๑ ชีวิตไม่เป็นอย่างฝัน (๓)
“ไม่แม่ อยู่แบบนี้ดีแล้ว บอกตามตรงว่าลิก็มีความสุขดี...” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกขัดอีกเช่นเคย แต่คราวนี้ประโยคของนางเทียนหยดทำให้เธอพูดไม่ออก เผยอปากค้างเสียงกลืนหายเข้าไปในลำคออีกครั้งกับดวงตาที่สั่นไหว
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ชัชชนกลับมาอยู่บ้านแล้ว” ชื่อของคนในอดีตทำให้เธอหลุบตามองพื้น หวนนึกถึงความสุขที่ได้รับจากอีกฝ่าย ก่อนความจริงจะตีแสกหน้าเมื่อปีก่อนได้พบกันอีกครั้งในฐานะคนแปลกหน้า
มะลิไม่เคยติดตามข่าวสารของใคร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันสมัยมัธยมหรือมหาวิทยาลัย มีเพียงคนเดียวที่เธอยังติดตามข่าวเสมอก็คืออดีตแฟนหนุ่มของตัวเอง คนที่หล่อนทิ้งในวันที่เราควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน
แต่หล่อนก็คิดว่าตนทำถูกแล้ว...
การเลือกของตนครั้งนั้นทำให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น เส้นทางของเราก็กลายเป็นเส้นขนานไม่มีวันได้บรรจบกันอีก
นึกย้อนถึงวันที่ได้กลับมาพบกันหลังไม่ได้เจอมาหลายปี ทั้งที่เธอติดตามชัชชนผ่านทางโซเชียลมีเดียตลอด ดีใจที่เขาไปได้ดีในเส้นทางของตัวเอง เรียนจบปวส.ก็เข้าทำงานที่บริษัทรถยนต์ชั้นนำของประเทศ ก่อนเปิดบริษัทคาร์แคร์กับเพื่อน ชีวิตรุ่งโรจน์อยู่ในเมืองหลวง
โดยที่มีหญิงสาวแสนสวยยืนเคียงข้าง คนที่ฝ่าฟันความทุกข์ยากไปกับคน...ใครคนนั้นที่ไม่ใช่เธอ
เป็นวันธรรมดาที่เธอมักจะไปส่งผักตามตลาดให้บรรดาแม่ค้าเสมอ ทำเองทุกอย่างไม่อยากเสียเงินจ้างคนอื่นเพราะตัวเองยังไหว สวมเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงคาร์โก้สีเข้มที่มีกระเป๋าเต็มไปหมดเพื่อใส่เงินเหรียญและปากกาและสมุดขนาดเล็กเอาไว้จดสิ่งของที่ต้องการ
ส่งผักอยู่ตลาดกลางของอำเภอซึ่งจะเปิดขายตั้งแต่ตีหนึ่งถึงเก้าโมงเช้า ตอนนี้เธอเดินมาดูตามแผงผักและนำแผงไข่ไก่และไข่เป็ดมาส่ง อีกทั้งนำไข่เค็มมาเพิ่มเพราะครั้งก่อนเอามาส่งก็หมดเป็นที่เรียบร้อย สร้างความดีใจแก่มะลิเป็นอย่างยิ่ง
“ผักสดจริงๆ นะลิ เปิดแผงทีไรผักเราหมดก่อนตลอดเลย มีแต่คนชอบบอกว่าสดอร่อยกว่าที่อื่น” เธอจดสิ่งของที่แม่ค้าสั่งเพื่อนำมาส่งในวันพรุ่งนี้ ยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำชมที่จริงใจ เธอไม่วายอ้อนให้อีกฝ่ายซื้อมากกว่านี้
“งั้นซื้อเพิ่มอีกสิป้าใจ” เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยรู้จักคนในอำเภอเท่าไหร่ แต่มารับช่วงงานต่อจากยายทำให้รู้จักคนมากขึ้น เดินไปไหนก็ต้องหยุดทักทายกันตลอด จากคนที่ไม่มีคนคุยด้วยกลายเป็นคนที่มีเพื่อนต่างวัย
มีความสุขมากกว่าตอนเรียนเสียอีก...
“โธ่ เอ็งก็ลดราคาให้ป้าหน่อยสิ” เธอไม่ได้คิดราคาแพงเลยสักนิด รู้ดีว่าป้าก็ทราบเพียงแค่หยอกล้อกันเล่นเท่านั้น พูดคุยกันอย่างออกรสจนไม่ทันมองว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินเลือกซื้อของอยู่ในตลาดเพื่อเอาไปทำเมนูเช้า
“ค่าขนมหลานน่าป้า...” ระหว่างที่กำลังพูดคุยหัวเราะ เธอก็หันไปมองลูกค้าหวังจะขยับเพื่อหลีกทาง แต่แล้วลำตัวกลับแข็งทื่อไม่อาจขยับได้ยามเห็นใบหน้าของฝ่ายชายชัดเจน หัวใจเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ราวจะทะลุออกมานอกอก
ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะ...
ถึงเธอจะติดตามข่าวคราวของเขาอยู่ตลอดก็เห็นชายหนุ่มเพียงแค่ภาพถ่ายและในคลิปเท่านั้น แฟนของเขาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มียอดผู้ติดตามหลักล้าน เป็นคนที่มีอิทธิพลในโลกออนไลน์พอสมควร เขาโผล่มาในคลิปบ้างแต่ไม่บ่อยนัก หล่อนจึงไม่ต้องทนเห็นภาพบาดตาที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวด
แต่ไม่คิดเลยว่าเราจะมาเจอกันในช่วงเวลาที่เธอหน้าสดและสภาพยังดูไม่ได้อีก ใบหน้าหวานรีบก้มลงอย่างรวดเร็วไม่กล้าจะมองเขาอีกต่อไป คิดว่าชายหนุ่มคงยังไม่เห็นเธอเพราะหันไปคุยกับแฟนสาวด้วยเสียงนุ่มนวล
“เอาอะไรอีกไหม” ได้ยินเสียงนั้นชัดเจน ทำได้เพียงเม้มปากแน่นข่มความอิจฉาเอาไว้ในใจ ครั้งหนึ่งเสียงนั้นก็เอ่ยกับเธอเช่นเดียวกัน
“จะรู้ไหมล่ะ ทำกับข้าวเป็นที่ไหน ถ้าพี่จะซื้ออะไรเพิ่มก็ซื้อเลยแล้วกัน” คนทั้งสองคุยกันไม่ได้สนใจคนอื่น มีเพียงหล่อนที่แอบฟังด้วยหัวใจเจ็บปวด ไม่คิดมาก่อนว่าจะเห็นภาพบาดตาโดยไม่ตั้งตัวมาก่อนด้วยซ้ำ
ก้มมองผักอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงผมสีส้มที่สวมเสื้อสายเดี่ยวทับด้วยคาร์ดิแกนสีขาวกับกางเกงเข้ารูปเดินมาดูผักข้างหล่อน กลิ่นหอมจากกายของอีกฝ่ายเตะเข้าจมูก กลิ่นอ่อนละมุนของน้ำหอมจากเมืองนอกซึ่งหล่อนไม่เคยคิดจะใช้ด้วยซ้ำ
ผู้หญิงคนนั้นสวยมากจนเธอรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยเหลือเกิน...
“ขอโทษนะคะป้า ขอทางหน่อย” สะดุ้งกับเสียงที่อยู่ใกล้ พอหันไปมองก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังพูดกับเธอ กลืนน้ำลายลงคอพลางพยักหน้าขึ้นลง รีบถอยห่างอย่างรวดเร็วแม้ใจจะไม่ชอบกับคำเรียกว่าป้าก็ตาม แต่ดูจากสภาพของตัวเองตอนนี้หากจะถูกเรียกว่าป้าคงไม่แปลกหรอก
“ค่ะ” จังหวะนั้นคิดว่าต้องรีบออกไปจากที่นี่ ขากำลังจะก้าวออกมีเพียงสายตาที่ยังคงอ้อยอิ่งมองชายที่เป็นรักแรกของตัวเอง เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายมองมาเช่นเดียวกัน เราสองคนจึงได้สบตาก่อนหล่อนจะเป็นฝ่ายหลบอย่างรวดเร็ว
ความว่างเปล่าที่ไร้ซึ่งความรักในดวงตาคมคู่นั้น ทำให้เธอนึกสะท้านในออก นึกอิจฉาตัวเองเมื่อก่อนที่ได้รับความรักจากเขา เพราะตอนนี้เราสองคนได้กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันไปแล้ว
รีบเดินออกจากตลาดมายังรถยนต์ของตัวเองแล้วขับออกมา จอดยังกระท่อมหลังเดิมที่มีความหลังของสองเรา กอดเข่าตัวเองร้องไห้กับชีวิตรักที่ไม่สมหวัง ไม่เคยลืมเขาได้เลยสักครั้งถึงจะพยายามมากแค่ไหน
ยังคงรักชัชชนเสมอ แต่ก็รู้ดีว่าเรื่องของเราไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว...
“ต้องรู้ด้วยเหรอแม่ ไม่ได้สนิทกันแล้ว แค่คนหมู่บ้านเดียวกัน เป็นเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันแค่นั้นเอง” ตื่นจากภวังค์แล้วตอบมารดาไปตามความจริงอย่างปลงตก
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเธอก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง ทาครีมบำรุงหน้าและใช้แผ่นหยกที่ซื้อจากร้านค้าออกไลน์มาทำการกัวซาใบหน้าจนเต่งตึงเหมือนสาวแรกรุ่น ทำทุกคืนก่อนนอนจนติดเป็นนิสัย เห็นผลดีจนมีคนทักว่าไปฉีดหน้ามาหรือเปล่า ซึ่งหล่อนก็ตอบไปตามความจริงว่าเพียงแค่ดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ปล่อยตัวเหมือนเมื่อก่อน
คำว่าป้าที่ผู้หญิงคนนั้นเรียกยังดังก้องหูอยู่เลย ถึงใกล้จะเข้าสู่วัยเลขสามก็ต้องทำให้ตัวเองอ่อนเยาว์ไว้ก่อน เรื่องอะไรจะปล่อยตัวโทรมไปตามกาลเวลาล่ะ
“คิดแบบนั้นจริงเหรอ แม่ได้ข่าวว่าชัชกลับมาคนเดียว เลิกกับแฟนที่เป็นอินฟงอินฟลูคนนั้นแล้ว แถมยังมาเปิดร้านซ่อมรถที่บ้านอีกต่างหาก” แววตาเป็นประกายเพียงครู่เดียวก่อนจะกลับมาเรียบสนิทอีกครั้งเมื่อคิดได้ว่าถึงเขากลับมาเรื่องของเราก็คงไม่เปลี่ยนไป
ช่วงนี้ทำงานหนักจึงไม่ได้เข้าไปเช็คโซเชียล ไม่รู้เลยว่าชัชชนกลับมาอยู่ที่นี่แล้ว หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติก่อนเม้มปากแน่นไม่ให้มารดาจับสังเกตได้ว่าตัวเองยังคงรู้สึกเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไป รักอย่างไรก็ยังรักอยู่อย่างนั้น
ปรารถนาเพียงแค่เขาคนเดียว...
