บท
ตั้งค่า

๓ พ่อของหนู (๑)

พ่อของหนู

ปราการที่เขาสร้างไว้เพื่อกั้นเธอยังคงสูงลิ่วเหมือนเดิม ต่างจากที่แสดงกับจงกลณีซึ่งมีความเอื้อเอ็นดูต่อเด็กหญิงเป็นอย่างมาก เจอกันครั้งแรกไม่น่าเชื่อเลยว่าคนที่แข็งกร้าวอย่างชัชชนและเคยบอกกับเธอว่าไม่ชอบเด็ก จะเข้ากันเป็นอย่างดีกับลูกสาวผู้ชอบใช้กำลังตัดสินปัญหา

เพียงแค่เขายกนิ้วโป้งและเอ่ยชม คนที่เป็นขาประจำห้องปกครองก็ยิ้มกว้างมีความสุข เดินเข้าไปทักทายคุณอาที่เพิ่งได้พบกันครั้งแรก ถามไถ่ชื่อเสียงเรียงนามอย่างไม่เกรงกลัว ทราบว่าอีกฝ่ายอายุเท่าแม่ของตัวเองก็รู้สึกสนิทสนมขึ้นมาทันที

ตอนแรกคิดจะเรียกเขาว่าลุงแต่เจ้าตัวบอกว่าอ่อนเดือนกว่าต้องเรียกว่าน้าต่างหาก สุดท้ายก็ต้องเรียกตามที่ร่างหนาต้องการ ส่วนเธอเหมือนถูกกันให้กลายเป็นคนนอก ไม่อาจเข้าไปพูดขัดจังหวะคนทั้งสองที่ถูกชะตากันตั้งแต่แรกพบได้

ทำได้เพียงมองภาพตรงหน้าด้วยปากที่ยกยิ้มขึ้น มีความสุขเป็นอย่างมากไม่คิดฝันว่าจะได้เห็นภาพนี้ด้วยซ้ำ

มีแค่เธอที่อิ่มเอมกับภาพตรงหน้า เพราะเก็บความลับเอาไว้ไม่ได้บอกใคร...

และจะไม่มีวันเอ่ยออกไปเป็นอันขาด!

‘หนูกลับก่อนนะคะแม่’ ถึงเวลากลับจึงได้บอกลากับเจ้าของบ้าน เธอทราบแล้วว่าต้องทิ้งรถยนต์ไว้ที่นี่เพื่อให้เขาซ่อม จึงต้องโทรบอกมารดาให้มารับกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันจะเดินออกไปไหนก็ถูกนางอุบลห้ามปรามเอาไว้ จำต้องชะงักฝีเท้าแล้วหันไปมองเจ้าของบ้านซึ่งกระวีกระวาดเข้ามาคว้าแขนของหล่อนไม่ยอมให้ไปไหน

ไม่เพียงแค่เธอตกใจ ร่างสูงก็รู้สึกไม่ต่างกัน เขาเหลียวมองไปทางอื่นก่อนเดินไปล้างไม้ล้างมือ ไม่คิดจะรอคำตอบจากมะลิ

‘กลับได้ยังไง อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิลูก แม่เตรียมข้าวเย็นไว้แล้วเนี่ยกินสองคนไม่หมดหรอก ใช่ไหมบัว’

‘ใช่ค่ะ’

สิ้นคำของลูกสาวตัวดีก็ไม่มีเหตุผลใดให้ปฏิเสธเพราะเด็กหญิงวิ่งไปหาคุณยายที่เจอหน้าไม่กี่ครั้ง แต่พอเจอนางอุบลเอาขนมกับอาหารเย็นมาล่อ คนที่ชื่นชอบการกินเป็นชีวิตจิตใจก็คล้อยตามง่ายดาย มีเพียงหล่อนที่นึกกังวลใจอยู่ฝ่ายเดียว

เพิ่งเจอชัชชนไม่นานกลับได้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะ ไม่รู้อีกฝ่ายจะคิดอย่างไรกับเธอ แววตาของเขาเย็นชาวาจาก็ไร้เยื่อใย ต่างจากในอดีตที่มีแต่คำหวานและน้ำเสียงอ่อนโยน ยิ่งคิดถึงอดีตก็ทำให้ปัจจุบันกลายเป็นความเจ็บปวด

เพราะเธอไม่ใช่คนสำคัญอีกต่อไป...

“น้าชัชมองหนูทำไม” ขณะที่มารดาของเขากับแม่ของเด็กหญิงกำลังเตรียมอาหารอยู่ในครัว ก็เหลือเพียงคุณน้าสุดหล่อกับหลานสาวที่เพิ่งได้พบกันครั้งแรกนั่งรออยู่โต๊ะอาหาร ระหว่างนั้นคนอายุเก้าขวบก็เลือกจะหยิบขนมมากินโดยลอบมองไปยังห้องครัวบ่อยครั้งกลัวว่าแม่จะเข้ามาเห็นเสียก่อน

ถูกย้ำว่าห้ามกินขนมก่อนกินข้าว แต่เพราะมันอร่อยจึงอดไม่ได้ที่จะเอาเข้าปาก หันมาเห็นคุณน้าที่จ้องตนไม่วางตาก็ขมวดคิ้วไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ ชายผู้นี้อายุเท่าแม่ไม่แน่ว่าอาจเอาเรื่องที่ตนแอบกินขนมไปฟ้องก็ได้ คิดดังนั้นจึงรีบเก็บถึงขนมเข้ากระเป๋าเหมือนเดิม

“อายุเท่าไหร่” ไม่รู้ทำไมถึงถามแต่เขาก็อยากทราบจนอดจะเอ่ยไม่ได้

“9 ปี อยู่ปอสามทับหนึ่ง ห้องคิงเรียนเก่งสุด ได้เป็นหัวหน้าห้องด้วยนะ” พยักหน้าเป็นการรับทราบแล้วคำนวณระยะเวลา หากนับตอนที่อยู่ในท้องก็สิบปีพอดี นั่นหมายความว่าหญิงสาวท้องกับสามีทันทีที่แต่งงานกัน

ซึ่งห่างจากตอนทิ้งเขาไม่กี่เดือน...

แสยะยิ้มสมเพชตัวเองที่เป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว ต่างจากมะลิที่เริ่มต้นใหม่อย่างรวดเร็วหลังเราเลิกรากัน เขาไม่น่าเสียใจเพราะเธอเลย

“เก่งเหมือนแม่เหรอ” ได้คุยก็นึกสนุกจึงชวนคุยต่อ เด็กหญิงขมวดคิ้วทันทีพร้อมเป็นฝ่ายถามบ้าง

เพิ่งเคยเจอคุณน้าครั้งแรกแต่เหมือนมีบางอย่างทำให้สนิทใจในการพูดคุยเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือตื่นตระหนกสักนิดแม้ใบหน้าคมจะดุแค่ไหนหรือเสียงแข็งเท่าไหร่ก็ตาม กลับพูดคุยอย่างปกติ

“อารู้ได้ไงว่าแม่เก่ง” เขานิ่งเงียบไปสักพัก

เรียนห้องเดียวกันมาตั้งสามปี แถมเธอยังเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้อีกต่างหาก การเรียนที่ดีขึ้นก็เพราะมะลิทั้งนั้นแล้วจะไม่รู้ได้ยังไง เผลอคิดถึงอดีตไปครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้าเรียกสติตัวเองกลับมาอยู่ปัจจุบัน ค่อยตอบคำถามของหนูน้อยที่จ้องกันตาแป๋ว

น่ารักเหมือนแม่ไม่มีผิด...ขอให้อย่านิสัยโลเลเหมือนแม่แล้วกัน

“เคยเรียนห้องเดียวกัน” คนฟังถึงกับทำตาโตด้วยความตกใจ เผลอขยับเข้ามาใกล้น้าชายอย่างรวดเร็ว ถามถึงเรื่องในอดีตของมารดาตัวเอง ชื่นชมในความเก่งของแม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่พอได้ยินคนอื่นชมแม่ก็อดจะถามบ้างไม่ได้

“จริงเหรอ! แล้วตอนนั้นแม่เป็นยังไงบ้าง” ดวงหน้าหล่อเรียบนิ่งยังไม่ยอมตอบในคราวแรก เขาพยายามที่จะไม่หวนนึกถึงเรื่องในอดีต แต่แค่เห็นหน้าของเธอก็ต้องย้อนกลับไปในช่วงเวลาแห่งความสุขที่ความรักเบ่งบาน

ซึ่งมีจุดจบแสนเศร้าที่เขาไม่อยากคิดถึงอีก...

“ไม่รู้ ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่” ตอบอย่างขอไปทีไม่ยอมบอกความจริงกับเด็กหญิงซึ่งทำหน้าเสียดายที่ไม่ได้รู้เรื่องราวของแม่ แต่ก็ไมได้อ้อนน่ารำคาญอย่างที่เขานึกกลัว กลับเปลี่ยนเรื่องมาสนใจคุณน้าสุดหล่อหน้าดุแทน

“แล้วน้าชัชสนใจอะไร เรียนอย่างเดียวเหรอ” ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาทันที อย่างเขาน่าจะห่างไกลจากคำว่าสนใจเรียนพอสมควร เพราะนอกจากเรื่องของมะลิแล้วตนก็แทบไม่สนใจเรื่องอื่นอีกเลย คิดมาถึงตรงนี้ก็นึกสมเพชตัวเองที่บูชาความรักคนเดียว

เพราะสำหรับเธอแล้วคงเห็นเป็นแค่เรื่องตลก...

“เตะต่อย ใครพูดไม่เข้าหูก็ใช้กำลังเข้าข่ม” ส่ายหน้าก่อนตอบไปตามจริง

เรื่องเตะต่อยขอให้บอกพร้อมไปช่วยได้เสมอ ขึ้นสังเวียนมานับไม่ถ้วนไม่เคยพ่ายเลยสักครั้ง หากไม่เพราะต้องคิดถึงอนาคตที่มีเธอข้างกายก็คงไม่ยอมเลิกเป็นนักมวยหรอก แต่หล่อนเคยขอเอาไว้ไม่อยากเห็นเขาเจ็บตัว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel