บทที่ 6
“มี”
“ยังไงครับ” คนฟังตาลุกวาวอย่างมีความหวัง
“ถ้าตามหาน้องพบแล้วน้องไม่เต็มใจจะแต่งงานกับลูก แม่ก็จะไม่บังคับ ตกลงไหมพ่อตัวดี”
“ยิ่งกว่าตกลงครับแม่” นายตำรวจหนุ่มรีบรับทันที อย่างน้อยเขาก็ยังมีหวังที่จะรอดพ้นจากการถูกจับคลุมถุงชนในครั้งนี้
“แล้วนี่ยังเก็บกล่องไม้ที่แม่ฝากไว้อยู่ใช่ไหม” คำถามของแม่ทำให้คนฟังเสียวสันหลังขึ้นมา
“กล่องไม้ อ้อ...เก็บสิครับ เก็บอย่างดีด้วย” เมฆาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ผู้เป็นแม่ ก่อนจะขอโกหกสักครั้งหวังว่าจะไม่บาป เพราะตอนนี้กล่องไม้ใบนั้นได้หายไปได้หลายอาทิตย์แล้วนั่นเอง
“กลับมาบ้านครั้งหน้าเอามาให้แม่ด้วยนะ”
“แม่ฝากผมไว้ก็ดีแล้วครับ รับรองไม่หายไปไหนหรอก”
“รู้ว่าไม่หาย แต่พอรู้ว่าวีณาเสียชีวิตไปแล้วแบบนี้ แม่ก็อยากได้ของข้างในมาเก็บไว้เอง เพราะสร้อยพร้อมจี้เส้นนั้นแม่กับวีณาทำขึ้นมาเพื่อมอบให้ลูกๆ เป็นของหมั้น แล้วนี่ลูกได้เปิดดูของในกล่องไม้ใบนั้นบ้างไหม”
“ครั้งสองครั้งครับ”
“เฮ้อ! เธอไม่น่าอายุสั้นเลยนะวีณา”
“เกิด แก่ เจ็บ ตาย เรื่องธรรมดาโลกครับแม่” เมฆาเอ่ยปลอบผู้เป็นแม่
“แม่ห่วงน้อง ผู้หญิงตัวคนเดียว ไม่รู้ป่านนี้จะอยู่ที่ไหน เป็นตายร้ายดียังไงบ้าง” นี่คือสิ่งที่ผกาเป็นห่วงมากที่สุด
“คือ...ถ้าเกิดวันดีคืนดี ผมเจอผู้หญิงคนหนึ่งสวมสร้อยพร้อมจี้แบบเดียวกับในกล่องไม้ใบนั้นขึ้นมาละครับ” จู่ๆ เมฆาก็เอ่ยถามเรื่องนี้ขึ้น นั่นเพราะภาพของมีนาก็แวบขึ้นมา เธอมีจี้แบบเดียวกับในกล่องไม้ใบนั้นไม่มีผิด แต่ที่สองจิตสองใจคือเธอจะใช่ลูกสาวของป้าวีณาหรือเป็นหนึ่งในแก๊งหัวขโมยคืนนั้นกันแน่
“เมฆเจอน้องแล้วเหรอ เจอที่ไหน เมื่อไหร่” ผการีบถามด้วยความดีใจ เพราะคิดว่าเมฆาได้เจอลูกสาวของเพื่อนรักแล้วนั่นเอง
“ผมแค่สมมุติครับแม่ ตอนนี้ผมยังไม่เจอใคร”
“ถ้าเมฆเจอก็พามาหาแม่สิ เราจะได้รู้ว่าเธอคือมีนาไหม”
“แม่ว่าเธอชื่ออะไรนะครับ”
“มีนา...ลูกสาวป้าวีณาชื่อมีนา” คำตอบจากแม่ทำให้เมฆาถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่ามีนาคนนั้นจะเป็นคนเดียวกับมีนาที่แม่ตามหา
บนโลกใบนี้ผู้หญิงที่ชื่อมีนาคงไม่ได้มีแค่คนเดียว ใครๆ ก็ชื่อมีนากันได้ทั้งนั้น แล้วเรื่องจี้ที่เธอบอกว่าเป็นของเธอนั่นเล่า นี่คือสิ่งที่เมฆาต้องหาคำตอบ ยังไงเขาต้องสืบให้รู้ว่าเธอเป็นเจ้าของจี้อันนั้นได้ยังไง เธอจะใช่คู่หมั้นหรือแท้จริงแล้วเป็นแค่นางโจรกันแน่
เพราะวันนี้คือวันที่แม่เสียชีวิต จึงเป็นวันที่มีนานั้นดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด เธอปิดร้านหนึ่งวันเพื่อไปทำบุญให้แม่ที่วัด โดยการแอบไปเพราะไม่อยากเจอพ่อเลี้ยงตัวแสบที่อาจมาดักสุ่มรอเธออยู่ ซึ่งวันนี้มีนานั้นโชคดีที่เธอไม่ต้องเจอคนที่ไม่ต้องการได้เจอ
เมื่อทำบุญเสร็จ มีนาก็เดินมาปล่อยปลาที่ท่าน้ำหลังวัด สำหรับมีนาแล้วความทรงจำของพ่อนั้นดูเหมือนจะน้อยเมื่อเทียบกับแม่ เพราะพ่อจากไปตั้งแต่เธอยังเด็ก จากนั้นมีนาก็เดินมานั่งเหม่อคิดอะไรคนเดียวเรื่อยเปื่อย โดยหลักๆ ก็คิดถึงแม่ ผู้ที่ให้ชีวิตเธอ รวมถึงประโยคสั่งเสียก่อนที่แม่จะหมดลลมหายใจ
“เก็บสร้อยเส้นนี้ไว้กับตัวเองดีๆ นะมีน อย่าให้ใคร แล้วก็อย่าทำหายนะลูก”
“ทำไมละคะแม่”
“ถ้าแม่ไม่อยู่แล้ว มีนต้องไปหาเพื่อนแม่ ตามที่อยู่ที่แม่ให้ไว้ แล้วเอาสร้อยเส้นนี้ให้เขาดู รับปากแม่มาสิ”
“ค่ะ”
“แม่ ระ...รักลูกนะมีน”
นั่นคือคำบอกรักครั้งสุดท้ายที่มีนาได้ยินจากผู้เป็นแม่ เพราะหลังจากนั้นอีกไม่กี่นาทีแม่ก็จากไปอย่างสงบ หลังจากงานศพของแม่ผ่านไปได้ไม่กี่วัน เธอกลับเจอกับเหตุการณ์ที่เกือบเอาตัวไม่รอด เพราะถูกพ่อเลี้ยงชั่วบุกเข้ามาในห้องหมายจะข่มขืน ทั้งๆ ที่พ่อเลี้ยงคนนี้คือคนที่เข้ามาช่วยเหลือแม่ตอนลำบาก รับได้ทุกอย่างขอแค่ให้ได้อยู่ดูแล แต่เหล้าก็สามารถเปลี่ยนนิสัยคนได้ในพริบตา
จำได้ว่าวันนั้นเธอสู้ยิบตา ถ้าตายก็ขอตายอย่าง สมศักดิ์ศรีดีกว่ามีตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต และเหมือนโชคจะเข้าข้างเพราะเธออาศัยจังหวะหนึ่งคว้าลำโพงขึ้นมาแล้วฟาดลงบนหัวพ่อเลี้ยงจนเลือดอาบ ก่อนจะรีบหนีออกมาจากบ้านได้สำเร็จ เพราะรีบร้อนจึงไม่ได้หยิบอะไรติดตัวออกมาแม้แต่ชิ้นเดียว กระทั่งบังเอิญคืนนั้นได้ผ่านไปช่วยเก่งจากแก๊งอันธพาลไว้ จึงนับถือเป็นพี่น้องและได้มาอยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้
มีหลายครั้งที่มีนาอยากไปหาเพื่อนของแม่คนนั้น คนที่แม่เคยให้ที่อยู่เธอไว้ แต่ที่อยู่เธอเก็บไว้ในลิ้นชักข้างหัวเตียงห้องนอน จะเข้าไปเอาที่บ้านก็ไม่กล้า ดีไม่ดีป่านนี้อาจถูกพ่อเลี้ยงรื้อทำลายข้าวของไปจนหมดแล้ว ได้แต่คิดว่าหากมีวาสนาคงได้เจอกัน
มีนานั่งถอนหายใจออกมาหนักๆ เมื่อหวนคิดถึงเรื่องในอดีต กระทั่งตัดสินใจกลับบ้าน แต่พอมาถึงกลับมีคนยืนปั้นปึงใส่ ราวกับเธอนั้นไปทำอะไรผิดมา
“ทำไมวันนี้ถึงปิดร้าน”
“มีนออกไปทำธุระมานิดหน่อยค่ะ”
“ธุระอะไร สำคัญกว่าของฉันหรือไง รู้ไหมฉันเสียหน้าแค่ไหน อุตส่าห์บอกเพื่อนให้ไปช่วยอุดหนุนกาแฟที่ร้านเธอแท้ๆ แต่พวกเขาก็ไปเก้อกันหมด” แทนที่จะฟังว่ามีนาปิดร้านเพราะอะไร กุ้งนางกลับเอ่ยแต่เรื่องของตัวเอง
“ขอบคุณนะพี่กุ้งที่มีน้ำใจให้เพื่อนไปอุดหนุน” มีนาเอ่ยขอบคุณ ทั้งๆ ที่กุ้งนางมักจะไปสั่งกาแฟฟรี รวมถึงให้เพื่อนไปสั่งแล้วให้ลงชื่อเธอไว้บ่อยๆ แต่กลับไม่เคยเคลียร์บิลเลยสักครั้ง เธอเห็นว่ากุ้งนางเป็นพี่สะใภ้ถึงไม่อยากเอ่ยถึง แต่ยิ่งไม่พูดกุ้งนางก็ยิ่งเอาใหญ่
