บทที่ 5
การกลับมาบ้านของลูกชายคนเดียว ทำให้วันนี้ผู้เป็นแม่อย่างผกามีความสุขจนยิ้มกว้างเป็นพิเศษ แม้จะเป็นการกลับบ้านแบบมัดมือชกก็ตามที
เมื่อเมฆามาถึง ผกาก็เสิร์ฟอาหารทั้งคาวหวานให้ลูกชายไม่ได้หยุดมือ จะปฏิเสธว่าไม่กินเมฆาก็กลัวแม่จะเสียความรู้สึกจึงกินทุกอย่างจนจุกแน่นท้องไปหมด แต่ดูเหมือนอาหารที่ผกาเตรียมไว้จะไม่หมดเพียงแค่นี้
“พอแล้วครับแม่” ในที่สุดนายตำรวจหนุ่มก็เอ่ยบอกไป เพราะตอนนี้เขาอิ่มมากแล้วนั่นเอง
“แต่นี่เป็นบัวลอยของโปรดลูกเชียวนะ แม่ทำแป้งเองกับมือ ถ้วยเล็กๆ เองไม่เป็นไรหรอก”
“ครับๆ” เมฆายิ้มแห้งเอ่ยรับ ก่อนจะหันไปยังผู้เป็นพ่อพร้อมส่งสายตาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่พลตำรวจตรีเอกพลกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
แต่บัวลอยอร่อยๆ ฝีมือของแม่นั้นก็ทำให้เมฆาถึงกับลืมอ้วนไปได้ชั่วคราว อาหารรสมือแม่อร่อยทุกอย่างแบบนี้ มิน่าพ่อถึงไม่ยอมไปไหน
เมื่ออิ่มจนท้องแทบแตก เมฆาก็ออกไปเดินย่อยในสวนหลังบ้าน ที่นี่ปลูกมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งส่วนใหญ่พ่อค้าจะมารับซื้อถึงที่ มะพร้าวน้ำหอมราชบุรีนั้นขึ้นชื่อเรื่องความหอมและอร่อยจึงถูกส่งออกเกือบทั้งหมด คนไทยน้อยคนจะได้กิน
พอได้มาเดินเมฆาก็หวนคิดถึงตอนเด็กๆ เพราะวันๆ เขามักจะอยู่แต่ในสวนในท้องร่องแบบนี้ เล่นตำรวจจับผู้ร้ายกับเด็กคนงานในสวนกันเป็นประจำ และพอโตขึ้นเขาก็เป็นตำรวจเหมือนพ่อซะได้ ทั้งที่ในวัยเด็กทุกครั้งที่ถูกถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เขามักจะตอบว่าอยากเป็นนักบินเสมอ
เดินไปเดินมา เมฆาก็ชักง่วงจึงกลับมาบ้านหวังเอนหลังสักหน่อย แต่พอมาถึงกลับได้ยินพ่อและแม่คุยกันด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“คุณแน่ใจแล้วเหรอคะว่าเป็นข่าวจริง”
“แน่ใจ”
“โถ่...วีณา ไม่น่าเลย”
“ตอนนี้ผมสั่งให้ลูกน้องตามหาลูกสาวของเพื่อนคุณอยู่ เพราะแกขาดการติดต่อกับพ่อเลี้ยงตั้งแต่หนีออกไปจากบ้าน”
“เป็นฉันฉันก็ทำแบบนั้น เรื่องอะไรจะอยู่ให้คนเลวข่มเหง คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองเธอด้วยเถอะ”
“อ้าว! เมฆ กลับมาแล้วเหรอ”
“ครับพ่อ...ว่าแต่พ่อกับแม่คุยอะไรกัน ท่าทางดูซีเรียส”
“ผมว่าคุณควรจะบอกลูกนะ เพราะไม่ช้าก็เร็วเมฆก็ต้องรู้เรื่องนี้”
“ค่ะ”
“งั้นผมให้อาหารปลาก่อน” เอกพลรีบเอ่ยขอตัวทันที เพราะไม่อยากเป็นคนพูดเรื่องนี้นั่นเอง
“มีอะไรที่ผมต้องรู้หรือเปล่าครับแม่” เมฆาเอ่ยถามขึ้น เพราะวันนี้ดูพ่อกับแม่มีลับลมคมนัยแปลกๆ บอกไม่ถูก ผกามองสามีกระทั่งเห็นหายไปตรงบ่อปลาจึงละสายตามามองลูกชายที่ยืนอยู่ไม่ไกล
จากนั้นผกาก็เริ่มเล่า ว่าเธอมีเพื่อนสนิทอยู่หนึ่งคนชื่อว่าวีณา ครอบครัววีณานั้นมีฐานะร่ำรวย แต่ก็คอยช่วยเหลือคนอื่นตลอดเวลารวมถึงครอบครัวของเธอด้วย เธอกับวีณาสาบานเป็นพี่น้องเป็นเพื่อนรักกัน กระทั่งโตขึ้นวีณาก็แต่งงานกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ฐานะนั้นร่ำรวยไม่แพ้กัน
