2.แววตาในเงา
คืนแรกในหมู่บ้านป๋ายหลินเงียบกว่าที่วาโยคาดไว้
แสงจันทร์ครึ่งดวงส่องผ่านหน้าต่างไม้เก่า กระทบกับผนังห้องสีซีดของเรือนพักที่สร้างจากไม้สักทั้งหลัง เงาไม้ไหวเอนจากต้นหลิวด้านนอก พาดทอดลงบนพื้นราวกับพู่กันเก่าในภาพหมึกจีน
วาโยหลับตาลงท่ามกลางเสียงจิ้งหรีดไกล ๆ
และในห้วงความฝันนั้น…
เธอก็กลับมาอีกครั้ง
---
คราวนี้ไม่ใช่เมือง ไม่ใช่วัด ไม่ใช่ภูเขา
แต่เป็น บ้านหลังหนึ่ง ที่เธอไม่เคยเห็นในความจริง แต่รู้สึกคุ้นราวกับเคยอยู่มาเนิ่นนาน
ประตูไม้เปิดอ้าเล็กน้อย ลมพัดกลิ่นไม้แห้งและหมึกจีนเข้าจมูก
ภายในบ้านสงบเงียบ เพียงได้ยินเสียงกระดาษพลิกเบา ๆ
เมื่อเธอก้าวเข้าไป... ก็พบว่าเขาอยู่ที่นั่นแล้ว
ชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีหม่น นั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะใกล้หน้าต่าง
เขากำลังอ่านหนังสือเล่มหนาปกหนัง
ผมดำขลับถูกรวบไว้หลวม ๆ ด้วยด้ายเส้นเล็ก
เงาของคิ้วเรียวยาวทอดทับเปลือกตา เส้นกรามคมชัด แสดงความเด็ดขาดแต่ไม่หยิ่งยโส
มีเพียงแววตาคู่นั้น…ที่วาโยจำได้ทันที
แววตาเรียบเย็น ราวกับเฝ้ามองโลกที่หมุนเวียนมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง
เขามองผ่านหน้าต่างออกไปยังต้นหลิว และภูเขาในม่านหมอก ราวกับรอคอยบางสิ่ง
วาโยยืนนิ่ง ไม่กล้าเอ่ย
แต่ชายหนุ่มกลับพูดขึ้นโดยไม่หันมา
"เจ้ามาแล้ว…เร็วกว่าที่ข้าคิด"
เสียงของเขานุ่ม ลึก แฝงเศษเสี้ยวของความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในคำพูด
วาโยเม้มริมฝีปาก พยายามเอื้อนเอ่ย แต่กลับพูดไม่ออก
“เจ้าจำข้าไม่ได้…เช่นเดิมสินะ”
เขาหันมาช้า ๆ แววตาเย็นเฉียบกระทบกับดวงตาของเธอโดยตรง
แต่วินาทีนั้นเอง —
เสียงกระดิ่งจากภายนอกดังขึ้น
ทุกอย่างสั่นไหว เหมือนภาพฝันกำลังแตกเป็นเสี่ยงกระจก
---
วาโยสะดุ้งตื่น
เหงื่อซึมเล็กน้อยบนหน้าผาก ลมหายใจยังติดขัด
หน้าต่างยังคงเปิดไว้ ลมยังคงพัด
แต่ไม่มีบ้านหลังนั้น ไม่มีชายหนุ่ม ไม่มีเสียงพูดใด
มีเพียงเงาของต้นหลิวที่ส่ายไหว…ราวกับกำลังเตือนเธอว่าบางสิ่งจากอดีตเริ่มหวนกลับมาแล้ว
