไว้ หากไม่ทำตามที่เจ้าตัวขอ เลขาหนุ่มก็พร้อมจะยื่นใบลาออกแล้วจากไปทำงานที่อื่น
หลายครั้งที่ราชันเกิดความสงสัย ว่าเป็นเพราะอะไรรชานนท์ถึงได้ปกปิดความสัมพันธ์ของทั้งคู่ หรือเป็นเพราะรชานนท์มีคนรักอยู่แล้ว แต่พอส่งคนไปสืบ รวมทั้งให้คนคอยติดตามดูความเคลื่อนไหวของรชานนท์อยู่นานหลายเดือน ราชันก็พบว่าทุกที่ที่รชานนท์ไป รวมถึงผู้คนที่พูดคุยพบเจอล้วนแต่เป็นเรื่องงานทั้งสิ้น หรือจะเรียกว่าเจ้าตัวก็โสดและไม่มีใครเช่นกัน