ส่วนเธอแต่งงานกับนายตำรวจยศเล็กๆ แต่ทว่าขยัน ซื่อสัตย์ ทุ่มเททำงานจนได้รับการเลื่อนขั้นมาจนถึงทุกวันนี้ เธอกับวีณาติดต่อกันมาเรื่อยๆ กระทั่งเธอตั้งท้องก่อน
และถึงแม้ตอนนั้นวีณายังไม่มีข่าวดีเรื่องลูก แต่ทั้งคู่ก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ลูกๆ ของพวกเขาเกี่ยวดองกันเมื่อโตขึ้น ซึ่งเวลานั้นสามีของทั้งเธอและวีณาก็เห็นดีเห็นงามในเรื่องนี้
“นี่สรุปผมมีคู่หมั้นแล้วเหรอฮะ” ฟังมาถึงช่วงนี้เมฆาก็ถึงกับชี้นิ้วมาที่ตัวเองด้วยอาการช็อคเล็กๆ นั่นเพราะไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะมีคู่หมั้นคู่หมาย แถมตอนนี้คู่หมั้นของเขาเหมือนจะหายสาบสูญอีกต่างหาก
“ใช่” ผกาเอ่ยรับ ก่อนจะเล่าต่อโดยไม่รอให้ลูกชายมีเวลาได้ค้าน เพราะหลังจากนั้นอีกราวๆ เจ็ดปี ชีวิตของวีณาก็พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้าก็ว่าได้
เพราะตั้งแต่สามีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทุกอย่างก็ผิดที่ผิดทางไปเสียหมด ธุรกิจที่เคยเจริญรุ่งเรืองก็ถูกพี่น้องฝ่ายสามีฮุบไปเสียหมด บ้านหลังโตที่เคยอยู่ก็มีเอกสารจากธนาคารแจ้งยึดทรัพย์ หลังจากนั้นวีณาก็ขาดการติดต่อไป นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็เกือบสิบกว่าปีเข้าไปแล้วที่เธอไม่ได้ข่าวคราวของเพื่อนรัก
กระทั่งวันนี้ วันที่เธอที่ได้รู้ข่าวร้ายว่าวีณานั้นได้จากไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ จะนึกห่วงก็แต่ลูกสาวคนเดียวของวีณา ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
“ในเมื่อเราตามหาตัวลูกสาวของป้าวีณาไม่เจอแบบนี้ การหมั้นหมายนั่นก็ถือเป็นโมฆะไป ใช่ไหมครับ” เมฆาเอ่ยอย่างมีความหวังว่าการหมั้นหมายครั้งนี้จะถูกยกเลิกไป
“ไม่จ้ะ ยังไงลูกก็ยังต้องแต่งงานกับน้อง” ผกายังไม่มีทางเปลี่ยนใจเรื่องนี้แน่นอน ยิ่งวีณาได้จากไปแล้วแบบนี้ เธอก็ยิ่งต้องการให้มีงานแต่งงานเกิดขึ้น
“แต่เราไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
“แม่ถึงให้พ่อตามหาอยู่นี่ไงหรือลูกอยากช่วยพ่ออีกแรงก็ได้นะ”
“เอ่อ...พักนี้งานผมค่อนข้างยุ่งนะครับแม่” เมฆารีบปฏิเสธทันที ซึ่งผกาก็พอจะเดาคำตอบได้เช่นกัน
“ว่าแล้วเชียว”
“แล้วถ้าเราตามหาตัวเธอไม่พบละครับ ผมไม่ต้องรอแต่งงานจนเก้อเลยเหรอ ดีแค่ไหนที่ตอนนี้ผมยังไม่มีใคร เพราะถ้ามีขึ้นมาก็สงสารที่ต้องมาทอดทิ้งเธอไปแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่หามาให้” เมฆาร่ายยาว พร้อมตีหน้าเศร้า ส่งผลให้ผู้เป็นแม่ถึงกับหันมามอง เพราะดูเหมือนลูกชายเล่นใหญ่เกินความจำเป็น
“หมั้นหมายของลูกกับน้องจะยกเลิกก็ต่อเมื่อมีหลักฐานว่าน้องเสียชีวิต เป็นบุคคลหายสาบสูญมีเอกสารทางราชการยืนยันหรือน้องแต่งงานมีครอบครัวแล้วเท่านั้น”
“แล้วผมไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรเลยเหรอครับแม่”
