บท
ตั้งค่า

ฝันครั้งที่สาม

“แฮ่กๆ....แฮ่ก....”

เสียงหอบหายใจของเด็กชายวัยสิบห้าดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ ขาเรียวเร่งวิ่งไปตามทางที่ไม่คุ้นเคยเมื่อได้ยินเสียงเพลงสัญญาว่าได้เวลาเข้าเรียนแล้ว

ก๊อกๆ

ครืด~

ประตูห้องเรียนถูกเปิดออกอย่างแรงเผยให้เห็นร่างบางที่ยืนเท้าประตูไว้ด้วยความเหนื่อยหอบ

“ขอ...แฮ่ก... ขอโทษครับที่มาสาย..แฮ่ก...”

กัญ

พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักพรางเหนื่อยหอบ ก่อนจะช้อนตามองเบื้องหน้าช้าๆ

“อะ....เอ่อ....”

“รีบเข้ามาก่อนซิ อาจารย์ยังไม่มาเลย” เด็กหญิงคนหนึ่งที่นั่งริมประตูว่าพร้อมรอยยิ้ม กัญพยักหน้าแล้วยิ้มให้ทุกคน

“แล้วที่นั่ง...?”

“ตรงไหนว่างๆ ก็นั่งไปก่อน” กัญมองไปรอบห้องเพื่อหาที่ว่างตามที่เพื่อนผู้หญิงว่าก่อนจะตรงไปนั่งในโต๊ะเรียนว่างที่อยู่ข้างหน้าสุด

“นั่งหน้าเลยหรอ เด็กเรียนเปล่าเนี่ย” เพื่อนชายหลังห้องร้องตะโกนแซวๆ

“ก็...มันใกล้สุดอ่ะ” กัญตอบอ้อมแอ้มเพราะดูท่าคนที่แซวเขาจะเป็นพวกหัวโจกคุมห้องเรียน พวกเด็กชายหลายคนหัวเราะอย่างสนุกก่อนจะค่อยๆ เงียบเมื่ออาจารย์สาวสวยเดินเข้ามาในห้อง

“อาจารย์เป็นที่ปรึกษาของห้องพวกเธอตลอดสามปีหลังจากนี้นะจ้ะ....ถ้าอยากอยู่ที่นี่ด้วยความสงบสุข อย่า! มีเรื่อง! กับฉัน!” อาจารย์สาวทำหน้าตาบึ้งตึงพาลเอานักเรียนกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดกลัว..

“วันนี้เรามาจับฉลากเลือกที่นั่งกันนะ”

“เอ๋!!!” พวกนักเรียนหันหน้ามองกันอย่างตกใจ อาจารย์สาวไม่สนใจสักน้อย เธอเขียนหมายเลขบนกระดาษแล้ววางไว้หน้าชั้นเรียน

“เอาล่ะ มาจับกันตามลำดับเลย...” เสียงโห่ไม่พอใจของนักเรียนค่อยๆ ดังขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็เดินไปต่อแถวเพื่อจับฉลากเลือกที่นั่ง

“ขอให้ได้ข้างหน้าๆ” เสียงหวานพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“ทำไมอยากนั่งข้างหน้าล่ะ?” เด็กหญิงคนเมื่อกี้ชะโง้กหน้ามาถามอย่างสงสัย คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจเพื่อนร่วมห้องก่อนจะหัวเราะ

“เรากลัวไปนั่งข้างหลังแล้วไม่มีสมาธิน่ะ เราอยากเรียนได้ดีๆ เพราะเราใช้ทุนเรียน...”

“ห้ะ! ทุน!” กัญหันไปมองเพื่อนร่วมห้องที่มองมาทางเขาด้วยความตกใจ

“มี....อะไรหรอ?”

“นายต้องเรียนโคตรเก่งเลยใช่มั้ย ที่นี่นะกว่าจะมีเด็กสอบชิงทุนได้แม่งโคตรยาก! เห็นว่าเกือบสิบปีจะมีสักคน...” กัญเกาท้ายทอยไปมาอย่างเขินๆ

“เราก็ได้ยินมาแบบนั้นนะ แต่เราก็ไม่ได้เรียนเก่งขนาดนั้น...”

“ไม่หรอก เอาตานายแล้วจับฉลากซิ” กัญชะงักก่อนจะเดินไปจับฉลาก

“โต๊ะเจ็ด...โต๊ะเจ็ด....อ๊ะ! นั่งหน้าด้วยแหะ ดี...จะ....จัง....” คนตัวเล็กค่อยๆ กลืนน้ำลายลงช้าๆ เมื่อเห็นเพืื่อนที่นั่งข้างๆ เขา...

“ไง” คนที่แซวเขาที่ท่าจะดูเป็นพวกนักเลงนี่!

“เอ่อ ไง...แหะๆ” กัญยิ้มแหยๆ แล้วนั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง

“โชคดีเนอะ เรานั่งตรงนี้” เด็กหญิงคนเมื่อกี้ว่าแล้วเดินมานั่งลงที่โต๊ะข้างคนตัวเล็ก กัญยิ้มกว้างอย่างดีใจ

“ว่าแต่นายชื่ออะไรอ่ะ เราชื่อกอหญ้า”

“เราชื่อกัญ” ทั้งสองยิ้มให้กันหลังจากทำความรู้จักกันก่อนจะชะงักเมื่อเด็กชายอีกคนพูดขึ้น

“ไม่คิดจะถามชื่อกู?”

“ไม่มีใครอยากรู้จักนายหรอกย่ะ เหอะ! ไอ้คนนิสัยไม่ดี!! เชอะ!” กอหญ้าสะบัดหน้าหนี เด็กชายร่างสูงโปร่งเบิกตากว้างก่อนจะกอดอกแล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกฝั่ง

“เชอะ ผู้หญิงที่วันๆ เอาแต่ตามผู้ชายในโปรสเตอร์หน้าตาก็ทำมาทั้งนั้น เสียงก็ห่วยแตก ยังทำท่าทางน่ารักเหมือนตุ๊ดอีก! ผู้หญิงที่ตามกรี๊ดผู้ชายแบบนั้นกูก็ไม่อยากรู้จักหรอก”

“นายใจดี! อย่ามาว่าพี่จีจีฮยอนฮาของฉันนะ!” กัญมองคนทั้งสองคนที่นั่งข้างๆ เขาอย่างงงงวย...

“เอ่อ ใจเย็นๆ นะทั้งสองคน โอ๊ะ! อาจารย์จะสอนแล้ว!” คนตัวเล็กชี้ไปที่หน้ากระดาษ กอหญ้าทำท่าทางฮึดฮัดแล้วตั้งใจฟังอาจารย์พูด แตกต่างจากเด็กผู้ชายอีกคนที่นั่งข้างกัญที่ทำท่าจะหลับรอมร่อ

“หลายคนอาจจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน วันนี้เรามาเริ่มแนะนำตัวในคาบโฮมรูมแล้วกันนะ ริมประตูคนแรกเลย” อาจารย์สาวสุดสวยว่า เด็กนักเรียนก็เริ่มแนะนำตัวเรื่อยๆ จนมาถึงเด็กชายที่อยู่ข้างๆ กัญ

“ชื่อ ใจดี ไม่ใช่คนใจดี ชอบผู้หญิงนมโตๆ ใครที่ทำเสียงดังเวลาผมนอนผมจะเข้าไปตบให้” เด็กชายว่าท่าทางจริงจัง อาจารย์สาวกระตุกยิ้มก่อนจะยกไม้เรียวชี้หน้า ใจดี

“พูดได้ดี! แต่อย่าให้ฉันรู้นะว่านายรังแกเพื่อนในห้อง เราต้องอยู่กันอีกสามปี...แต่ถ้าเป็นเพื่อนนอกห้อง รุ่นพี่ อย่าไปยอมเขาล่ะ ฉันจะเป็นแบล็คอัพให้เอง!”

