บท
ตั้งค่า

๔ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด (๑)

ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

บอกความจริงกับลูกสาวในวันเสาร์ทำให้สองวันที่เหลือพ่อลูกขลุกอยู่ด้วยกันทั้งวัน เด็กหญิงมาเล่นอยู่ร้านซ่อมรถ ตอนเย็นก็ให้บิดาไปส่งส่วนวันอาทิตย์ก็อ้อนแม่ให้มาส่งที่บ้านของชัชชนจนเธอต้องทำตามคำขอของลูก

ความผูกพันของสายเลือดใช้เวลาไม่นานก็สนิทสนมราวคนเดียวกัน กลับมาบ้านก็ได้ยินเด็กหญิงเอ่ยชมพ่อไม่ขาดปาก คนฟังก็ได้แต่ยิ้มตามด้วยความเอ็นดู แววตากลมโตของจงกลณีกลับมาเป็นประกายอีกครั้งทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างมาก

พรากความสุขของลูกไปหลายปี ตอนนี้ได้เวลาไถ่โทษแล้ว...

ไม่ได้เล่าความจริงทั้งหมดว่าเป็นมาอย่างไร เพียงแค่บอกว่าเป็นพ่อเท่านั้นจึงทำให้เด็กหญิงเข้าใจไปว่ามารดากำลังจะเริ่มต้นใหม่กับคุณน้าที่ตนชื่นชอบ คนที่อยากมีพ่อมาตลอดดีใจเป็นอย่างมากเพราะได้พ่อที่ดีไปหมดทุกอย่าง หน้าตาก็ดีแล้วยังซ่อมรถเก่งอีกต่างหาก

ถึงวันไปโรงเรียนโดยมีแม่ไปส่งในตอนเช้า จึงได้อวดบรรดาเพื่อนในห้องว่าตอนเย็นพ่อจะมารับ กลับไม่มีใครเชื่อเลยสักคนจนหนูน้อยต้องเล่าให้ฟังเป็นฉากว่าพ่อเป็นใครแล้วตัวเองได้ช่วยอะไรพ่อบ้าง เพื่อนในห้องต่างตาลุกวาวเมื่อหัวหน้าห้องบอกว่าตัวเองซ่อมรถช่วยบิดาจนสามารถกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

แค่คิดก็ยิ้มภาคภูมิใจ รอเวลาให้เลิกเรียนเพื่อจะได้อวดพ่อของตัวเองให้คนอื่นได้เห็น

เสียงออดหมดเวลาคาบสุดท้ายดังขึ้น เด็กน้อยในห้องเรียนก็พากันไปยืนรอดูพ่อของหัวหน้าห้อง เด็กชายตัวอวบที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานถามขึ้นเมื่อไม่เห็นพ่อของเพื่อนสักที ใบหน้าแสดงออกถึงความหงุดหงิดที่ต่อจากนี้จะไม่ได้ล้อเพื่อนแล้ว

หรือบางทีจงกลนีอาจจะโกหกเรื่องพ่อก็ได้!

“ไหนพ่อเธอ” รอสักพักไม่เห็นมาสักทีจึงอดไม่ไหวรีบถาม

“รอก่อนสิ! ใจร้อนไปไหนล่ะ เดี๋ยวพ่อเราก็มารับแล้ว” คนในห้องต่างชะเง้อมองออกไปข้างนอก ไม่ต่างจากลูกสาวที่ใจสั่นกลัวพ่อไม่มารับ กระทั่งสายตาเห็นผู้ชายตัวสูงซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีเดินมาทางนี้ รอยยิ้มกว้างจึงปรากฏขึ้นพร้อมโบกมือเรียกเสียงดัง

“พ่อทางนี้!!” ออกจากห้องเรียนแล้ววิ่งไปหาบิดาอย่างรวดเร็ว คนที่สัญญาว่าจะมารับก็ยิ้มกว้างพลางย่อกายลงเล็กน้อยเพื่อรับตัวลูกสาวขึ้นมาอุ้ม แม้มองภายนอกจะดูอวบอ้วนแต่เขาก็ไม่รู้สึกหนักเลยสักนิด

ไม่ได้อุ้มแต่อ้อนแต่ออกจึงขอแก้ตัวด้วยการอุ้มตอนนี้แล้วกัน หวังว่าคงไม่ช้าจนเกินไปหรอกนะ

“ฮึบ! ตัวเบาที่สุดเลยลูกพ่อ” เอ่ยชมลูกสาวที่ยิ้มจนตาปิด

เด็กหญิงกอดคอบิดาเอาไว้พร้อมกับหันไปมองเพื่อนที่เดินมาออกันเต็มหน้าห้องเพราะอยากเห็นพ่อผู้แสนเพอร์เฟคของจงกลณี ต่างเผยอปากค้างด้วยความตกตะลึงกันเป็นแถวในความหล่อเหลาปานดาราของอีกฝ่าย

“นี่ไงพ่อของเรา” กอดพ่อจนพอใจก็หันมาหาเพื่อน แนะนำกับทุกคนให้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นคนมีพ่อเหมือนคนอื่นแล้ว

“เป็นพ่อบัวจริงเหรอ” เด็กตัวอ้วนที่เป็นหัวโจกในการหาเรื่องบุตรสาวของเขาเดินเข้ามาถามด้วยท่าทีองอาจ ร่างหนาเห็นอย่างนั้นก็เปลี่ยนจากใบหน้าแย้มยิ้มเป็นความเคร่งขรึมทันที อุ้มลูกสาวแล้วเดินเข้ามาใกล้เด็กน้อยมากกว่าเดิม

“จริง เดี๋ยววันหลังเอาใบเกิดของบัวมาให้ดู จะได้รู้ว่าเป็นพ่อของบัวจริงๆ” ถึงยังไมได้จัดการเรื่องเอกสารแต่ไม่นานตนก็จะมีชื่อในใบสูติบัตรว่าเป็นบิดา เรื่องอะไรจะยอมให้ลูกของตนโดนรังแกง่ายๆ กันล่ะ ความเป็นนักสู้อยู่ในสายเลือดเขาไม่หวั่นเกรงอยู่แล้ว

เด็กชายเห็นอย่างนั้นก็เริ่มหงอยไม่กล้าพูดอะไรอีก ดวงตาร้อนผ่าวทั้งยังนึกกลัวกับสายตาของคนตัวสูงแล้วยังร่างใหญ่ราวกับยักษ์ สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ทำให้เขายิ่งเดินเข้ามาใกล้พลางมองเอาเรื่อง ไม่ชอบให้อีกฝ่ายรังแกลูกสาวของตน

แม้จะทราบดีว่าหนูน้อยเอาคืนทุกครั้งก็ตาม ลูกเขาต้องอย่างนี้สิได้เชื้อพ่อมาเยอะ ไม่มีทางยอมให้คนอื่นรังแกเป็นอันขาด

“นี่ คราวหลังอย่ามารังแกบัวอีกเข้าใจไหม เกิดเรื่องเมื่อไหร่จะมาจัดการแน่” จ้องหนุ่มน้อยนิ่งโดยมีลูกสาวพยักหน้าตามด้วย คนที่ถูกรุมถึงกับเบะปากแล้วปล่อยน้ำตาเม็ดใหญ่ไหลออกมา ก่อนวิ่งไปหาคุณครูประจำชั้นแล้วตะโกนฟ้องเสียงดังให้ได้ยินกันทั้งชั้นเรียน

“ฮือ ครูค้าบพ่อของบัวรังแกผม” เขาไม่ได้สนใจเด็กคนนั้นกลับเลือกโบกมือลาให้เพื่อนลูกสาวที่ยืนเรียงหน้ากระดานแล้วมองตนด้วยแววตาชื่นชม ใบหน้าคมส่งยิ้มให้เด็กๆ ก่อนจะอุ้มลูกไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้หน้าโรงเรียน

ระหว่างนั้นก็ไม่ยอมปล่อยให้จงกลณีลงเดินเอง ยังคงโอบอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน พร้อมฟังเสียงเล็กเอ่ยชมตัวเองทั้งยังยกนิ้วโป้งให้ผู้เป็นพ่ออีกต่างหาก

“พ่อชัชสุดยอดไปเลย” คำชมมีมาไม่ขาดสาย เขาเองก็พยักหน้าตามแล้วชวนลูกกลับเพราะเห็นดวงตากลมเหลือบมองของกินที่ด้านหน้าเหมือนจะเข้าไปซื้อ แต่ร่างสูงโดนกำชับมาว่าให้พาหลานสาวของคุณย่ากลับโดยไวเพราะนางอุบลทำของกินมากมายไว้คอยท่าแล้ว

“กลับบ้านกันดีกว่าเนอะ”

“ค่ะ” พยักหน้ารวดเร็วก่อนขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์

ตอนนี้เขายังซ่อมรถยนต์ให้แม่ของลูกไม่เสร็จ คงต้องรอของอีกสองถึงสามวันกว่าเธอจะนำกลับไปใช้ได้อีก โดยบอกกับมะลิว่าไม่คิดค่าใช้จ่าย หญิงสาวค้านหัวชนฝาไม่ยอมแต่เขาก็ตัดสินใจเด็ดขาดเช่นเดียวกัน

ไม่ได้เลี้ยงดูลูกน้อยช่วย ค่าใช้จ่ายทั้งหมดมีหล่อนแบกรับเพียงลำพัง แค่ซ่อมรถให้ยังถือว่าน้อยนิดด้วยซ้ำ

“เดี๋ยวไปรอที่ร้านพ่อก่อนนะ ย่าเขาทำขนมไว้ให้เต็มเลย เอาไว้ปิดร้านพ่อค่อยไปส่งที่บ้านดีไหม” ถึงร้านก็หันมาบอกกับลูกสาวเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะอยากกลับบ้าน จึงเอาของกินมาล่อซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี ใบหน้ากลมผงกศีรษะรับคำแล้วเดินตัวปลิวเข้ามาที่ร้าน

“อืม!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel