บท
ตั้งค่า

๑ ชีวิตไม่เป็นอย่างฝัน (๒)

แต่เธอก็กั้นให้เจ้าสี่ขาอยู่ในเขตบริเวณบ้าน ไม่ให้ออกไปเพ่นพ่านที่สวนกลัวพืชผลจะเสียหาย ยังดีที่เจ้าด่างค่อยข้างเชื่อฟัง ไม่เคยออกนอกบริเวณบ้านเลยสักครั้ง ยกเว้นแมวตัวอวบอ้วนที่มักเดินสำรวจไร่เสมอตกดึกค่อยกลับมานอนกับเพื่อน ค่อนข้างเบาใจที่สัตว์ต่างสายพันธุ์อยู่ด้วยกันได้

ความจริงหล่อนไม่มีความคิดจะเลี้ยงสัตว์ ต่างจากลูกสาวที่เจอสุนัขถูกทิ้งอยู่วัดจึงอ้อนขอเลี้ยง นำมาเลี้ยงได้หลายปีจากสัตว์ตัวเล็กเติบโตมาจ้ำม่ำกันทั้งนั้น ยังดีที่ยังคอยเห่าเมื่อเจอคนแปลกหน้า ถือว่าเลี้ยงไม่เสียอาหารเม็ด

“มะลิ มะลิลูก” ระหว่างที่กำลังเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำของว่างให้ลูกสาวก็ได้ยินคนเรียกอยู่หน้าบ้าน เธอรีบออกจากครัวพร้อมยิ้มต้อนรับคนที่มาหาทันที

ไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นมารดาของเธอนั่นเอง

“แม่เข้ามาก่อนสิ” เดินไปเปิดรั้วแล้วมองถุงผ้าที่มารดาถือมาด้วย รีบคว้ามาถือเองก่อนพาท่านไปนั่งยังแคร่หน้าบ้าน

“บัวล่ะ” ถามถึงหลานรักเพียงคนเดียว

นางเทียนหยด ปรีณาพรรณมีลูกสองคน คือมะลิกับเขมกร ปรีณาพรรณที่ตอนนี้ครองตัวโสดทั้งยังบ้างานเป็นอย่างมาก เป็นอัยการที่กำลังเตรียมสอบผู้พิพากษาสร้างความภูมิใจแก่คนในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อก่อนสองพี่น้องมักถูกเปรียบเทียบกัน เพราะพี่ชายเรียนเก่งเป็นอย่างมาก เป็นตัวแทนแข่งขันทางด้านวิชาการไม่เคยนอกลู่นอกทางสักครั้ง น้องสาวจึงต้องผลักดันตัวเองให้เก่งเหมือนพี่ ต้องพยายามเป็นอย่างมากทั้งโดนบิดาที่เป็นครูกดดัน ไม่เคยมีชีวิตที่หายใจเต็มปอดสักครั้ง

กระทั่งใครบางคนเข้ามาในชีวิต เธอจึงได้มีความสุข...แต่มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น

ไม่มีคำว่าตลอดไปสำหรับเราสองคน แต่อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็เคยมีความสุขที่ยากลืมเลือน ยังคงเป็นสิ่งที่เธอจดจำไว้ในใจถึงทุกวันนี้

“อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่บนบ้านน่ะแม่ ปั่นจักรยานมาเหรอ” เปิดของที่อยู่ในถุงผ้าก็เห็นอาหารที่มารดาทำมาให้จึงได้ยิ้มกว้าง วันนี้ไม่ต้องทำข้าวกินเองแล้ว เพียงแค่เตรียมของกินเล่นไว้ให้บุตรสาวตามที่อีกฝ่ายขอร้องเท่านั้น

“ใช่ นี่ทำแกงไก่กับลาบหมูมาให้ พ่อแกอยากกินแม่เลยทำมาเผื่อด้วย” นอกจากอาหารแล้วยังมีของหวานอย่างลอดช่องอีกต่างหาก แค่เห็นก็น้ำลายสออยากกินข้าวเย็นทั้งที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินเสียแล้ว

“แม่ไปหาหลานก่อนนะ”

“ค่ะ” ส่ายหน้าระอาปนเอ็นดูมารดาที่ติดหลานสาวเป็นอย่างมาก

หล่อนตั้งครรภ์หลังจากจบมัธยมศึกษาตอนปลาย คลอดลูกช่วงเปิดเทอมพอดีจึงลาเกือบสองสัปดาห์เพื่อพักฟื้นโดยไม่มีใครทราบถึงเรื่องนี้ โชคดีที่ท้องแรกไม่ค่อยใหญ่เท่าไหร่เพื่อนร่วมสาขาวิชาจึงแทบไม่ทราบ มีเพียงคนที่หมู่บ้านรู้ว่าเธอท้องเพราะหญิงสาวแต่งงานทันทีหลังเรียนจบ ก่อนมีพยานรักตัวน้อยออกมา

ช่วงเรียนก็ให้มารดาเลี้ยงลูกของตน ปิดเทอมก็กลับมาอยู่กับลูกแล้วทำงานพิเศษเพื่อหาเงินเลี้ยงเด็กหญิงตัวน้อย โดยที่คนเป็นพ่อแทบไม่มาเหลียวแลเลยสักครั้ง อยู่กันแบบครอบครัวไม่ถึงปีก็ตัดสินใจแยกทางทันที เมื่อสามีใช้กำลังทำร้ายร่างกายเธอเพราะความเมา

มะลิค่อนข้างเด็ดขาดตัดในคราวเดียว ทั้งที่ความจริงเราก็ไม่ค่อยเจอกันอยู่แล้วเพราะเธอเรียนหนังสือ ปิดเทอมก็เลี้ยงลูกอยู่บ้านแม่ จึงแทบไม่เคยย่างกรายไปบ้านของเขาเลย ก่อนทราบว่าอีกฝ่ายแต่งเมียใหม่เข้าบ้านหลังหย่าร้างกับเธอได้เพียงสามเดือน

ไม่มีความเสียใจนอกจากโล่งอกที่สลัดผู้ชายคนนั้นหลุดสักที เริ่มต้นชีวิตใหม่มีเพียงการเรียนกับลูกสาว เรียนจบปริญญาตรีพอดีกับยายสิ้นใจพร้อมยกทุกอย่างให้เธอดูแล จึงมาสานต่อสวนยายสายหยุดให้เป็นที่รู้จัก สร้างรายได้ให้กับเธอเพื่อเลี้ยงลูกสาวเพียงคนเดียว

นำอาหารที่มารดาเอามาให้ไปไว้ในห้องครัว ระหว่างนั้นก็หุงข้าวสวยแล้วทำของกินเล่นตามคำขอของเด็กหญิง ทุกอย่างเสร็จเสร็จเรียบร้อยพอดีกับยายหลานที่เดินลงมาข้างล่าง อุ้มกันลงจากบันไดจนเธอนึกกลัวว่าแม่จะก้าวพลาดเพราะตอนนี้จงกลณีก็น้ำหนักไม่ใช่น้อย

“แม่ให้หลานลงเองสิ ไม่ต้องอุ้มแล้ว” น้ำเสียงที่บอกเจือแววไม่พอใจ จ้องลูกสาวตัวน้อยที่เชื่อว่าต้องอ้อนให้ยายอุ้มเป็นแน่ตาเขม็ง เล่นเอาเด็กหญิงถึงกับดิ้นจะลงจากอ้อมแขนของนางเทียนหยดเพราะถึงชั้นล่างแล้ว

“หนูเดินเอง” แล้วเจ้าตัวก็เดินตัวเบามาหยิบของว่างไปกิน ปล่อยให้เธอถอนหายใจมองตามจอมแก่นตัวน้อยของบ้า ซึ่งตอนนี้ไปนั่งเล่นอยู่ในห้องชั้นล่างพร้อมเปิดการ์ตูนดูอย่างสบายอุรา ในมือก็ถือของกินพลางเคี้ยวไปด้วย

“มีการบ้านหรือเปล่า”

“หนูทำเสร็จตั้งแต่อยู่โรงเรียนแล้ว” ข้อดีของลูกสาวคือไม่เคยให้การบ้านต้องตกถึงมือแม่ ทำตั้งแต่อยู่โรงเรียนตามความเข้าใจของตัวเอง ตรงไหนไม่เข้าใจก็ไปถามครูทันทีพร้อมส่งเวลานั้นเลย กลายเป็นนักเรียนดีเด่นที่คุณครูรัก และเป็นขวัญใจห้องปกครองเพราะมีเรื่องบ่อยเช่นเดียวกัน

“แม่จะกลับเลยเหรอ” พูดกับลูกสาวเสร็จก็ไม่วายหันมาคุยกับแม่ที่ยิ้มแย้มมีความสุข

บ้านหลังนี้เคยเป็นของยายมาก่อน แต่เมื่อท่านจากไปก็ตกเป็นของหล่อน จึงได้แยกออกมาอยู่กับลูกสาวลำพัง ส่วนบุพการีก็อยู่ในหมู่บ้านเหมือนเดิม พ่อของเธอยังเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนใหญ่ประจำอำเภอ ส่วนแม่รับจ้างเย็บผ้าอยู่บ้าน มีรายได้เป็นของตัวเองไม่ได้ขอจากลูก แต่เธอก็จ่ายค่าน้ำค่าไฟและให้เงินท่านตลอด

กระนั้นก็ยังไม่เคยได้รับคำชมหรือขอบคุณจากคนเป็นพ่อ เพียงเพราะไม่ใช่ลูกรักเหมือนบุตรชายคนโตที่เชื่อว่าอีกไม่นานคงนั่งตำแหน่งผู้พิพากษา

“ว่าจะกลับแหละ...แต่อยากคุยกับเราก่อน” สีหน้าของท่านทำให้เธอนึกสงสัย

“เรื่องอะไร” นึกอยากรู้จึงขยับเข้ามานั่งใกล้แม่มากกว่าเดิม เหลือบมองลูกสาวที่ยังสนุกกับการดูโทรทัศน์ โชคดีที่จงกลณีไม่ใช่เด็กติดโทรศัพท์ หากไม่ดูโทรทัศน์ก็มักออกมาเล่นนอกบ้าน ไม่ว่าจะช่วยแม่เก็บพืชผักหรือไข่เพื่อนำมาเรียงใส่แผงเอาไว้เพื่อเตรียมส่งขาย มีกิจกรรมให้ทำตลอดเวลาไม่ค่อยว่างสักเท่าไหร่

“กับผัวเก่าเราน่ะ เลิกติดต่อกันไปแล้วเหรอ ใกล้วันพ่อจะไม่ให้เขาไปงานที่โรงเรียนลูกหรือไง” แค่เปิดเรื่องก็ทำให้หญิงสาวถอนหายใจทันที ไม่อยากเอ่ยถึงอดีตสามีที่เลิกรากันไปนานแล้ว แยกไปมีชีวิตของตัวเอง เธอไม่เคยคิดถึงแล้วฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ติดต่อหา แต่เหมือนคนที่ยังไม่ยอมให้เรื่องจบสักทีคือครอบครัวของเธอเอง

“แม่ เราก็รู้ว่าความจริงเป็นยังไง...” พูดไม่จบประโยคก็ปิดปากสนิทไม่อยากรื้อฟื้นอดีตอีก นางเทียนหยดก็เช่นเดียวกัน ไม่อยากถามลูกสาวเพราะรู้ใจของมะลิเป็นอย่างดี มีเพียงสามีที่ยังอยากได้ลูกเขยคนเก่ากลับมา แม้อีกฝ่ายจะทำร้ายลูกสาวแต่เป็นถึงปลัดอำเภอจึงไม่อยากปล่อยไป

ทั้งที่ฝ่ายนั้นมีครอบครัวแล้ว...

“ได้ข่าวว่ากันทรหย่ากับเมียแล้ว พ่อแกก็เลยให้แม่มาถามว่าไม่คิดคืนดีกันเหรอ” ไม่ทราบมาก่อนว่าฝ่ายนั้นเลิกรากับภรรยา เธอทำงานของตัวเองและอยู่กับลูกสาวไม่ค่อยได้รู้เรื่องราวของคนอื่นมากนัก

แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดกลับไปหาคนที่ทำร้ายตัวเอง เพราะการแต่งงานก็ไม่ได้เริ่มจากความรักตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel