บท
ตั้งค่า

๓ พ่อของหนู (๔)

“แม่ แม่คิดว่าบางทีพ่อของบัว...อาจจะไม่ใช่คนที่มะลิแต่งงานด้วย” พูดเพียงเท่านั้นก็ทำให้คนที่ใจร้อนรีบลุกจากพื้นแล้วหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์มาถือไว้ในมือ นางเห็นเช่นนั้นก็รีบตะโกนถามรวมเร็วกลัวว่าอีกฝ่ายจะออกไปไกล

“จะไปไหนนะชัช!”

“ไปถามให้รู้เรื่อง ผมนอนไม่หลับแน่ถ้าไม่รู้ความจริง” พูดจบก็สตาร์ทจักรยานยนต์เพื่อไปยังบ้านของหญิงสาวที่ทราบว่าย้ายไปอยู่สวนของยายเป็นที่เรียบร้อย จึงไม่คิดขับเข้าไปในตัวหมู่บ้านแต่เลือกจะไปตามเส้นทางนอกหมู่บ้าน เสาไฟตามข้างทางส่องสว่างไม่ให้น่ากลัวจนเกินไป

วินาทีนี้เขาบิดคันเร่งจนสุดเพื่อให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว ใจโบยบินไปก่อนแล้วแต่เส้นทางก็ดูไกลเหลือเกิน กระทั่งจอดลงที่หน้ารั้วบ้านของเธอที่ก่อขึ้นสูง มีเพียงสองแม่ลูกที่อาศัยลำพังไม่แปลกที่ต้องสร้างรั้วโดยด้านบนปักลวดหนามเอาไว้

ชายหนุ่มจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ด้านหน้าแล้วเกาะรั้วประตูไม้พลางตะโกนเสียงดังเพื่อให้เจ้าของบ้านลงมาเปิด เขาไม่อาจข่มตาหลับได้ถ้าไม่รู้เรื่อง ไม่สนใจว่าเสียงของตัวเองจะรบกวนใครเพราะไม่มีบ้านใกล้เรือนเคียง นอกจากบ้านของมะลิที่ตั้งโดดเดี่ยวท่ามกลางสวนพืชผักกว่ายี่สิบไร่

“มะลิ มะลิ! ลงมาคุยกันหน่อย มะลิ!” ตะโกนเรียกเสียงดังด้วยความใจร้อน ก่อนสะดุ้งเมื่อมีสุนัขเห่าเสียงดังพร้อมวิ่งเข้ามาตามหน้าที่ยามรักษาความปลอดภัย ประสานเสียงกันจนร่างหนานึกหวั่นเกรงพอสมควร

ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าตนเข้าไปไม่ดูตาม้าตาเรือคงโดนขย้ำไม่เหลือชิ้นดีเป็นแน่

“โฮ่งๆๆๆ” เจ้าตูบเห่าได้ไม่นานไฟด้านล่างของบ้านก็เปิดสว่างจนทั่ว มองเห็นร่างบางที่เดินลงบันไดพร้อมกับชุดคลุมสีหวาน หล่อนคงเตรียมเข้านอนโดยไม่คิดว่าจะมีคนมารบกวนยามวิกาล

สัตว์สี่ขาวิ่งไปหาเจ้านาย ก่อนที่เธอจะจับพวกมันเข้ากรงเพราะกลัวแขกจะไม่ปลอดภัย ค่อยเดินมาหยุดตรงหน้าอีกฝ่ายโดยมีรั้วกัน มือบางยกมือขึ้นกอดอกเพราะรีบลงมาจนไม่ได้สวมเสื้อชั้นใน กลัวเสียงดังทำให้ลูกสาวของตนตื่น

“มีอะไร ทำไมถึงมาดึกดื่นป่านนี้” ถามเสียงเรียบ

“ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย เข้าไปได้ไหมน่าจะต้องพูดกันยาว” ไม่ตอบในทันทีกลับบอกให้เธอเปิดประตู หล่อนจำต้องพยักหน้าทำตามคำขอของเขาเพราะคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะมีเรื่องสำคัญก็เป็นได้ ดูจากแววตาแน่วแน่ของเขาก็ทำให้เธออยากรู้เหมือนกัน

จะมาขอรถยนต์คืนหรือเปล่านะ...

“อืม” เดินนำอีกฝ่ายเข้าด้านใน ก่อนผายมือให้เขานั่งบนแคร่ไม่ได้เปิดห้องนั่งเล่นด้านล่างเพราะกุญแจอยู่บนบ้าน ขี้เกียจขึ้นไปเอากุญแจคิดว่าอีกไม่นานเขาก็คงจะกลับบ้าน

“น้ำหน่อยไหม เหมือนนายจะเหนื่อย” เดินไปรินน้ำมาเสิร์ฟแขกผู้มาในยามวิกาล ดูจากการหอบหายใจเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังเหนื่อย แล้วเขาก็รับน้ำไปดื่มจนหมดแก้ว ค่อยวางลงบนแคร่เสียงดังพร้อมเช็ดปากรวดเร็ว

ปึง

“พ่อของบัวเป็นใคร ผู้ชายที่เธอแต่งงานด้วยหรือว่าฉัน” แม้จะดื่มน้ำดับกระหายแต่ไม่อายดับใจที่ร้อนรุ่มของตัวเองลงได้ จ้องใบหน้าสวยก่อนถามเพื่อเข้าประเด็น ทำให้คนที่ยืนกอดอกถึงกับเข่าอ่อนจนต้องรีบเดินมานั่งลงที่แคร่เยื้องกับเขา

มือบางกำกระโปรงแน่นไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากเธอกลับมา คนที่ไม่เคยไยดีกันจึงได้ถามถึงความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับจงกลณีแล้วยังดูมั่นใจอีกด้วยว่าไม่ได้เป็นเพียงแค่น้าหลานอย่างเข้าใจในตอนแรก

“ทำไมถึงคิดว่าเป็นนาย” ถามเขากลับบ้าง ซึ่งคราวนี้ร่างหนาก็หันหน้ามาสบตาเธอ พร้อมบอกถึงข้อสันนิษฐานทั้งหมด

“เพราะเธอท้องหลังจากที่เรามีอะไรกันไม่นาน แล้วก็คลอดบัวทั้งที่เพิ่งแต่งงานไม่กี่เดือน นั่นก็แสดงว่าท้องก่อนแต่งไม่ใช่เหรอ” คิดว่าเขาไม่ทราบเสียอีก เธอนิ่งไปครู่หนึ่งโดยไม่ได้ตอบอะไรเมื่อเห็นแววตาดุจ้องมองอย่างเอาเรื่อง

สถานการณ์ตอนนี้ดูท่าคงโกหกไม่ได้อีกต่อไป สิ่งที่เธอปิดบังไว้มาตลอดมีเพียงคนในครอบครัวที่ทราบ บัดนี้กำลังจะเปิดเผยแล้ว

ว่าใครเป็นพ่อตัวจริงของเด็กกันแน่...

“ตอบมาว่าพ่อของบัวเป็นใคร ถ้าเธอไม่ตอบฉันจะไปเอาเส้นผมของบัวไปตรวจดีเอ็นเอให้รู้ไปเลยว่าตกลงเป็นลูกของฉันหรือเปล่า” คำขู่ของเขาไม่ได้ทำให้เธอกลัวเพราะเคยคิดหลายต่อหลายครั้งว่าหากอีกฝ่ายถาม

ตนก็คิดจะบอกความจริงทั้งหมด...ว่าชัชชนคือพ่อที่แท้จริงของจงกลณี

“ได้ เธอไม่ยอมตอบเองนะ” ความเงียบของหล่อนทำให้เขาจำต้องทำตามคำพูด ลุกยืนหมายจะขึ้นไปบนบ้านเพื่อนำเส้นผมของเด็กหญิงไปตรวจ เธอเห็นอย่างนั้นก็ไม่คิดจะตามไปรั้งแต่เลือกบอกความจริงกับชายหนุ่ม

อย่างไรก็หนีไม้พ้นอยู่แล้ว สู้บอกไปให้รู้แล้วรู้รอดดีกว่า

“ลูกของนาย บัวเป็นลูกของนาย...” คำพูดที่ทำให้เท้าหนักหยุดชะงักได้

ชัชชนหันมามองเธอด้วยแววตาสั่นไหว เขาอยู่ด้วยความไม่รู้มาหลายปี กลายเป็นพ่อเลวที่ทิ้งลูกสาวไม่ดูดำดูดี ซึ่งผู้หญิงคนนี้โยนตราบาปนั้นให้กันจนนึกโมโหหล่อนเป็นอย่างมาก มือหนายกขึ้นเสยผมพลางสูดลมหายใจลึก

เดินกลับมานั่งแล้วยกมือปิดหน้าตัวเอง ความเงียบโอบล้อมพวกเขาเอาไว้โดยที่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งที่หัวใจเต้นรัวก็ไม่กล้าแสดงอาการใดออกไปแม้แต่น้อย อยากได้อ้อมกอดอยากได้แววตาอบอุ่นของชายหนุ่มคืนมา

ทว่ามันคงเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น

เขาเงยหน้าขึ้นแล้วแววตาคู่นั้นยังคงเย็นชาเหมือนเดิม “ท้องกับฉันแต่ไปแต่งงานกับคนอื่น เธอทำได้ยังไง” ทั้งยังเอ่ยวาจาเชือดเฉือนที่ทำให้คนฟังถึงกับไปไม่เป็น ทำได้เพียงยกยิ้มสมเพชตัวเองกับการตัดสินใจในอดีต

“มันไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว” ถูกกดดันจากรอบด้านโดยเฉพาะครอบครัวที่กักขังเธอไว้ไม่ให้ออกไปไหนจนกว่าจะยอมแต่งงานตามที่สั่ง บิดาไม่อยากอับอายจึงจับลูกสาวใส่ตะกร้าล้างน้ำ เข้าพิธีวิวาห์กับปลัดอำเภอที่เพิ่งย้ายมาที่นี่แล้วติดใจในใบหน้าสวยงามจนมาทาบทาม

โดยไม่สนใจว่าอายุของเธอตอนนั้นเพิ่งพ้นผู้เยาว์ได้ไม่นาน พ่อดีใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ลูกเขยเป็นถึงปลัดอำเภอ จึงรีบยกหล่อนให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็วไม่สนใจคำทัดทานของลูกสาวสักนิด

สุดท้ายเธอก็ต้องเข้าพิธีวิวาห์...ด้วยความไม่เต็มใจ

“บอกฉันสิ ฉันยินดีรับผิดชอบ!” ตะโกนกลับเสียงดังด้วยความโมโห

“ตอนนั้นเรายังเด็กทั้งคู่ นายจะเอาอะไรมารับผิดชอบ ขนาดตัวเองยังเอาตัวแทบไม่รอดเลยไม่ใช่หรือไง” เธอโต้กลับบ้างแต่เหมือนว่ามันจะเป็นคำแก้ตัวมากกว่า ร่างหนาจึงตรงเข้าไปยืนตรงหน้าเธอพร้อมพูดด้วยโทสะ

“เลยให้ผู้ชายคนอื่นเป็นพ่อของลูกฉันเนี่ยนะ มีสมองแค่นี้เหรอ” คนฟังถึงกับสะอึดพูดไม่ออก ทำได้เพียงตอบรับเสียงเบาไม่โต้เถียง

“ใช่ มีแค่นี้แหละ” เขาเห็นเธอก้มหน้าไม่พูดอะไรก็ยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิม กำมือแน่นก่อนเดินไปมาใต้ถุนบ้าน ข้อสงสัยถูกไขจนกระจ่างแล้วเหลือเพียงอย่างเดียวที่ต้องการคือทำหน้าที่ของบิดา

“ฉันต้องการรับผิดชอบในฐานะพ่อ” ใบหน้าหวานเงยขึ้นเพื่อสบดวงตาคม

ไม่รู้ว่าที่ชายหนุ่มพูดมาผ่านการไตร่ตรองหรือยัง เธอเกรงว่าอนาคตข้างหน้าหากเขาจะเริ่มต้นใหม่กับใครอาจเสียใจกับการกระทำวันนี้ก็เป็นได้ จึงลุกยืนเต็มความสูงแล้วกระชับชุดคลุมพลางเอ่ยปฏิเสธในทันที

“ไม่ต้อง...”

“ไม่ได้ขออนุญาตแต่แค่มาบอกว่าฉันจะรับผิดชอบในฐานะพ่อของบัว เรื่องของเราสองคนจบไปแล้วก็ให้จบไป แต่บัวคือลูกของฉันและฉันก็มีสิทธิ์จะอยู่กับลูก” ไม่รอให้ร่างบางพูดจบก็บอกถึงเจตนารมณ์ของตัวเอง หล่อนได้ฟังดังนั้นก็นิ่งอึ้ง

นั่นสินะ...เขาอยากทำหน้าที่ของพ่อ

ไม่ใช่หน้าที่สามีของเธอสักหน่อย กำลังหวังอะไรอยู่กันแน่นะมะลิ...

“แล้วจะบอกบัวว่ายังไง” เขายืนกรานเช่นนั้นเธอจึงจำต้องอนุญาต ท่าทีอ่อนลงของร่างบางทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างพึงพอใจ

“ตอนนี้ก็คงพูดอะไรไม่ได้มาก บอกแค่ฉันเป็นพ่อทูนหัวแล้วกัน โตกว่านี้ค่อยเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่ยอมให้ลูกตัวเองถูกคนอื่นล้อว่าไม่มีพ่อทั้งที่ฉันนั่งหัวโด้อยู่ตรงนี้หรอกนะ”

ตวัดสายตามามองคนที่ปิดปากเงียบไม่ยอมพูดอะไรอีก

ไม่มีข้อโต้แย้งทำให้เขามั่นใจว่าเธอจะเห็นด้วย แต่ถึงไม่เห็นด้วยตนก็คิดจะทำตามความต้องการของตัวเองอยู่แล้ว

“เอาตามนี้แหละ ต่อจากนี้ฉันจะไปรับไปส่งลูกเอง ตอนเย็นให้ลูกกินข้าวบ้านฉัน ส่วนวันหยุดให้ลูกไปอยู่ร้านวันเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์ก็อยู่กับเธอ” ตกลงเสร็จสรรพโดยไม่คิดจะถามไถ่เธอสักนิด คนฟังทำได้เพียงถอนหายใจพลางพนักหน้าทำตามที่ชัชชนบอก คิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูดจบลงแล้วกลับโดนถามไม่ทันให้ตั้งตัว

“ในใบสูติบัตร...ชื่อของพ่อเป็นใคร”

“ไม่มี” เธอไม่ได้ใส่ชื่อของบิดาเอาไว้และช่องนั้นยังคงว่างเปล่า ซึ่งเขาก็พยักหน้าพร้อมบอกเจตนารมณ์ของตัวเอง

“งั้นไปเปลี่ยน ต่อจากนี้ฉันคือพ่อของบัว”

พูดจบก็เดินออกจากบ้านของเธอไป ปล่อยให้ร่างบางนั่งอยู่ตรงนั้นสักพักค่อยเดินไปปิดประตูรั้วแล้วปล่อยสุนัขออกจากกรง

ชีวิตของเธอกำลังจะเปลี่ยนไปแล้วใช่ไหม...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel