ตอนที่ 8 สวัสดีคุณแม่เลี้ยง
พงศกรทำอย่างที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ลดศักดิ์ศรีไปยุ่งกับผู้หญิงเห็นแก่เงินอย่างอิงอรอีก เขากลับไปพักที่โรงแรมตามเดิมทำตัวออกห่าง เมื่อพบเจอกันสีหน้าของเขาเรียบเฉยราวคนไม่รู้จักอิงอรคอยแอบมองเขาอยู่ห่าง ๆ ได้แต่ทำใจยอมรับเธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะใกล้เขาได้ จนถึงวันเผาศพท่านอำนาจ พงศกรก็เดินทางกลับต่างประเทศทันทีไม่มีแม้คำร่ำลา
วันเปิดพินัยกรรม
ญาติและบรรดาเมียเก็บของท่านอำนาจมารวมตัวกันนั่งหน้าสลอนอยู่ในห้องรับแขกห้องที่เคยกว้างขวางคับแคบลงจากบรรดาญาติที่รอเปิดพินัยกรรม
“คุณพงศกรล่ะครับ”ทนายนั่งลงวางกระเป๋าเอกสารแล้วมองไปรอบห้อง
“กรกลับอเมริกาตั้งแต่เมื่อคืน”อาณีตอบแทน ด้านอิงอรหลุบตาลงเธอเองก็พึ่งรู้ว่าเขากลับไปแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นผมยังเปิดพินัยกรรมไม่ได้ เนื่องจากในพินัยกรรมระบุไว้ว่าคุณพงศกรต้องอยู่ในวันเปิดพินัยกรรมด้วยครับ”
“ตากรไม่อยากได้สมบัติถือว่าสละสิทธิ์ไม่ได้เหรอคะ”อาน้องเอ่ยถามญาติ ๆ ต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“ไม่ได้ครับอย่างไรคุณพงศกรก็ต้องอยู่ที่นี่ในวันเปิดพินัยกรรม หากรับหรือไม่รับมรดกนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ”ทนายเน้นคำหนักแน่นตามที่ได้รับมอบหมาย
“รอสักครู่.......”อาณีสีหน้าเบื่อหน่ายลุกขึ้นเดินออกไปโทรศัพท์ติดต่อพงศกร ก่อนจะเดินกลับเข้ามานั่งในห้องรับแขกอีกครั้ง
“ตากรบอกว่าต้องเคลียงานก่อน อีกสองอาทิตย์จะกลับมา”
“อีกสองอาทิตย์! มาอยู่ที่นี่ได้ตั้งหลายวันกับอีกแค่วันเดียวทนรอเปิดพินัยกรรมก่อนก็ไม่ได้ หลานคุณนี่มันจริง ๆ เลยทำให้คนอื่นเขารอกันอยู่ได้”ลุงทรแสดงอาการหงุดหงิดไม่พอใจออกนอกหน้า ท่ามกลางเสียงอื้ออึงของบรรดาญาติและเมียน้อยที่มานั่งรอฟังพินัยกรรม
“สรุปรออีกสองอาทิตย์นะครับ ผมขออนุญาตกลับก่อน”ทนายยิ้มเล็กน้อยหยิบกระเป๋าลุกขึ้นจะเดินออกจากห้องรับแขก
“ช่วงที่รอเปิดพินัย ก็แยกย้ายกลับไปอยู่บ้านใครบ้านมัน...ไป!”อาณีกอดอกมองไปที่อิงอรส่งเสียงดังไล่เมียน้อยคนอื่นและเน้นอิงอร ทนายหันมองอาณีและอิงอรที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร
“ระหว่างรอเปิดพินัยกรรมอนุของท่านยังพักอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ตามเดิมจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง” สิ้นคำทนาย อิงอรยกมือไหว้แล้วยิ้มหวาน
“ขอบคุณค่ะ”สายตาหวานเหล่ตามองอาณีแว้บนึงอย่างเหนือกว่า ทนายพยักหน้าหันหลังเดินกลับไป อิงอรค่อย ๆ ลุกเชิดหน้าเดินนวยนาดยียวนขึ้นไปยังห้องพักชั้นสอง
“ดูสิมันร้ายนัก หลานฉันกลับมาเมื่อไหร่อีนี่ต้องโดนเฉดหัวเป็นคนแรก” อาณีกับอาน้องมองตามเมียน้อยพี่ชายอย่างขุ่นเคือง
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
อิงอรใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของท่านอำนาจท่ามกลางความรังเกียจของเหล่าญาติและเมียน้อยคนอื่นรวมไปถึงคนรับใช้ ไม่มีใครเป็นมิตรอยู่อย่างเดียวดายต้องทนอยู่จนกว่าจะเปิดพินัยกรรม สิ่งที่ต้องการคือที่ดินของครอบครัวของเธอที่ท่านอำนาจยึดมาหากได้ที่ดินคืนเธอจะได้ไปจากสถานที่แย่ ๆ นี้สักที
หลังทานอาหารค่ำ
เรือนร่างเปลือยเปล่านอนแช่น้ำในสระส่วนตัวนี่เป็นห้องที่เธอชอบมากที่สุดภายในห้องรายล้อมไปด้วยสวนที่จัดแต่งสไตล์ญี่ปุ่นมีต้นไม้ประดับเล็ก ๆ ตามทางเดินเป็นหินที่จัดวางไว้อย่างสวยงามมีสระน้ำขนาดเล็กให้นอนเอนกายแช่น้ำเพื่อผ่อนคลาย ห้องนี้เคยเป็นห้องพักผ่อนของพงศกรหลังการหย่าร้างห้องนี้ถูกปิดตายจนวันที่อิงอรมาอยู่และได้เจอห้องนี้เลยขอท่านให้เปิดอีกครั้ง ท่านจึงยกให้เป็นห้องส่วนตัวของเธอ หญิงสาวมานอนแช่น้ำในห้องนี้แทบทุกวันเพราะอีกหนึ่งอาทิตย์หลังเปิดพินัยกรรมเธอจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว
สายตาหวานมองออกนอกบานกระจกดูสวนสวยคิดถึงวันนั้นที่พงศกรยืนดูเธอนอนแช่น้ำ น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่จะได้มองกันอย่างนั้นอีก
อิงอรค่อย ๆ ลุกขึ้นก้าวเท้าขึ้นจากสระเดินย่างก้าวบนก้อนหินที่วางเป็นทางเดินแล้วหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่ ทันใดนั้นกายสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อมีมือหนักมาจับที่ไหล่ทำให้เธอรู้สึกตื่นกลัวหน้าตาเลิ่กลั่กชายร่างหนาเข้าใกล้ชิดด้านหลัง หญิงสาวหัวใจเต้นรัวจะกรีดร้องให้คนช่วย
“สวัสดีคุณแม่เลี้ยง”เสียงทุ้มแหบพร่ากระเส่าข้างหูทำหญิงสาวขนลุกชันเธอรู้ในทันทีว่าเป็นเสียงของพงศกร หญิงสาวตาเบิกโพลงดีใจที่เขากลับมา
กายบางโดนจับพลิกตัวแล้วถูกประกบจูบอย่างรวดเร็ว สายตาหวานเหล่มองใบหน้าหล่อที่คิดถึง ตวัดลิ้นน้อยหยอกล้อลิ้นอุ่นด้วยความโหยหาไร้ซึ่งการไม่ขัดขืนวงแขนแกร่งโอบล้อมเอวบางรวบเข้าแนบชิดมือเรียวบีบแขนหนา จูบกันหวานซึ้งเนิ่นนานราวคู่รักท่ามกลางสวนและเสียงน้ำตกจำลองที่ไหลดังอย่างต่อเนื่อง
