๑ ชีวิตไม่เป็นอย่างฝัน (๑)
๑
ชีวิตไม่เป็นอย่างฝัน
รถกระบะคันกลางเก่ากลางใหม่ขับเข้ามาภายในเขตรั้วบ้านที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง ติดกับสวนพืชผักที่ปลูกกว่ายี่สิบไร่โดยมีป้ายแขวนไว้ใหญ่โต ‘สวนยายสายหยุด’ คนในอำเภอต่างรู้จักกันเป็นอย่างดีแม้ว่าเจ้าของสวนตัวจริงจะล่วงลับไปแล้ว แต่ได้หลานสาวสุดที่รักเข้ามาสานต่อจนเจริญรุ่งเรืองมีคนรู้จักสวนมากกว่าเดิมทำยังสามารถทำกำไรได้มากกว่าเดิมอีกต่างหาก
หลังจากมะลิเรียนจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของภาคอีสานก็กลับมาดูแลสวนต่อจากยายผู้ล่วงลับ ซึ่งท่านมอบมรดกทุกอย่างให้หลานสาวแต่เพียงผู้เดียว กลายเป็นข้อครหาว่าท่านไม่รักลูกสาวและหลานชาย ทั้งยังดูถูกว่าหญิงสาวที่หย่าร้างกับสามีทั้งยังท้องตั้งแต่เรียนไม่จบจะดูแลสวนกว่ายี่สิบไร่ได้อย่างไร
กระทั่งผ่านมาหกปีเธอพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าตัวเองเก่งในด้านนี้มากแค่ไหน เรียนจากจบคณะเกษตรศาสตร์สาขาวิชาพืชไร่ทั้งยังได้เกียรตินิยมอันดับสองมาครอง จะไม่ให้เสียชื่อสถาบันเป็นอันขาด จึงกัดฟันสู้ทำทุกอย่างผลออกมาเป็นที่พึ่งพอใจอย่างยิ่ง
ทำแปลงผักสวนครัวเพื่อส่งตลาดและร้านค้าใกล้เคียง มีเล้าไก่และเล้าเป็ดเพื่อเก็บไข่ใส่แผงไปขายในแต่ละวัน ทั้งยังทำไข่เค็มขายตามออนไลน์ มีแปลงสำหรับเพาะพันธุ์เมล็ดผักเพื่อส่งขายโดยเฉพาะ ไหนจะปลูกผลไม้ที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี และดอกไม้ซึ่งสามารถส่งขายได้ตลอด
โดยมีแนวคิดอย่างเดียวคือทำทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของความสุข...
“กลับมาแล้วค่า” ประตูข้างคนขับถูกเปิดออกพร้อมกับเด็กหญิงวัยเก้าขวบที่สะพายกระเป๋าสีชมพูลงจากรถ วิ่งไปหาบรรดาคนงานที่กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้านของตัวเอง แต่ก็ยังไม่วายเอ่ยทักทายลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้านายตัวเอง
เด็กหญิงจงกลณี ปรีณาพรรณผู้ถอดหน้าตาจากมารดามาทุกกระเบียดนิ้ว ยกเว้นนิสัยที่ห้าวหาญราวชายชาตรีมากกว่าจะสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเหมือนแม่ เรื่องท้าต่อยตีไม่มีใครเกินจนถูกเรียกผู้ปกครองบ่อยครั้งให้ต้องไปขอโทษพ่อแม่ของคู่กรณี
แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องมักจะไม่พ้นการถูกล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ ทำให้เธอนึกสงสารลูกสาวต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ยังดีที่จงกลนีเป็นคนเข้มแข็งไม่เคยเรียกร้องหาพ่อเลยสักครั้ง เพราะเธอหย่าขาดจากสามีของตัวเองเมื่อหลายปีก่อน เขาไปมีครอบครัวใหม่โดยไม่ได้สนใจไยดีหล่อนกับบุตรสาว
เป็นเรื่องที่ดีแล้วล่ะ เธอเองก็อยากมีชีวิตใหม่เช่นเดียวกัน
“เสียสดใสมาแต่ไกลเชียวลูก” คนงานของเธอมีไม่เยอะ เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณน่าจะดีกว่า
ส่วนใหญ่ก็เป็นคนในชุมชนที่ว่างงานไม่อยากอยู่บ้านจึงมาทำงานให้กับเธอ แบ่งเป็นกลุ่มดูแลเรื่องเมล็ดพันธุ์ที่จะส่งขาย เก็บพืชผักส่งตลาดแล้วก็จัดการเรื่องไข่เป็ดไข่ไก่ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีคนทำหน้าที่ชัดเจน ใครว่างก็ทำงานช่วยกันอยู่แบบครอบครัวมากกว่าเพราะมีกันเพียงแค่หกคนเท่านั้นซึ่งนับรวมเจ้าของสวนด้วย
“สวัสดีค่ะยายวรรณ ยายเนียม ป้าสะอาง พี่ฟาร์ม พี่เฟรย์” ไหว้อย่างสวยงามแล้วเรียกชื่อของแต่ละคนไม่ให้ขาดตกแม้ผู้เดียว สร้างรอยยิ้มให้แก่เจ้าของชื่อเป็นอย่างมาก ต่างเข้ามารุมล้อมหนูน้อยผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของคนทั้งสวน
ร่างบางหันมองลูกสาวแล้วก็เดินไปหยิบตะกร้าสานและแผงไข่ลงจากหลังรถเพื่อนำไปเก็บยังโกดังสำหรับเก็บพืชผลในวันพรุ่งนี้ เหมือนว่าจะมีงานเพิ่มเมื่อมีคนสั่งซื้อใบตองเพิ่มทั้งยังดอกไม้ที่ต้องเก็บไม่ว่าดอกดาวเรือง ดอกพุทธรักษาและดอกรัก จึงต้องเตรียมอุปกรณ์เอาไว้แต่เนิ่นเพื่อประหยัดเวลา
“ป้ากลับก่อนนะมะลิ” บรรดาคนมากด้วยวัยหันมาบอก
“บ้ายบายค่ะพี่ลิ” เหล่าคนงานอายุน้อยทีเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วยังไม่มีงานทำจึงมาทำงานกับเธอในช่วงที่ยังหางานก็โบกมือลาเช่นเดียวกัน
“ค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” เธอเก็บของเรียบร้อยก็ออกมาสมทบกับคนที่เหลือ ก่อนจะพูดคุยกันเพียงเล็กน้อยแล้วโบกมือลาเมื่อถึงเวลาเลิกงาน ลูกสาวของหล่อนก็ยิ้มกว้างแล้วโบกมือไปมาเช่นเดียวกัน ก่อนเดินเข้ามายังใต้ถุนบ้านพร้อมวางกระเป๋าสะพายไว้บนแคร่ ค่อยเดินเข้าห้องครัวไปรินน้ำเย็นมาสองแก้ว
“น้ำจ้ะแม่” ความน่ารักของบุตรสาวทำให้คนเป็นแม่ยิ้มตาปิด รับน้ำมาดื่มแก้กระหายแล้วค่อยยื่นแก้วให้เด็กหญิงนำไปล้างแล้วคว่ำไว้บนข้างซิงค์ล้างจาน
บ้านของเธอเป็นบ้านไม้สองชั้นที่ทาสีขาวทั้งหลัง ชั้นล่างเปิดโล่งเพื่อรับลมเย็นอีกทั้งป้องกันยามน้ำท่วม แต่เมื่อปีก่อนเพิ่งสร้างห้องสำหรับพักผ่อนไว้ด้านล่างกลายเป็นห้องนั่งเล่นของลูกสาวไปโดยปริยาย อีกทั้งยังทำครัวแบบปิดเพื่อป้องกันฝุ่นที่ปลิวว่อนในอากาศ ยามเที่ยงก็ใช้ครัวที่นี่เพื่อนั่งล้อมวงกินข้าวกับคนงานที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด
ชีวิตแสนเรียบง่ายของเธอ แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว...
“บัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะลูก”
เด็กหญิงยังอยู่ในชุดนักเรียนครบชุดแต่เห็นว่ากำลังจะเดินไปเล่นที่เล้าไก่ ทำให้ต้องรีบดักเอาไว้อย่างรวดเร็ว กลัวว่าถ้าลูกไปเล่นสนุกทั้งที่อยู่ในชุดนักเรียนเสื้ออาจจะเปื้อนและซักยาก ต้องรีบห้ามเอาไว้ก่อน
“จ้าแม่...เย็นนี้เราจะกินอะไรเหรอแม่” รับคำแข็งขันพลางเดินมาหยิบกระเป๋าเตรียมขึ้นบนบ้าน กลับต้องชะงักแล้วรีบถามถึงเมนูตอนเย็น ซึ่งคนที่รับหน้าที่ทำอาหารมีเพียงมะลิคนเดียว บางครั้งลูกสาวก็นึกสนุกอยากมาช่วยบ้าง แต่ส่วนใหญ่เหมือนจะป่วนมากกว่าจึงต้องบังคับให้ออกไปนั่งทำการบ้านหรืออ่านหนังสือรออยู่ห้องนั่งเล่น
“อยากกินอะไรล่ะ” ถามก่อนแบบนี้คงมีเมนูที่อยากกินเป็นแน่ อยู่ด้วยกันมานานจนรู้จักนิสัยใจคอเสียแล้ว
“อะไรก็ได้ แต่อยากกินไก่กอดเหมือนหน้าโรงเรียน” เมนูโปรดที่ไม่มีเมนูไหนมาแทนที่ได้ มะลิได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าทันที เมื่อวันก่อนเพิ่งทำจึงมีวัตถุดิบในตู้เย็นโดยไม่ต้องออกไปซื้อ
“โอเค แม่จะทำให้นะ”
“ค่ะ” ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ก่อนเดินขึ้นบันไดเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หล่อนมองตามลูกสาวก่อนเดินไปเทอาหารเม็ดให้เจ้าด่างสองตัวกับแมวอีกสามตัวซึ่งคอยเฝ้าสวนยามค่ำคืน ดุกับคนแปลกหน้าเพื่อเฝ้าระวังภัยให้เจ้านายทั้งสองคน
