3.เส้นทางในม่านหมอก
วาโยสะดุ้งตื่นอีกครั้งในเช้ามืด ราวกับยังไม่หลุดพ้นจากฝันเมื่อคืน
ฝันนั้นยังชัดเจน…ชายหนุ่มกับแววตาเย็นชาในบ้านไม้เงียบงัน ยังตราตรึงในหัวใจอย่างไม่อาจลบเลือน
เธอหันไปมองนาฬิกาข้อมือที่วางอยู่ข้างหมอน
05.00 น.
เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
หญิงสาวลุกจากเตียงช้า ๆ สวมเสื้อคลุมบาง ก่อนเดินไปเปิดหน้าต่าง
ทันทีที่บานไม้ถูกผลักออก อากาศเย็นยะเยือกก็พัดเข้ามาปะทะใบหน้า
หมอกหนาทึบ ปกคลุมทั่วทั้งหมู่บ้าน ราวกับโลกทั้งใบถูกกลืนโดยความฝันขาวโพลน
เธอกำลังจะปิดหน้าต่างเมื่อสายตาเหลือบไปเห็น
เงาร่างหนึ่ง… เดินวนอยู่กลางลานหญ้าหน้าบ้าน
ท่วงท่าของเขาดูไม่เร่งรีบ แต่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด เหมือนกำลังสนทนากับความเงียบ
วาโยเบิกตากว้าง
“เขา...”
ชายในฝันเมื่อคืน — คนเดียวกันทุกกระเบียดนิ้ว
เธอคว้าเสื้อคลุมหนาขึ้นสวม แล้วรีบลงจากบ้านอย่างไม่ลังเล
---
ลานหน้าบ้านถูกหมอกกลืนเกือบหมด เธอวิ่งฝ่าความหนาวเย็นมาโดยไร้เสียง
ชายคนนั้นหายไปแล้ว…
เหลือเพียงเงาไกล ๆ ราง ๆ ที่กำลังเดินอยู่บนเส้นทางเล็ก ๆ ข้างแนวต้นไผ่
เธอเพ่งมองอย่างระวัง แล้วตัดสินใจเดินตามไปห่าง ๆ
เท้าเปล่าของเธอย่ำบนหญ้าเปียก เสียงฝีเท้าเบาหวิวราวกับกลัวจะปลุกอดีตให้ตื่น
ทางแคบพาเธอเลี้ยวโค้ง ผ่านต้นไม้สูงใหญ่ จนมาถึงบริเวณเจดีย์หินเก่า
ที่นั่น…เสียงกระดิ่งดังขึ้นเบา ๆ
กิ๊ง…กิ๊ง…
เสียงนั้นอ่อนหวาน คุ้นเคยราวกับเธอเคยยืนอยู่ตรงนี้นับพันครั้ง
วาโยกำลังจะก้าวเข้าไปใกล้
แต่แล้ว...
“คุณไม่ควรออกมาเดินคนเดียวในขณะที่หมอกหนาขนาดนี้”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมแรงคว้าเบา ๆ ที่แขน
วาโยหันขวับ
หลี่เจิ้น ยืนอยู่ตรงนั้น แววตาจริงจังและแฝงความกังวล
“เพราะคุณไม่คุ้นทาง มันจะทำให้คุณหลงได้ง่ายมาก”
เธอเม้มปากแน่น หัวใจยังเต้นแรง
“…ฉันแค่…เดินตามใครคนหนึ่งมา”
เธอหันไปชี้ทิศที่เธอเห็นเขาครั้งสุดท้าย แต่บัดนี้...
ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว
แม้แต่ เสียงกระดิ่ง...ก็เงียบงัน
---
หลี่เจิ้นมองเธอนิ่ง ๆ สายตาไม่ถาม…แต่คล้ายรู้
เขาหันไปมองเจดีย์หินตรงหน้าแล้วพูดเสียงเรียบ
> “เจดีย์นี้…มีตำนานว่าเป็นจุดเชื่อมต่อของเวลา
ผู้ที่เคยผูกพันกับอดีต จะได้กลับมาเดินบนเส้นทางเดิมอีกครั้ง…”
คำพูดของเขาคล้ายปล่อยควันบาง ๆ ลงในอกของวาโย
เธอไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไร
แต่เธอรู้ว่า…นี่ไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไปแล้ว
