บท
ตั้งค่า

ฝันครั้งที่สอง

เนื้อหาต่อจากนี้เป็นเนื้อหาต่อจากนิยายเรื่อง #พรากรัก หากนักอ่านงงๆ ให้ไปอ่านเรื่องพรากรักก่อน (อีบุ๊คถูกกว่า) แต่ไม่อ่านก่อนก็ได้น้ามันไม่ได้เชื่อมกันเท่าไหร่จ้ะ*

หลังจากจบการฉลองวันแต่งงานครั้งยิ่งใหญ่ของเจ้านายคนตัวเล็กในชุดสูทสีขาวครีมเดินยิ้มเข้ามาในห้องของโรงแรมชื่อดังที่เขาพักอยู่ก่อนจะล้มลงที่เตียงอย่างหมดแรง

“เห้อ~ คุณป้องกับคุณต้าแต่งงานกันแล้ว...ปลายรักก็ท่าทางดีใจมากด้วย เรื่องทุกอย่างก็คงจะจบแล้วซินะ ดีล่ะ! หลังจากนี้จะทำงานให้เต็มที่เลย!” อาย ชูแขนขึ้นเป็นกำลังใจให้ตัวเองพร้อมรอยยิ้มกว้างก่อนจะหายใจอีกครั้ง

“เหนื่อยๆ จริงๆ เลยน้าการทำงานเนี่ย” อายว่าแล้วค่อยๆ หลับตาพริ้มหลับลงสู่นิทราอยู่บนเตียงนุ่มขนาดใหญ่...

โดยไม่รู้ว่าร่างสูงอีกคนกำลังเดินเข้ามาในห้อง..

อิฐเดินเข้ามาในโรงแรม ห้องของอายน้องชายคนละแม่ ก่อนจะมองหาคนตัวเล็กที่คิดว่าน่าจะกลับมาแล้ว และเหลือบไปเห็นบานประตูห้องที่ไม่ได้ปิดไว้

“อ่อยรึไง” ร่างสูงว่าเสียงนิ่งแล้วเดินเข้าไปในห้อง เห็นน้องชายนอนหลับพริ้มอยู่ มุมปากหนายกยิ้มอย่างชอบใจแล้วถอดเสื้อเชิตของตัวเองก่อนจะค่อยๆ คล่อมคนตัวเล็กและซุกไซร้ซอกคอช้าๆ

“อืม....พี่อิฐ!” อายตกใจเบิกตากว้างก่อนจะผลักอีกคนออก แต่อิฐไม่ยอม ร่างสูงปัดมือเล็กทิ้งแล้วซุกไซร้ซอกคอเรียว

“อืม พี่อิฐ...กลับมาเร็วจัง” อายว่าอย่างเคลิบเคลิ้ม อิฐกัดเม้มเบาๆ เพราะไม่อยากให้เกิดรอยแดงแล้วตอบคำถามน้องชาย

“ไม่อยากอยู่นาน ที่บ้านนั้นมีแต่คนสกปรก” อายขมวดคิ้วแน่นก่อนจะผลักอีกคนออกเบาๆ

“พูดแบบนี้ได้ไงล่ะครับ ยังไงนั่นก็บ้านพี่อิฐนะ”

“บ้านของพ่อ...บ้านของมึงด้วย เพราะมึงก็เป็นลูกของพ่อ” อายชะงักแววตาฉายความเศร้าออกมา

“ไม่หรอกผมเป็นแค่ลูกที่เกิดจากความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจของคุณพ่อ ก็แม่ของผมน่ะ...”

“แม่ของมึงเป็นกระหรี่” อายหันมองคนเป็นพี่ขวับ แววตาแสดงความไม่พอใจชัดเจน

“ทำไมต้องย้ำ!”

“ก็มันจริงมั้ยล่ะ หึ....แม่มึงก็แค่ผู้หญิงขายตัวที่คิดจะจับคุณพ่อ”

“ไม่จริงสักหน่อยแม่ไม่ได้คิดจะจับคุณพ่อนะ แม่แค่ทำไปเพราะไม่รู้ตัว!” อิฐหยักไหล่แล้วดึงชุดสูทที่อีกฝ่ายใส่อยู่ออก แต่อายขัดขืน

“ไม่ทำแล้วพี่อิฐ อายเหนื่อย” คนตัวเล็กว่าแล้วพยายามจะลุกขึ้นแต่ถูกอิฐผลักให้ล้มลงที่เตียงอีกครั้ง

“โอ๊ย!”

“อย่าขัดขืนกูนะไอ้อาย....กูไม่ชอบ” คำพูดของร่างสูงพร้อมสายตาดุดันทำให้คนตัวเล็กกลัวขึ้นมา อายกัดปากแน่นก่อนจะพูดเสียงแผ่ว...

“อยากจะทำอะไรก็ทำ....ตามใจ...”

“ดี...ดีมากน้องชาย หึ...” อายหลบตาอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจ

ทำไมนะ

เรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับเขา

ทำไมเขาถึง...ต้องรักพี่ชายของตัวเอง.....

“พี่อิฐจะกลับไปที่เกาะด้วยกันมั้ยครับ?” เสียงหวานเอ่ยถามหลังจากที่ทั้งสองทำกิจกรรมเสร็จ อิฐส่ายหน้าปฎิเสธ พร้อมกับเปิดมือถือของน้องชายเพื่อตรวจสอบว่าน้องชายคุยกับใครบ้าง

“ถ้างั้นพรุ่งนี้อายกลับเกาะคนเดียวหรอ?”

“อืม เดี๋ยวอยู่ที่นี่สักพักที่ร้านตอนนี้มีปัญหาไม่อยากทิ้งไป” อายมองพี่ชายที่นั่งข้างๆ แล้วยิ้มเล็กน้อย

“ดีแล้วล่ะ พี่อิฐเปิดผับมาก็ตั้งหลายปีแล้วแต่ไม่ยักจะมาดูแล เอาแต่ไปอยู่ที่เกาะกับอายไม่ทำอะไรเลยนี่ครับ มาดูแลร้านให้พนักงานเห็นหน้าตาบ้างก็ดี” อายว่าแล้วหัวเราะ อิฐตวัดตามองน้องชายก่อนจะดีดหน้าผากคนตัวเล็กเบาๆ

“เจ็บนะ”

“ก็มึงพูดมากชิบหาย กูจะอยู่ที่ไหนมันก็เรื่องของกูเถอะ ที่กูไม่อยู่ดูแลร้านส่วนหนึ่งเพราะกูไม่ชอบเมืองหลวงคนเยอะ...อีกส่วนมึงก็รู้นิ ว่ากูอยากอยู่กับเมีย หึ” อิฐกระตุกยิ้ม อายชะงักใบหน้าแดงระเรื่อเพราะความเขิน

“พูดบ้า อายเป็นน้องชายพี่นะ”

“นามสกุลก็คนละอย่าง แถมไม่มีใครรู้เลยว่ามึงเป็นลูกพ่อ คนที่รู้ก็มีแค่พ่อ แม่ของมึง ตัวมึง กู แค่นี้ ต่อให้มึงพูดว่าเป็นพี่น้องกูก็ไม่มีใครเชื่อหรอก บอกว่าเป็นเมียยังน่าเชื่อกว่า” อายทำปากยื่นปากยาวแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ อีกฝ่าย

“แล้วเมลเนี่ยมึงจะคุยเหี้ยอะไรนักหนา ป้องบ้าง ต้าบ้าง ดีโน่บ้าง...แล้วไอ้ดีโน่เนี่ย จะคุยอะไรกันเยอะแยะ” อิฐว่าอย่างไม่พอใจ แสดงความหึงหวงออกมาชัดเจน อายเบะปากใส่

“ก็ตอนนี้พี่ดีโน่เขามาดูแลงานแทนคุณป้อง เขาขึ้นแท่นประธานบริษัทแทนคุณป้อง ผมที่เป็นเลขาก็ต้องคุยกับเขาบ่อยซิ” อิฐทำหน้าไม่พอใจ

“อย่าให้กูรู้แล้วกันว่าคุยเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงาน”

“ทำไมล่ะครับ อายจะคุยกับใครเรื่องอะไรมันก็....” คนตัวเล็กชะงักเมื่อเห็นสายตาดุดันของพี่ชาย อายกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะพูดอ้อมแอ้ม...

“ก็..ไม่ได้คุยอะไรกันนอกจากเรื่องงานหรอก พี่อิฐไม่ต้องห่วง..”

“ดี อย่าให้กูรู้ว่ามึงร่านไปเอากับคนอื่นนอกจากกู เพราะกูไม่เก็บมึงไว้แน่อาย” คนตัวเล็กหลบตาแล้วหันหลังให้พี่ชาย อิฐมองร่างเล็กที่หันหลังให้ตัวเองก่อนจะตรวจสอบเมลน้องชายต่อ....

เช้าของวันถัดมา อายที่มีกำหนดการขึ้นเครื่องบินไปที่เกาะทางตะวันออกซึ่งเป็นบ้านและที่ทำงานของเขารีบออกจากโรงแรมโดยไม่ลืมที่จะสั่งอาหารเผื่อพี่ชายตอนที่เขาตื่น เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้อีกคนด้วยความเป็นห่วง...

อิฐตื่นขึ้นมาก่อนจะมองไปที่นาฬิกาของโรงแรม

“ไปแล้วซินะ” ร่างสูงพึมพำก่อนจะมองไปที่ตู้เสื้อผ้าที่มีชุดของเขาถูกเตรียมไว้ มุมปากหนายกยิ้มอย่างพอใจ...

ไม่มีใครรู้ใจอิฐเท่าอาย

ไม่มีใครที่ทำให้อิฐหึงหวงได้เท่าอาย

แม้จะเป็นพี่น้องต่างแม่ แต่อิฐก็ไม่สนใจ เขาต้องการคนตัวเล็กอย่างน้อยชายมาอยู่เคียงข้าง.....ในสถานะอะไรก็ได้...เพราะเขาไม่ได้รักมันอยู่แล้ว แค่มีมันอยู่ด้วนแล้วสะดวกดีเท่านั้น...

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวและทานอาหารที่อายเตรียมไว้ ร่างสูงก็เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแล้วขับรถคันหรูราคาหลายสิบล้านบาทของตัวเองเข้าไปในเมืองหลวงที่แสนวุ่นวาย เมืองที่เขาไม่ชอบนั่น....

“อะ อ้าว...คุณอิฐ สวัสดีครับ! ไม่เจอกันนานเลยนะครับ!” ยามหน้าประตูเอ่ยทักชายร่างสูงที่คุ้นเคย อิฐพยักหน้ายกมือไหว้ตามมารยาทก่อนจะขับรถเข้าไปในคอนโดหรูของเขา อิฐมีบ้านอยู่แถวนี้ แต่เพราะไม่ชอบคนที่อยู่ในบ้านนั้นทำให้เขาเลือกที่จะออกมาอยู่คอนโดราคาสูง แต่เพราะปกติเขาจะอยู่ที่เกาะทางตะวันออกกับอาย นานทีปีหนเขาจึงจะกลับมาทีเท่านั้น....

ห้องสีดำสนิทถูกปิดด้วยผ้าแม่นสีทึบจนไม่มีแสงทะลุผ่านเข้ามา ร่างสูงเดินเข้ามาข้างในก่อนจะวางเสื้อผ้าที่เอามาจากโรงแรมไว้แล้วเดินไปเปิดผ้าม่านสีเข้ม

พรึบ....

วิวยามบ่ายของเมืองกรุงที่มีแต่คนและรถพลุกพล่านทั่วเมืองทำให้ร่างสูงรู้สึกตลกขบขัน...

ชีวิตที่แสนวุ่นวาย

ดิ้นรนเอาชีวิตรอด หาเงินเช้าเย็น

น่าขำ

ร่างสูงกระตุกยิ้มก่อนจะเดินออกมาจากห้องเพื่อไปที่ร้านของตัวเอง

ผับหรูมีชื่อเสียงที่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเซเลป ดาราศิลปิน คนมีหน้ามีตามีเชื่อเสียงหรือพวกกระเป๋าหนักเท่านั้นที่จะเข้าได้

อิฐเปิดร้านนี้ไว้เพื่อที่จะคลายเครียด แต่เพราะทนอยู่ในเมืองหลวงไม่ไหวจึงเลือกทิ้งร้านไปอยู่กับอายสองคนแล้วกลับมาบ้างบางครั้ง ครั้งนี้เขาควรที่จะกลับไปที่เกาะกับอาย แต่เพราะว่าปัญหาของผับทำให้เขาต้องอยู่สะสาง

“คุณอิฐสวัสดีค่ะ มิรินนึกว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว” ผู้จัดการผับสาวสวยทำหน้าตาดีใจ อิฐพยักหน้าแล้วมองไปที่ร้านของตัวเองที่ตอนนี้หน้าร้านมีแต่ตำรวจเต็มไปหมด

“ที่จริงเธอเป็นคนจัดการเองก็ได้มั้ง” อิฐว่า มิรินส่ายหน้าไปมา

“ไม่ได้ค่ะไม่ได้ คุณอิฐควรจะมาเจอพนักงานบ้างนะคะ ถึงเรื่องนี้มิรินจะจัดการได้แต่คุณควรออกหน้าบ้างซิคะ” อิฐถอนหายใจ

“เพราะพวกดาราพวกนั้นแท้ๆ ถึงได้เป็นเรื่องราวใหญ่โต” อิฐว่าแล้วนึกถึงเรื่องร้ายที่เขาได้ยินจากมิรินเมื่อวันก่อน

ดาราชายและหญิงเมาขาดสติทำอนาจารในผับและถ่ายวิดีโอถ่ายทอดสด เป็นที่เสื่อมเสียไม่พอ ภรรยาของดาราชายคนนั้นดันตามมาหาเรื่องดาราสาวจนทะเลาะวิวาทร้านพังยับเยินไปหมด...

“นี่ตำรวจเขาก็กำลังตรวจหาสารเสพติดอยู่เพราะดาราสองคนนั้นที่ทำอนาจารเขาติดยาเสพติดด้วย เรื่องใหญ่โตเลยนะคะ” มิรินว่า อิฐพยักหน้าก่อนจะเดินไปหาตำรวจเพื่อที่จะคุยงานและให้ตำรวจตรวจสอบร้านทุกตารางนิ้วเพราะเขามั่นใจว่าร้านของตัวเองไม่มีสารเสพติดจำหน่าย นอกจากลูกค้าจะเสพจากที่อื่นมาก่อน

กว่าพวกตำรวจจะตรวจเสร็จสิ้นก็ดึกดื่น ผับถูกระงับงดใช้บริการนานหนึ่งเดือน พอดีกับที่เขาต้องซ่อมแซมร้านด้วย

“งั้นเสร็จธุระแล้ว พวกตำรวจก็ไม่สนใจร้านเราเท่าไหร่ ฉันกลับก่อนแล้วกัน” อิฐว่าแล้วกำลังจะหันหลัง แต่มิรินเรียกไว้

“เดี๋ยวคุณอิฐ กลับ...กลับเนี่ย กลับคอนโดหรือกลับ...”

“กลับเกาะ ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานๆ นักหรอกนะ ฝากทุกอย่างด้วยนะมิริน” ร่างสูงว่า มิรินถอนหายใจแล้วมองเจ้านายตัวเองที่เดินจากไปด้วยรอยยิ้ม

คนอะไรทำตามใจตัวเองชะมัด

อิฐเดินมาถึงที่จอดรถแล้วเหลือบไปเห็นผับฝั่งตรงข้ามที่มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังเดินไป....

“แก แต่พวกเราอายุแค่สิบห้าเองนะ จะเข้าผับได้ไงอ่ะ...”

“เอาน่า ร้านนี้ร้านเพื่อนของพี่เรา พี่เขาให้เข้าได้ แต่ถ้าตำรวจมาตรวจก็เนียนๆ ออกจากหลังร้านไง”

“กลัวว่ะ”

“ไม่ต้องกลัว เรียนจบแล้วนะเว้ยมาฉลองกันบ้างเถอะ พี่เขาจะลดค่าเครื่องดื่มให้พวกเราด้วยนะ”

“ครั้งนี้ครั้งเดียวนะเว้ยแก ฉันกลัวพ่อกับแม่รู้”

“ได้ๆ” กลุ่มเด็กนับสิบคนคุยกันเสียงดังระหว่างทางที่จะไปที่ร้าน อิฐมองกลุ่มเด็กใจแตกนั่นก่อนจะส่ายหน้าไปมา

พวกเด็กอยากรู้อยากลอง

ร่างสูงนึกในใจก่อนจะชะงักเมื่อเด็กชายคนหนึ่งวิ่งผ่านเขาไปเพื่อไปหาเด็กพวกนั้น

“โทษทีที่มาช้า! เราเก็บของอยู่อ่ะ!” เด็กชายร่างเล็ก ผิวขาวน่าทะนุถนอมหยุดอยู่ที่กลุ่มเด็กก่อนจะยิ้มกว้างกล่าวขอโทษเพื่อนๆ

“โหย กัญ! จะรีบเก็บของไปไหน แกย้ายไปอยู่หอตั้งอีกหลายวันไม่ใช่รึไง” เพื่อนของเด็กคนนั้นพูด

“เราเลื่อนวันย้ายออกไปน่ะ พรุ่งนี้ก็จะย้ายไปอยู่หอใหม่แล้ว วันนี้เราต้องรีบกลับนะเดี๋ยวคุณแม่ว่าเราบอกแม่แค่ว่ามากินเลี้ยงกับเพื่อนๆ ฉลองจบ เราไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ด้วยนะ” คนตัวเล็กว่า เพื่อนๆ พยักหน้ายิ้ม

“พวกเราไม่ให้แกดื่มหรอก อันตราย”

“ขอบใจนะ ไปกันเถอะเนอะ” คนตัวเล็กหัวเราะกว้างอย่างสนุกสนานกับเหล่าพองเพื่อน อิฐมองตามคนตัวเล็กใบหน้าหวานไปก่อนจะแค่นหัวเราะอีกครั้ง

...ก็แค่เด็กแก่แดด...

ร่างสูงคิดในใจอีกครั้งก่อนจะขับรถกลับไปที่คอนโด แล้วคิดว่าพรุ่งนี้จะออกจากคอนโดเพื่อขึ้นเครื่องบินไปเกาะตามอายน้องชายของตน....

เสียงเอะอะจากด้านนอกห้องทำให้ร่างสูงตื่นขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ คอนโดหรูราคาสูงที่ปกติจะเก็บเสียงต่อให้เอาเครื่องเสียงมาเปิดดังแค่ไหนก็ไม่ได้ยินเสียงเล็ดลอดได้ แต่ตอนนี้เสียงดังโวยวายมันดังขึ้นมาจากนอกห้องของเขาจนอิฐรู้สึกหงุดหงิด

คนตัวเล็กพร้อมพองเพื่อนนับสิบคนหัวเราะร่าอย่างสนุกสนานพร้อมกับพากันช่วยยกข้าวของเข้ามาในห้องใหม่ของเพื่อนรัก

“สุดยอดอ่ะ!! โคตรหรูเลย!!” เด็กชายคนหนึ่งว่า โยนกระเป๋าของเพื่อนลงที่พื้นแล้ววิ่งเล่นทั่วห้อง

“ห้องใหญ่มากเลยกัญ แน่ใจนะว่าจะผ่อนหมดอ่ะ แบบนี้แม่ของกัญไม่ลำบากหรอ?” เด็กสาวคนหนึ่งว่า คนตัวเล็กเจ้าของห้องส่ายหน้าไปมา

“ไม่หรอกๆ เจ้าของคนเดิมเขาลดราคาให้เยอะมากเลยนะ ลดให้ตั้งครึ่งหนึ่งของราคาเดิมเลย”

“ทำไมลดราคาให้ตั้งขนาดนั้นล่ะ คอนโดหรูๆ ดีๆ แบบนี้...”

“ไม่รู้ซิ สงสัยมีผีมั้ง” กัญว่า เพื่อนทั้งสิบกว่าคนสะดุ้งก่อนจะวิ่งมากอดกัน

“ล้อเล่นน่า! ฮ่าๆ เร็วๆ มาช่วยกันยกของหน่อยซิ”

“ล้อเล่นแบบนี้เดี๋ยวตบเลย” เพื่อนๆ บ่นพึมพำ กัญหัวเราะชอบใจที่แกล้งเพื่อนสำเร็จ เหล่าเด็กๆ พากันจัดห้องไปเล่นไปตามประสาเด็กอายุสิบห้า สิบหกโดยไม่รู้ว่ามันสร้างความรำคาญให้ใครหลายคน...

“ฮ่าๆ! อย่านะ ฮ่าๆ เอาออกไปน้า~” เสียงหวานพูดไปหัวเราะไปแล้วผลักเพื่อนชายที่ยื่นผ้าเช็ดพื้นสกปรกให้ตนเอง เพื่อนๆ ต่างขำกันใหญ่ก่อนจะสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ก็มีคนเคาะประตูเสียงดัง หรือควรเรียกว่าตบประตูมากกว่า

ปังๆๆๆ!!!

พวกเด็กๆ มองไปทางประตูอย่างตกใจและหวาดกลัว กัญทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“เดี๋ยวเราไปเปิดเอง” เด็กสาวคนหนึ่งทำใจกล้าแล้วเดินไปเปิดประตูก่อนจะชะงัก

ร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำท่าทางโมโหจัดยืนขบฟันแน่นตรงหน้าพวกเด็กๆ

“คุยกันเบาๆ ได้มั้ยห้ะ! มันเสียงดังน่ารำคาญ! หัดเกรงใจคนอื่นซะบ้าง!” อิฐตะหวาดใส่อย่างไม่พอใจก่อนจะชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นเด็กชายตัวเล็กที่เขาเห็นเมื่อคืน และพอมองดีๆ เด็กพวกนี้ก็คือกลุ่มเด็กเมื่อคืนที่เขาเจอที่ผับฝั่งตรงข้ามผับเขา

“ขอโทษนะคะลุง เอ้ย! น้า คือเพื่อนของหนูเพิ่งย้ายมาใหม่พวกหนูเลยมากันช่วยจัดห้อง ขอโทษนะคะที่เสียงดังรบกวน คุณน้าอย่าถือสาเลยนะคะพวกหนูจะเบาเสียงลงค่ะ” หญิงสาวใจแกร่งน้อมตัวลงไหว้อย่างสำนึกผิด พวกเด็กๆ เองก็ยกมือไหว้อย่างรู้สึกผิดเหมือนกัน

“น้า...เหอะ!!! แล้วอย่าให้กูได้ยินเสียงอีกล่ะ!” อิฐรู้สึกโมโหหงุดหงิดกว่าเดิมที่ถูกพวกเด็กๆ เรียกว่าน้า ร่างสูงตวัดตาไปมองเด็กผู้ชายคนนั้นแล้วเดินกลับเข้าห้องของตัวเองที่อยู่ข้างๆ กัน

“ฟู่~ เกือบไปแล้ว...” เด็กหญิงว่าแล้วปิดประตูก่อนจะชะงักเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนรัก..

“ฮื้อออออ” กัญปิดหน้าร้องไห้ออกมาเสียงดัง พวกเพื่อนๆ รีบปิดปากคนตัวเล็กเพราะกลัวจะส่งเสียงดังทำให้คุณน้าเมื่อกี้โมโห

“อย่าร้อง ชู่! เงียบ! เดี๋ยวก็โดนไอ้ลุงแก่นั่นฆ่าหรอก” เพื่อนคนหนึ่งว่า กัญค่อยๆ พยักหน้าก่อนจะเช็ดน้ำตา

“ท่าทางแม่งโคตรโหดอ่ะ ติดยารึเปล่าก็ไม่รู้ กัญแม่งต้องมาอยู่กับคนแบบนี้หรอวะ”

“ระวังตัวไว้ด้วยนะกัญ พวกเราไม่ได้มาอยู่แถวนี้กับแก แถมยังอยู่คนละโรงเรียนอีก แกยิ่งต้องระวังตัวเลยเพราะพวกเราช่วยแกไม่ได้นะ” กัญมองหน้าเพื่อนรักหลายคนแล้วพยักหน้า

“นั่นซิ ฮึก เราไม่น่าสอบเข้าที่นี่เลยเนอะ....รู้งี้ไปเรียนกับพวกแกดีกว่า” เพื่อนๆ ยิ้มก่อนจะตบหลังเพื่อนชายตัวเล็ก

“อย่าคิดแบบนั้นดิ กัญเก่งจะตายที่สอบชิงทุนเข้าโรงเรียนเอกชลชื่อดังแบบนี้ได้ ทั้งโรงเรียนเรา ปีเรามีกัญคนเดียวที่สอบได้เลยนะ ทำเอาพวกเรายืดได้เลย”

“ใช่ๆ เทียบกับพวกเราที่ต้องไปเรียนโรงเรียนน่าเบื่อแบบนั้นแล้วกัญแม่งโคตรน่าอิจฉา ถึงจะต้องอยู่ไกลจากคุณแม่ของกัญ อยู่ไกลจากพวกเรา แล้วต้องมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีคนน่ากลัวแบบนี่แต่กัญต้องอดทนเรียนให้จบมอปลายนะ แล้วพวกเราไปเข้ามหาลัยที่เดียวกันนะ!” กัญมองหน้าเพื่อนๆ แล้วพยักหน้า

“อื้อ!! เราจะสู้!!” กัญชูมือขึ้นเรียกกำลังใจ เพื่อนๆ มองหน้ากันก่อนจะชูมือขึ้นทั้งสองข้างสุดแขนแล้วร้องออกมา

“โอ้ว!!”

“อุ๊บ!!” พวกเด็กๆ รีบเอามือปิดปากแล้วหันไปมองทางประตูเมื่อเผลอร้องเสียงดังออกมา พอไม่มีวี่แววว่าคนเมื่อกี้จะมาหาเรื่องอีกพวกเด็กๆ ก็หัวเราะร่าเบาๆ อย่างตลกขบขัน....

100%

#โปรดติดตามตอนต่อไป....

กดไลค์ คอมเม้นต์ เป็นกำลังใจด้วยนะจ้า

1 คอมเม้ต์ = 1 กำลังใจ

ขอบคุณนักอ่านทุกๆ ท่านที่อ่าน สนับสนุน เด้ออออ ???

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel