๔ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด (๓)
“กลับค่ะ” กลัวมารดาจะรอกินข้าวเพราะนัดกันเอาไว้ว่าจะกลับมากินข้าวด้วยกัน จึงพยักหน้าเก็บของเข้ากระเป๋า โดยมีชัชชนถือกระเป๋าให้พร้อมอุ้มไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดคอยท่าอยู่ด้านหน้าเป็นที่เรียบร้อย
“ย่าหนูไปก่อนนะ สวัสดีค่ะ” ไหว้ย่าอุบลแล้วรีบเดินตามพ่อออกไปข้างนอก
หนูน้อยนั่งซ้อนท้ายแล้วกอดเอวพ่อไว้ ระหว่างทางก็ชวนคุยไม่หยุดทำให้เขาต้องขับช้ากว่าปกติ เพราะเสียงลมตีดังข้างหูจนแทบไม่ได้ยินเสียงของลูกสาว แต่ก็ยังสามารถตอบอีกฝ่ายได้พร้อมทั้งยิ้มอย่างเอ็นดูคนที่กอดตัวเองแน่นขึ้น
ทั้งที่เหมือนไม่โหยหา แต่พอมีพ่อเหมือนคนอื่นก็ทำให้ช่องว่างในใจถูกเติมเต็ม ร้องเพลงมีความสุขกระทั่งรถมอเตอร์ไซค์จอดลงหน้าบ้าน ร่างสูงชะเง้อคอมองเข้าไปข้างใน กลัวสุนัขที่เธอเลี้ยงไว้จะวิ่งเข้ามางับขา จึงค่อยเปิดรั้วเสียงเบาไม่ลืมหันมาจูงมือลูกสาวเอาไว้
เสียงพูดคุยดังมาให้ได้ยินจนเขาหยุดชะงัก กระชับมือที่จับบุตรสาวเอาไว้แน่น แอบเสียมารยาทด้วยการยืนฟังบทสนทนาของสองพ่อลูกที่ดูท่าว่าหล่อนจะเสียเปรียบพอสมควร ไม่เห็นหน้าหญิงสาวเพราะเธอหันหลังให้เขา ได้ยินเพียงสองตอบโต้กันเท่านั้น
“ถ้าพ่อจะมาพูดเรื่องนี้กลับไปเถอะ บอกแล้วว่าชัชแค่ทำหน้าที่พ่อของบัว...” เรื่องของชัชชนดังไปทั่วอำเภอจนคนเป็นพ่ออดไม่ไหวต้องมาถามจากลูกสาวด้วยตัวเอง ปกติจะให้ภรรยามาพูดแต่นี่เป็นเรื่องใหญ่จึงต้องมาคุยให้รู้เรื่อง
นายเจตพล ปรีณาพรรณเป็นบิดาที่แสนเข้มงวดกับลูกสาวและไม่เคยเห็นว่าเธอพยายามมากแค่ไหนเพื่อให้ได้ดั่งใจพ่อ เหตุผลส่วนหนึ่งที่แยกมาอยู่ลำพังเพราะไม่ต้องการปะทะคารมกับท่าน ยิ่งอยู่บ้านเดียวกันก็ทำให้เสียสุขภาพจิต เจอกันเป็นครั้งคราวน่าจะดีกว่า
แต่ครั้งนี้คงเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรจึงทำให้อีกฝ่ายมาหาตนถึงสวนได้ มาถึงก็บ่นยกใหญ่เกี่ยวกับการกลับไปคบหาดูใจกับคนที่เป็นแค่ช่างซ่อมรถ ทำให้เธอต้องกุมขมับไม่ชอบการดูถูกคนของอีกฝ่าย ในสายตาบิดาคนที่ดีคงมีแค่บรรดาข้าราชการทั้งหลายนั่นแหละ
“เป็นแบบนี้ใครจะอยากเอาแกเป็นเมีย บอกให้สอบราชการก็ไม่สอบ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง สู้พี่ชายของแกไม่ได้สักนิด” มือบางกำเข้าหากันแน่นพยายามระงับอารมณ์ หล่อนกับพี่ชายไม่ได้มีปัญหาและยังรักใคร่กันดี
มีเพียงบิดาที่พยายามเปรียบเทียบตลอดเวลาจนน่าหงุดหงิด ผ่อนลมหายใจเสียงเบาแล้วมองท่านนิ่ง
“พอเถอะพ่อ จะพูดเรื่องนี้ทำไมนักหนา”
“แกจะทำฉันขายหน้าไปถึงไหน ทั้งท้องก่อนแต่ง ท้องตอนเรียน จบมาก็ทำงานสวนไม่ยอมไปสอบราชการสักที ถ้าไม่คิดจะกลับไปคบกับมันฉันจะให้แกแต่งงานกับลูกชายของบุญช่วย หรือใครก็ได้ที่เหมาะสมมีหน้ามีตา...” หลังจากนั้นก็โดนบ่นอีกยาวพร้อมกับจะยัดเยียดให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอื่น ดวงตากลมร้อนผ่าวด้วยความโมโหปนน้อยใจ
นึกอยากระเบิดอารมณ์ให้รู้แล้วรู้รอด เกือบตะโกนลั่นให้ท่านหยุดคิดเรื่องพวกนี้เพราะตนไม่มีทางแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักอีกแล้ว กลับมีเสียงทุ้มดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน เธอจึงได้หันไปมองแล้วเผยอปากกว้างด้วยความตกใจ
ชัชชน...มาตั้งแต่เมื่อไหร่
“เรากำลังจะแต่งงานกันครับ!” จูงมือลูกสาวเข้ามาพร้อมประกาศชัดเจน เขาฟังอยู่สักพักจนเกิดความโมโหแทนร่างบาง หล่อนเอาแต่ยิ่งเงียบไม่โต้ตอบอะไรสักอย่าง เป็นเขาเองที่ไม่อาจอยู่เฉยได้จึงยื่นมือเข้ามาช่วย
โดยไม่รู้ว่าหญิงสาวจะต้องการหรือเปล่า...
“ชัช...” เหลียวกลับมามองเขาแต่เหมือนตอนนี้ร่างสูงไม่ได้สนใจเธอ
ปล่อยมือลูกสาวแล้วเดินเข้ามาจ้องหน้าคุณเจตพลอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อก่อนเขาอาจจะกลัวคนตรงหน้าในฐานะพ่อตาบ้าง ต่างจากบัดนี้ที่ไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น ไม่ได้มีความรักกับมะลิสักหน่อย ที่ทำไปก็เพราะไม่อยากให้เธอต้องลำบากไปแต่งงานกับคนอื่นแล้วผลกรรมมาตกที่ลูกสาวของตนเท่านั้น
เกิดผู้ชายคนนั้นรังเกียจลูกของเขาแล้วทำร้ายล่ะ ชายหนุ่มจะไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้นเป็นอันขาด
“ลุงไม่ต้องให้ลิแต่งกับใครหรอก เพราะผมกับลิจะแต่งงานกัน” บอกด้วยเสียงหนักแน่นที่แม้แต่มะลิยังอดทึ่งไม่ได้ จ้องชายหนุ่มตาไม่กระพริบหาเหตุผลว่าเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่ หัวใจเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้น
แต่งงานกับเขาอย่างนั้นหรือ...เธอไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าเราจะลงเอยเช่นนี้ด้วยซ้ำ
เพราะเคยหักหลังชายหนุ่มจนความสัมพันธ์ของเราห่างเหิน เป็นได้แค่พ่อแม่ของลูกเท่านั้น แววตาของอีกฝ่ายไม่มีความรักหลงเหลือด้วยซ้ำ
แล้วทำไมชัชชนจึงตัดสินใจแต่งงานกับหล่อนล่ะ...
“หึ เป็นแค่เจ้าของร้านกระจอก คิดว่าเหมาะกับลูกฉันหรือไง” เมื่อก่อนอาจมีเกรงใจบ้างแต่ตอนนี้ที่เขาทราบอะไรหลายอย่าง ชายหนุ่มก็ตอบได้ทันทีว่ากล้าพุ่งชนไม่คิดกลัว
คนที่ไม่คิดถนอมน้ำใจคนอื่น ทำไมเขาจะต้องกลัวด้วยล่ะ...
“เหมาะไม่เหมาะแล้วยังไง ผมเป็นพ่อของบัวแค่นี้ก็พอไม่ใช่เหรอ” หน้าตาก็กวนอารมณ์แล้วยังคำพูดกวนประสาทอีก คุณเจตพลถอนหายใจเสียงดังให้รู้ว่าไม่ชอบลูกเขยคนนี้ ก่อนหันไปมองลูกสาวแล้วชี้หน้าเอ่ยวาจาทำร้ายจิตใจ
“แกไม่เคยทำอะไรได้ดั่งใจฉันสักอย่าง” อย่างน้อยก็ยังดีที่แต่งงานกันคนอื่นจะได้ไม่เอาไปนินทาให้เสื่อมเสียมาถึงตน หล่อนไม่ได้โต้ตอบอะไรทำเพียงยืนนิ่งแล้วมองบิดาที่เดินออกจากบ้าน แต่ไม่ก็ต้องหยุดฝีเท้าเมื่อหลานสาวทัก
“ตา หวัดดีจ้า” ยกมือไหว้นอบน้อม
“อืม” พยักหน้ารับแบบขอไปที
ถึงตนจะเลี้ยงช่วยภรรยาเลี้ยงเด็กคนนี้ตอนมะลิไปเรียนหนังสือในบางครั้ง แต่ก็นึกชังน้ำหน้าของชัชชนจึงไม่คิดยอมรับหลานไปด้วย ก้าวเท้าออกจากบ้านหลังเล็กไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองแล้วขับออกจากบ้าน
หนูน้อยได้ยินสิ่งที่พ่อพูดจึงยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ร่างบางเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินเข้ามาหาจงกลณีพร้อมสั่งให้ขึ้นไปข้างบนเพื่อตัวเองจะได้มีเวลาพูดคุยเป็นส่วนตัวกับพ่อของลูก อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาจึงตัดสินใจแต่งงานกับหล่อน
“บัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสิลูก แม่ทำทอดไก่ไว้ให้ค่อยลงมากินนะ” ยังคงรักษาน้ำเสียงอ่อนโยนไว้ได้ดังเดิม ลูกเห็นอย่างนั้นก็พยักหน้าพร้อมเดินขึ้นไปบนบ้าน แต่ก่อนไปก็รับกระเป๋าของตัวเองมาถือไว้พร้อมโบกมืลากับบิดา
“ค่ะ”
เหลือเพียงพ่อแม่ที่ยืนอยู่ข้างล่าง เธอถอนหายใจก่อนเดินไปนั่งลงยังแคร่ ขณะที่ชายหนุ่มทราบดีว่าหล่อนจะพูดเรื่องอะไร เขาจึงไม่ได้กลับทั้งยังรอให้มะลิเป็นคนเปิดประเด็น ดวงหน้าหวานเงยขึ้นสบดวงตาคมที่เรียบสนิท
“ที่พูดเมื่อกี้ว่าจะแต่งงาน...หมายความว่ายังไง ถ้านายทำเพื่อรับผิดชอบหรืออยากเอาชนะพ่อฉันก็ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายอยู่แล้ว” พยายามไม่ใช้อารมณ์ในการสนทนาและมองทุกอย่างรอบด้าน ไม่อยากให้ชัชชนทำเพราะฝืนใจตัวเอง เพราะรู้ดีว่าเขาเกลียดเธอมากแค่ไหน