“เย้ๆๆ” พวกเด็กผู้ชายพากันเชียร์อาจารย์สาวท่าทางสายมั่น ส่วนเด็กผู้หญิงก็ทำแค่ถอนหายใจกับความกล้าของอาจารย์ที่ปรึกษา

“ต่อไป!” กัญสะดุ้งกับเสียงอาจารย์ก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ชื่อกัญครับ จบมากจาก....คือ...ผมสอบชิงทุนเลยได้มาเรียนชั้นนำแบบนี้ ผมไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ยังไงเพื่อนๆ ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ” เสียงปรบมือเชียร์ชอบใจดังกระหึ่ม กัญยิ้มหวานเมื่อรู้สึกว่าเพื่อนๆ ในห้องต้อนรับเขาโดยไม่รังเกียจที่เขาเป็นเด็กทุน

“ถ้าอยากให้สอนก็มาที่ห้องซิจ้ะ”

“จะสอนให้หมดไม่เหลือสักชิ้นเลย!”

“แต่ถ้าขาดสนเรื่องเงินบอกเราได้นะ..เราป๋านะจะบอกให้”

“ตอนกลางวันไปกินข้าวกับเรามั้ยตัวเล็ก”

“เห้ยๆ กัญต้องไปกับกู!”

“ไม่ๆ พวกนายมันหื่น กัญมากับพวกเราดีกว่านะจ้ะ”

“ใช่ๆ อยู่กับพวกเราดีกว่าเราจะสอนให้เอง”

“เห้ยพวกผู้หญิงอย่ายุ่งเด้!”

เสียงเด็กทั้งห้องโวยวายเอะอะทะเลาะกันไปมาสร้างความหงุดหงิดให้อาจารย์ที่ปรึกษาจนเธอทนไม่ไหว

ตุบ!

“พอ!” ไม้เรียวประจำกายฟาดไปที่กระดานข้างหน้าห้อง ทั้งห้องเงียบลงทันที อาจารย์สายกัดปากอย่างไม่พอใจก่อนจะมองหน้าเด็กชายตัวเล็กตรงหน้าแล้วยิ้ม

“น่าตาน่ารักท่าทางคงจะเป็นที่ชื่นชอบของทั้งห้อง เผลอๆ อาจจะเป็นที่ชื่นชอบในโรงเรียนเลยก็ได้..ฉันจะส่งเธอไปประกวดเป็นเดือนโรงเรียนดีกว่า เผื่อฉันจะได้หน้าได้ตาบ้าง คนอื่นคิดว่าไง”

“เห็นด้วยค้า!”

“เห็นด้วยค้าบ!”

กัญอ้าปากค้างมองเพื่อนๆ ที่ยกมือเห็นด้วยตามๆ กัน อาจารย์สาวกระตุกยิ้ม

“เย็นนี้มาหาฉันที่ห้องพักครูด้วยล่ะ กัญ เอาล่ะ! คนต่อไป...”

“ค่ะ...กอหญ้าค่ะ...”

กัญมองเพื่อนๆ รอบห้องด้วยหัวใจที่เต้นระรัว

เขา...จะถูกส่งไปประกวดเดือนโรงเรียน ตำแหน่งที่เขาว่ากันว่าเป็นคนที่หน้าตาดีที่สุดของมอปลายปีหนึ่งที่นี่ ซึ่งแต่ละปีก็จะมีหนึ่งคน...

...เขาน่ะหรอ...ดีใจจัง...

“พักเที่ยงทานข้าวที่ไหนหรอกัญ?” คำถามของกอหญ้าทำให้คนตัวเล็กชะงัก

“ก็...โรงอาหาร”

“โรงอาหาร? คิดว่าที่นี่เป็นโรงเรียนธรรมดาหรอ ฮ่าๆ” ใจดีที่ได้ยินหัวเราะอย่างชอบใจแล้วขยับเก้าอี้ตัวเองมาใกล้ๆ กับคนตัวเล็ก

“ที่นี่ไม่มีโรงอาหารนะ มีแต่ร้านอาหาร แล้วก็มีเยอะมาก น่าจะ...เกือบๆ ยี่สิบร้านเลยมั้ง ไม่รวมร้านขายขนม เครื่องดื่ม ของเล่น เสื้อผ้าที่อยู่ในเขตของโรงเรียนนะ” กัญขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจ

“แน่นายเป็นเด็กทุนที่สอบเข้ามาเฉยๆ ไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรอ?” กัญส่ายหน้า

“คืออาจารย์ที่ปรึกษาตอนมอต้นบอกว่าให้เราสอบ เราก็ไม่รู้ว่าสอบอะไรก็แค่ทำข้อสอบน่ะ แล้วไม่กี่วันต่อมาอาจารย์ก็บอกว่าเราสอบผ่านแล้วได้ทุนมาเรียนที่นี่ แถมทางโรงเรียนยังออกค่าที่พักให้เราครึ่งหนึ่ง แม่เราออกครึ่งหนึ่ง แล้วได้ราคาคอนโดครึ่งราคาทำให้เราย้ายมาอยู่แถวนี้ได้...” กัญว่าตามที่รู้ กอหญ้ากับใจดีมองหน้ากันงงๆ

“แล้วเครื่องแบบล่ะ? หนังสือเรียนด้วย?”

“อ๋อ มันส่งมาที่คอนโดของเราก่อนที่จะเปิดเรียนหนึ่งสัปดาห์น่ะ ทั้งหนังสือ ชุด แล้วก็มีกฎว่าเราที่เป็นเด็กทุนต้องทำคะแนนได้เกรดสี่ทุกวิชาตลอดสามปีด้วย” กอหญ้ากับใจดีทำหน้าตกใจ

“เกรดสี่! เป็นไปไม่ได้หรอก! ที่ผ่านมาคนที่ได้เกรดสี่ทุกวิชาติดกันสองเทอมก็มีแค่พี่อัฐลูกชายเจ้าของโรงเรียนนี่แหละ” กัญชะงักแล้วยิ้มน้อยๆ

“มันอยากขนาดนั้นเลยหรอ”

“เออดิไอ้เตี้ย ที่นี่เขาเรียนหลักสูตรปริญญาโทตั้งแต่มอปลายปีหนึ่งนะ แล้วต้องเป๊ะๆ ด้วย ขึ้นเกรดสามได้ถือว่าเก่งมากแล้ว....ส่วนใหญ่พวกที่ได้เกรดสามก็พวกหนอนหนังสือไม่คุยกับใครแล้วก็เอาแต่อ่านหนังสือเรียนนั่นแหละ”

“แล้วแบบนี่ถ้าไม่ได้เกรดสามเรียนจบไปจะเข้ามหาลัย ทำงานได้หรอ?” กอหญ้าหัวเราะเบาๆ

“ถ้าเป็นนักเรียนของที่นี่แค่มีใบจบ มหาลัยที่ไหนก็รับ จะเรียนต่อต่างประเทศ ทำงานบริษัทดังๆ ตำแหน่งสูงๆ ก็ได้ แค่เกรดสองขึ้นไปก็พอแล้ว” กัญกลืนน้ำลายก่อนจะพูดเบาๆ

“เขาบอกว่าถ้าเราเรียนไม่ถึงเกรดสี่เทอมแรกเราจะโดนไล่ออก”

“จริงดิ ฮ่าๆ เด็กทุนแม่งลำบากว่ะ...เห้ย! นี่เลยเวลาพักมาสิบนาทีแล้วหรอวะ โธ่เพราะมาคุยกับพวกมึงนี่แหละ ไปก่อนนะเว้ย! อ๋อ! อาหารที่นี่แพงมากนะขอบอก!” ใจดีว่าจบก็วิ่งออกไปจากห้องด้วยท่าทางรีบร้อน กัญขมวดคิ้วแน่นอย่างคิดหนัก

“เอาเถอะกัญ ไปทานข้าวกันก่อน”

“ข้าวที่นี่...แพงมากเลยหรอ?” คนตัวเล็กถาม กอหญ้านิ่งไปก่อนจะพูดเบาๆ

“ก็ถ้าเป็นร้านถูกๆ ค่าอาหารขั้นต่ำก็น่าจะ สองสามร้อยเองมั้ง...”

“สองสามร้อย! ขั้นต่ำสองสามร้อยเลยหรอ!” กอหญ้าพยักหน้า

“แสดงว่าไม่รู้เรื่องโรงเรียนนี้จริงๆ ซินะ เดี๋ยวเราเล่าให้ฟังตอนไปทานข้าว”

“เราไม่ทานหรอกกอหญ้า เงินเราไม่เยอะขนาดนั้น” กัญว่าแล้วถอนหายใจ กอหญ้าหัวเราะเบาๆ

“แต่มันก็มีร้านสะดวกซื้ออยู่ ราคาทั่วไปเหมือนข้างนอก หาของกินในนั้นแล้วกันนะมื้อนี้ เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน” กัญที่ได้ยินก็เผยยิ้มกว้างออกมา

ร่างสูงของชายวัยรุ่นที่กำลังเล่นกีฬาในช่วงพักกลางวันเป็นที่น่าจับตามองของเหล่าหญิงแท้ หญิงเทียม รวมถึงพวกชายเพศเดียวกันทั้งหลาย เสียงกรี๊ดกร๊าดยามที่เขาทำคะแนนให้กับทีมดังลั่นไปทั่วบริเวณลานกว้าง...

“เหี้ยอัฐแม่งเรียกคะแนนหญิงได้อีกแล้ว แค่มึงทำประตูได้เนี่ยนะ เมื่อกี้กูเตะเข้าสองลูกติดแม่งไม่เห็นมีใครกรี๊ดให้กูเลย” เด็กชายอีกคนว่าอย่างหงุดหงิดแล้วยกเท้าถีบเพื่อนรักอย่างแรง

“อร๊าย~ อย่าแกล้งพี่อัฐน้า~” เสียงร้องของพวกผู้หญิงดังขึ้นมาอีกเมื่ออัฐถูกแกล้ง แต่เจ้าตัวดูท่าจะสนุกสนานมากกว่า

“ไอ้เต็ม มึงแม่งกล้าถีบกูนะเดี๋ยวมึงโดนๆ”

“กูหมันไส้นี่ว่า แม่งพวกผู้หญิงมาเชียร์มึงเต็มรอบสนามเลย” เต็ม หรือ เติมเต็มทำหน้าบูดไม่พอใจก่อนจะเดินมาที่เก้าอี้นักกีฬาแล้วยกน้ำขวดดื่ม

“มึงเองก็มีแฟนคลับเยอะตายห่า....แล้วนี่คาบต่อไปแม่งว่างทำอะไรดีวะ ไปห้องสมุดดีป้ะ” อัฐถามพร้อมกับยกน้ำขึ้นดื่ม เติมเต็มสำลักน้ำทันทีเมื่อได้ยินว่าห้องสมุด

“ขอร้องไอ้อัฐ อย่าเอาเรื่องเรียนมาใส่หัวกู บึ๊ย! แค่ได้ยินกูก็ท้องไส้ปั่นป่วนแล้วอ่ะ วันนี้วันเปิดเรียนวันแรก แถมตอนบ่ายยังว่างอีก ขอกูเล่นเกมส์สักตาสองตาเถอะ” เติมเต็มว่า อัฐถอนหายใจ

“เพราะงี้แหละมึงถึงได้อยู่แค่เกรดสอง”

“เออใครจะเป็นเด็กเกรดสี่สองปีซ้อนแบบพี่ล่ะครับพี่อัฐ! เชอะ ไม่อยากคุยกับมึงแล้ว ไปหาอะไรกินดีกว่า” เติมเต็มลุกขึ้นแล้วเดินไปทางร้านสะดวกซื้อ

“ไอ้เต็มมึงจะไปร้านสะดวกซื้อหรอวะ? ไม่เข้าร้านอาหารหรอ?” อัฐที่เดิมตามถามงงๆ เติมเต็มหันมาแล้วหัวเราะน้อยๆ

“ก็เงินที่ท่านย่าให้มาเมื่อเช้ากูไปเติมเกมส์หมดแล้วว่ะ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีอยู่ไม่กี่พันเอง เดี๋ยวเย็นนี้จะไปหาน้องจุ๊บจิ๊บที่อยู่โรงเรียนข้างๆ ด้วยเก็บไว้เปย์เด็กหน่อย”

“ส่วนตัวเองก็กินของถูกๆ?” อัฐขมวดคิ้วไม่ค่อยชอบใจ เติมเต็มหัวเราะ

“มันก็กินได้เหมือนกันมั้ยมึง มึงนี่มันคุณชายจริงๆ นะ ผ.อ. เขาก็เลี้ยงมึงมาแบบตามใจชะมัด คงอยู่แบบกินหรูมาตลอดอะดิ” อัฐหยักไหล่เล็กน้อยเมื่อนึกถึงผ.อ. หรือคุณแม่ของตัวเองที่เติมเต็มพูดถึง

ทั้งสองเดินไปที่ร้านสะดวกซื้อซึ่งเป็นสาขาที่โรงเรียนเปิดให้เฉพาะนักเรียนสำหรับนักเรียนที่อยากประหยัด แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีก็อย่างว่า โรงเรียนเอกชลชั้นนำของประเทศมีแต่พวกคุณหนูทั้งนั้น...

เด็กมอปลายปีสองทั้งสองคนเดินไปคุยกันไปตามประสาเพื่อนสนิทโดยไม่ได้สนใจทางเดินข้างหน้าเลย...

ปึก!

“โอ๊ย!”

“เหี้ย!” อัฐร้องออกมาเพราะตกใจก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นเด็กคนตรงหน้าทำท่าจะล้มลง

พรึบ!

“เป็นไรมั้ยน้อง!” แขนแกร่งช้อนไปที่ข้างหลังของคนตัวเล็กก่อนจะถามอย่างตกใจ กัญหลับตาปี๋เพราะคิดว่าตัวเองจะล้มลง แต่เพราะรู้สึกว่ามีคนรับไว้ทันจึงค่อยๆ ลืมตา

ทั้งสองชะงักกึกเมื่อเห็นใบหน้าของกันและกันในระยะประชิด...

กัญจ้องมองไปที่นัยย์ตาสีดำสนิทและดวงตาคู่คมเหมือนต้องมนต์สะกด ไม่ต่างจากอัฐที่มองตาโตหวานสีน้ำตาอ่อนอย่างหลงไหล...

“อะแฮ่ม!”

