บทย่อ
รักของเราจบลง แล้วก็กำลังจะเริ่มต้นใหม่ในฐานะพ่อแม่เท่านั้น
บทนำ
บทนำ
คนที่กระวนกระวายใจเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในกระท่อมที่เรานัดหมายกันเอาไว้ บ้านไม้ขนาดเล็กที่ยกสูงจากพื้นหนึ่งเมตร มีไผ่สานเป็นผนังบดบังสายตาจากผู้อื่น มุงหลังคาด้วยหญ้าฝางซึ่งพุผังไปตามกาลเวลา ไม่ค่อยกันฝนกันลมได้ดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังเป็นสถานที่แห่งความทรงจำของชายหญิงวัยแรกแย้มที่เพิ่งผ่านพ้นวัยเยาว์เมื่อไม่กี่เดือนก่อน
ชายตัวสูงโปร่งหยุดเดินแล้วนั่งลงบนพื้นไม้ ถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ่มแล้วมองเวลาที่เดินไปอย่างเชื่องช้า ฟ้ามืดครึ้มกับเสียงของฟ้าร้องที่บ่งบอกว่าอีกไม่นานฝนคงเทกระหน่ำลงมา เลยเวลานัดไปหลายนาทีสาวเจ้าก็ยังไม่มาถึงสักที
พวกเขาเพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย คิดจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันสองคน เพราะคนที่บ้านของเธอไม่มีใครยอมรับเขา อีกทั้งเราก็ตกลงจะอยู่กินกันเป็นที่เรียบร้อย มีเงินก้อนหนึ่งหวังไปใช้ชีวิตร่วมกับหล่อนที่เมืองหลวง ค่อยหางานทำโดยมีแฟนสาวคอยอยู่เคียงข้าง ภาพวาดฝันของตนมีเพียงความสุขของเราสองคน
แต่เธอคนนั้นยังไม่มาสักที...
“ชัช” ประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงหวานที่เรียกชื่อเขา ทำให้คนที่นั่งนิ่งรีบผุดลุกอย่างรวดเร็ว เดินมาจับมือหล่อนเอาไว้พร้อมรอยยิ้มกว้างบ่งบอกว่ามีความสุขมากแค่ไหน ตอนแรกกลัวเหลือเกินว่าหล่อนจะถูกครอบครัวจับได้แล้วห้ามไม่ให้มาที่นี่
ชัชชน อเนกนิพันธ์ชายหนุ่มรูปหล่อที่เป็นนักเลงหัวไม้ขาประจำเรื่องการต่อยตี ถึงจะไม่ได้ตัวหนาบึกบึนแต่เรื่องหมัดมวยไม่เคยเป็นสองรองใคร ไปแข่งชกมวยเพื่อชิงเงินรางวัลมาก็บ่อย ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นยกเว้นผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
เพียงแค่หล่อนมองเขาด้วยน้ำตาคลอเบ้าก็ทำให้ใจอ่อนยวบ คำขอร้องให้หยุดชกมวยเพราะกลัวชายหนุ่มจะบาดเจ็บเจ้าตัวก็เชื่อฟังแล้วหยุดทันที
ตอนนี้เรากำลังจะไปมีอนาคตที่สดใสด้วยกัน รอยยิ้มกว้างของชายหนุ่มช่างน่ามองจนคนที่เพิ่งเข้ามาถึงกับพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงมองดวงหน้าหล่อนิ่งหลายนาที ค่อยสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนแกะมือของเขาออก
“รอนานไหม”
“ไม่นาน ต่อให้นานกว่านี้ชัชก็รอได้” ในห้องมีเพียงแสงจากเทียนทำให้เขามองสีหน้าของหญิงสาวไม่ถนัด สัมผัสได้เพียงความปิดปกติบางอย่างจากเจ้าตัวที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหล่อนหรือเปล่า
“เราไปกันเลยไหม กระเป๋าของลิล่ะ...อยู่ข้างนอกเหรอ” ชายหนุ่มรีบหยิบกระเป๋าของตัวเองมาสะพายหลังอย่างรวดเร็ว
คิดจะหนีตามกันไปจึงเตรียมของสำคัญทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว ส่วนเสื้อผ้าค่อยไปซื้อเอาทีหลังก็ได้ เขาไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่อย่างไรก็จะหางานทำอยู่แล้ว คงมีเงินไว้เลี้ยงตัวเองกับผู้หญิงตรงหน้าได้ไม่ยากหรอก
มือหนาคว้ามือเธอมากุมเอาไว้แล้วดึงเพื่อให้ออกจากสถานที่แห่งนี้ ทว่าร่างบางกลับขืนนตัวเอาไว้ไม่ยอมเดินตามแรง เขาหันกลับมามองหล่อนด้วยความไม่เข้าใจ “รีบไปเถอะ ก่อนจะมีคนมาเห็น” เวลาดึกดื่นขนาดนี้คงไม่มีใครมาพบพวกเขาหรอก เพียงแต่ชัชชนก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี
มะลิ ปรีณาพรรณแฟนคนแรกและเป็นดั่งดวงใจของเขา สาวสวยที่นั่งหน้าห้องเคยมองเขาด้วยความหวาดกลัวแต่ไม่นานกลับมอบรอยยิ้มแสนหวานให้กันจนลืมไม่ลง อยากครอบครองหล่อนเพียงผู้เดียว จนได้หญิงสาวมาไว้ในอ้อมกอดสมใจกลับถูกครอบครัวของเธอกีดกันเพียงเพราะเขาเป็นแค่คนที่ไม่มีอะไร
ทั้งที่เราสองคนรักกัน...
เมื่อเป็นอย่างนี้ทางออกเดียวคือการหนีตามกันไปแล้วเธอก็ตกลงเป็นที่เรียบร้อย เรานัดกันคืนนี้และก็ถึงเวลาที่ต้องออกจากหมู่บ้านเพื่อไปขึ้นรถทัวร์ไปยังเมืองศิวิไลซ์ หล่อนมาสายเขาไม่ได้ว่าอะไรแต่ท่าทีเหมือนไม่อยากไปทำให้ร่างหนาเริ่มนึกกลัว
“เรา...เราคงไปด้วยไม่ได้แล้วล่ะ” ถอยออกห่างคนตัวสูงเล็กน้อยเมื่อพูดจบ เส้นแบ่งระหว่างเราเริ่มชัดเจนขึ้นทั้งที่ก่อนหน้านี้มันไม่เคยมีกำแพงแบ่งระหว่างพวกเราด้วยซ้ำ หัวใจของชายหนุ่มวูบไหวดวงตาสั่นคลอนพยายามเข้าไปใกล้เธอก็ถูกอีกฝ่ายก้าวถอยหลังเว้นระยะห่างเอาไว้
“ทำไมไปไม่ได้ ไปได้สิ พวกเรารีบไปตอนนี้ดีกว่าเดี๋ยวจะตกรถ” ยังไม่ยอมแพ้แล้วคิดจะพาหญิงสาวไปยังบริษัทขนส่งซึ่งอยู่ในตัวจังหวัดที่ห่างออกไปเกือบสามสิบกิโลเมตร เขาเลือกให้เพื่อนสนิทขับรถยนต์มารับเราแล้วอีกฝ่ายก็รออยู่หน้าหมู่บ้านแล้ว เหลือเพียงแค่พวกเราสองคนที่ยังตกลงกันไม่ได้
“บอกว่าไม่ไปแล้วไง!” ตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมผลักอกกว้างให้ออกห่าง
เสียงฟ้าร้องกับแสงสีที่สว่างวาบบนท้องฟ้าทำให้เห็นใบหน้าของเธอชัดในช่วงเวลาหนึ่ง แววตาที่มองมามีแต่คำกล่าวโทษที่ทำให้เขาจำต้องเงียบเพื่อเป็นฝ่ายฟังเธอ
“ไปกับนายก็มีแต่ปัญหา ฉันต้องตัดขาดจากครอบครัว ไปเป็นสาวโรงงานแล้วก็อยู่บ้านทำกับข้าวซักเสื้อผ้าให้นาย ทั้งที่ฉันควรจะได้เรียนปริญญาตรีมีชีวิตที่สุขสบายกับคนในครอบครัว ไม่เอาหรอก...” เขานิ่งเงียบตัวชาแล้วจ้องหญิงสาวนิ่ง
ถึงจะรู้ดีว่าการกระทำของเราสองคนไม่ถูกต้อง แต่เพราะความรักที่มีให้เธอมันมากเกินกว่าจะยอมแพ้เพียงแค่ครอบครัวฝ่ายหญิงไม่ชอบ อยากพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถเลี้ยงดูมะลิได้ดีไม่แพ้กัน จึงตัดสินใจชวนเธอหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่
ความรักของเราจะต้องสดใสแน่นอน...เขามั่นใจแบบนั้น
“ฉันไม่คิดจะไปไหนกับนายทั้งนั้น”
“มะลิ เราคุยกันรู้เรื่องแล้ว” บอกเสียงอ่อนทั้งยังพยายามจะเข้าหาเธอเหมือนเดิม กลับถูกคนตัวเล็กกว่าผลักอกอีกครั้งจนเขาเซถอยหลัง
“นายคุยคนเดียวต่างหากชัช! นายเป็นคนที่อยาไปทั้งที่ฉันไม่ได้คิดจะไปกับนาย บอกแล้วไงวาถ้าให้เลือกฉันขอเลือกคนในครอบครัว ส่วนนายจะไปไหนก็ไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราสองคนขาดกัน” ไม่อยู่รอฟังคำพูดของเขาก็เดินออกมาจากกระท่อมแห่งความทรงจำของสองเราทันที
มือบางกำหมัดแน่นมุ่งไปยังรถจักรยานของตัวเองที่จอดไว้ด้านหน้า ทว่าเดินยังไม่ถึงพาหนะกลับถูกกอดจากทางด้านหลัง พร้อมคำพูดพร่ำเพื่อรั้งหล่อนเอาไว้ไม่ยอมปล่อยไปโดยง่าย
“ไปด้วยกันเถอะนะ ขอร้องล่ะมะลิ...เรารักกันไม่ใช่เหรอ” พูดจบฝนเม็ดใหญ่ก็เทกระหน่ำลงมาจนเราสองคนเปียกปอน ร่างบางสั่นไหวในอ้อมกอดของเขาแล้วเลือกจะปลดมือหนาออกอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ฝนชะล้างคราบน้ำตาของตัวเอง กลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ให้ชายหนุ่มได้รับรู้ว่าตนก็เสียใจไม่ต่างกัน
แต่ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว ทางนี้ดีที่สุดสำหรับเราสองคน
“ใครรักนาย คิดว่าฉันจะฝากอนาคตไว้กับคนไม่มีอนาคตเหรอ ตื่นบ้างเถอะชัช...คนอย่างนายจะเลี้ยงฉันได้ยังไงนอกจากพาไปพบเจอความยากลำบาก บอกตามตรงว่าฉันไม่อยากลำบากไปกับนายด้วยหรอก ความรักมันกินได้ที่ไหน มีแต่เงินเท่านั้นแหละที่สร้างความสุขให้เราได้” ไม่กล้ากระทั่งจะหันไปสบตา ทำได้เพียงตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงฝน
เธอปลดมือเขาออกก่อนหันไปมามองร่างสูงอีกครั้ง และมันคงเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเราสองคน ต่อจากนี้อาจไม่ได้พบกันอีกก็เป็นได้
“เลิกเพ้อฝันสักที” พูดจบก็รีบวิ่งไปคว้าจักรยานเพื่อปั่นกลับบ้าน
ปล่อยให้ร่างหนายืนมองด้วยแววตาเจ็บปวดระคนสิ้นหวัง หมดศรัทธากับความรักที่คิดว่าจะร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน กลับโดนเธอทิ้งไปไม่ไยดีทำได้เพียงยืนมองหญิงสาวห่างออกไป กับสายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสาย
รักครั้งแรกของเขา...จบลงแล้ว