“เอ่อ...โทษที” อัฐที่ได้สติก่อนกล่าวขอโทษแล้วค่อยๆ พยุงคนตัวเล็กเท่าหัวไหล่ให้ยืนตรงๆ กัญพยักหน้าแล้วก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองผู้ชายตรงหน้าเพราะความเขินอาย

“เป็นอะไรมากมั้ยน้อง ของตกหมดแล้วมาเดี๋ยวพี่ช่วย” เติมเต็มว่าก่อนจะหยิบแซนวิชราคาถูกขึ้นมาพร้อมน้ำเปล่าราคาไม่ถึงสิบบาท

“โห มีคนในโรงเรียนเรากินของแบบนี้ด้วยหรอ...อืม นี่พวกเธออยู่ปีหนึ่งหรอ?” เติมเต็มถาม กัญและกอหญ้าพยักหน้า

“ขอโทษนะคะพี่ๆ พวกหนูมัวแต่คุยกัน” กอหญ้ายกมือไหว้ขอโทษ กัญเห็นแบบนั้นก็ยกมือไหว้ขอโทษคนตรงหน้าด้วย

“ขอโทษนะครับที่ชน...”

“ไม่เป็นอะไรหรอกพวกกู...เอ่อ...พวกพี่ก็ไม่ได้มอง ไม่ต้องไหว้” อัฐท่าทางเก้ๆ กังๆ แล้วจับมือรุ่นน้องตัวเล็กให้ปล่อยมือ กัญชะงักใบหน้าและลำตัวร้อนผ่าวขึ้นมา

“อ่ะนี่ของน้อง ไม่คิดว่านักเรียนที่นี่จะซื้อของพวกนี้กิน” เติมเต็มว่าพร้อมยื่นของทั้งสองให้กอหญ้า

“ครับ ผม...ได้ยินมาว่าที่นี่ค่าอาหารแพง เอ่อ...พวกผมขอตัวนะครับ” กัญที่นึกขึ้นได้ว่าเผลอพูดเรื่องไม่ดีที่ทำให้ตัวเองอับอายออกไปจึงรีบขอตัวแล้วออกมาจากตรงนั้นพร้อมดึงกอหญ้าเพื่อนสาวมาด้วย

“อะไรของน้องมันวะ...” เติมเต็มเกาหัวงงๆ อัฐมองตามแผ่นหลังเล็กไปอย่างเหม่อลอยก่อนจะเหลือบไปเห็นเงินเหรียญที่ตกอยู่ตรงนั้นสองสามเหรียญ

“ของน้องมันเปล่าวะ” เติมเต็มถามหลังจากมองเพื่อนรักหยิบเศรษเงินขึ้นมา

“น่าจะใช่ ต้องเป็นของเด็กผู้ชายคนนั้นแน่เลย” อัฐว่าแล้วเผยยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เติมเต็มขมวดคิ้วก่อนจะนึกเรื่องอะไรดีๆ ออก

“อ๋อ มึงตกหลุมรักน้องหน้าหวานแล้วใช่มั้ย”

“บะ บ้า! มึงพูดอะไรวะเต็ม...กู..กู..” อัฐยกมือปิดหน้าตัวเองเพราะความอาย เติมเต็มหัวเราะกร๊ากอย่างชอบใจและสนุก

“เดี๋ยวกูช่วยมึงเองเพื่อน เดี๋ยวกูสืบให้ว่าน้องมันเป็นใคร ชื่ออะไร อยู่ห้องไหน แล้ว...มีแฟนรึยัง” อัฐเบิกตากว้าง

“มึงจะสืบให้หรอ!”

“นั่นไงมึงชอบน้องจริงด้วย!”

“หึ้ย! มึงแกล้งกูอีกแล้ว!!” อัฐทำท่าฮึดฮัดแล้วเดินปึงปังไปอีกฝั่ง เติมเต็มเบิกตากว้าง

“เดี๋ยวไอ้อัฐ! กูยังไม่ได้ซื้อของกินเลย เดี๋ยวเว้ย! รอกูด้วยย~~”

100%

#โปรดติดตามตอนต่อไป....

กดไลค์ คอมเม้นต์ เป็นกำลังใจด้วยนะจ้า

1 คอมเม้ต์ = 1 กำลังใจ

ขอบคุณนักอ่านทุกๆ ท่านที่อ่าน สนับสนุน เด้ออออ ???

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel