ตอนที่ 4 คุณแม่เลี้ยง
หลังสวดศพแขกที่มาร่วมงานต่างแยกย้ายกันกลับ พงศกรเดินลิ่วไปที่รถเพื่อกลับไปพักที่โรงแรม ระหว่างทางเดินเขาเห็นอิงอรนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ศาลาโน้มลงก้มดูข้อเท้ามีผู้ชายคนหนึ่งนั่งยอง ๆ จับที่ข้อเท้าของหญิงสาว
พงศกรจ้องมองด้วยความขุ่นเคืองออกอาการหงุดหงิด ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้เลยเดินกลับไปที่งานศพและตรงไปหาป้าพวง
“ป้าพวงครับ ช่วยให้คนจัดห้องพักให้ผมที วันนี้ผมจะไปนอนที่บ้าน”
“ได้ค่ะ ๆ ป้าจะโทรไปสั่งเด็กเลยค่ะ”ป้าพวงยิ้มดีใจรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร พงศกรยิ้มเล็กน้อยแสร้งหันไปจ้องมองอิงอรกับผู้ชายคนนั้นให้ป้าพวงเห็น ป้าพวงมองว่าพงศกรกำลังมองอะไรอยู่พอเห็นก็ตกใจร้องเสียงดัง
“ว๊าย ตายแล้ว!”ป้าพวงรีบเดินดุ่มไปหาอิงอรกับผู้ชายคนนั้น
“นายเสกทำอะไรรุ่มร่ามในวัด”
“คุณผู้หญิงข้อเท้าแพลง ผมเลยเอาน้ำแข็งประคบให้”เสกหน้าตาเหลอหลารีบลุกยืนหน้าเสีย ป้าพวงจ้องหน้าเสกแล้วหันมองเคืองอิงอร
“บัดสีบัดเถลิง ศพผัวยังไม่ทันเผาจะมีชู้เป็นคนขับรถ ไม่เกรงใจศพผัวก็หัดมียางอายเสียบ้างนะคะ!”
“ไม่ใช่นะป้า คิดไปไกลใหญ่แล้ว”เสกโบกไม้โบกมือไม่อยากให้ป้าเข้าใจผิด อิงอรนั่งฟังสีหน้าเรียบเฉย
“ช่างเถอะเสก ฉันดีขึ้นแล้วขอบใจที่มาประคบน้ำแข็งให้”เสียงหวานค่อย ๆ พูดและยิ้มให้คนขับรถของบ้าน ป้าพวงฉุนคุณผู้หญิงของบ้านด่าขนาดนี้ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนยิ้มเล่นหูเล่นตากับคนขับรถอีก เมื่อทำอะไรคุณผู้หญิงไม่ได้ก็หันไปฟาดแขนของเสก
“นี่แน่ะไอ้เสก อย่าไปยุ่งกับตัวกาลกิณีเด็ดขาดคนอย่างนี้อยู่ใกล้ก็มีแต่ซวย แกจะไปก็ไป......”ป้าพวงพูดกับเสกแต่เหล่สายตามองเหยียดอิงอรแล้วไล่ให้เสกไปที่อื่น อิงอรพ่นลมหายใจเอามือจับเก้าอี้พยุงตัวลุกไม่ลงน้ำหนักที่ข้อเท้าขวา พงศกรมองอยู่ไม่ห่างแต่ไม่เข้าไปช่วย
“ผู้หญิงมักมากจับใครทำผัวได้ก็เอาหมด อะไรมันจะคันขนาดนั้น”ป้าพวงยังไม่วายเลิกแขวะมองหญิงสาวเดินกะเผลกอย่างแล้งน้ำใจ
“สาวแก่ไม่เคยมีสามีอย่างป้าพวงไม่เข้าใจหรอกค่ะ ว่าเรื่องอย่างว่ามันจำเป็นต้องมีพออยากก็ต้องมีที่ลง แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ อรจะหาที่ลงที่เหมาะสมไม่มักง่ายแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง........” อิงอรน้ำเสียงเรียบนิ่งจ้องตากับป้าพวงก่อนจะกระตุกยิ้มเย้ยหยันค่อย ๆ หันหลังเดินกะเผลกไปที่รถ ป้าพวงรู้ตัวว่าโดนเหน็บที่ตนเป็นสาวแก่ได้แต่เม้มปากทำตาขวางมองหญิงสาวอย่างหงุดหงิด
.ณ บ้านไม้หลังใหญ่
พงศกรขับรถคันหรูมาจอดที่ลานจอดรถ รถตู้ของอิงอรแล่นเข้ามาจอดต่อท้าย อิงอรสงสัยว่าเป็นรถคันหน้าใครจึงชะเง้อมองเลขทะเบียนรถจำได้ว่าเป็นของพงศกร คิ้วเรียวขมวดครุ่นคิด เมื่อคืนได้ยินป้าพวงบอกว่าเขาไม่อยากมานอนที่นี่ทำไมวันนี้ถึงมา
ร่างบางลงจากรถเดินกะเผลกเข้ามาในบ้านที่เปิดไฟสว่าง คนรับใช้เดินผ่านหน้าเธอตรงไปยังโต๊ะอาหารใหญ่ฝั่งซ้ายของมุมบ้าน อิงอรหันไปมองเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะค่อย ๆ เดินกะเผลกจะขึ้นบันไดไปยังห้องนอน
“ต้องเรียกคนขับรถมาช่วยอุ้มขึ้นไปไหมครับ....คุณแม่เลี้ยง”พงศกรยืนยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ด้านหลังหญิงสาว
“ฉันขึ้นเองได้ค่ะ”เธอเอียงหน้าเล็กน้อยหน้าตาบึ้งตึงที่เขาถามกวน มือเรียวจับที่ราวบันไดใช้แขนดึงตัวเขย่งจิกปลายนิ้วขึ้นบันไดทีละขั้น เขากอดอกมองดูเธอพยายามรั้น
“ให้ผมเรียกเขามาอุ้มเถอะเผื่อคุณแม่เลี้ยงอยาก........จะได้มีที่ลง”
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะคะ ถ้าฉันอยากจะหาที่ลงเองไม่ต้องรบกวนคุณกรหรอกค่ะ”หน้าสวยหันขวับมองเคืองสะบัดหน้าหนีใช้มือดึงราวบันไดเขย่งปลายเท้าขึ้น พงศกรถอนหายใจเดินตามไปแขนแกร่งเข้าช้อนตัวร่างบางอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอดอุ่น อิงอรหน้าเหวอแก้มแดงระเรื่อทำดีดดิ้นเล่นตัวทั้งที่ชอบ
“อยู่นิ่ง ๆ เดี๋ยวก็ตกบันไดทั้งคู่”เสียงทุ้มเข้มขึ้นทำหน้าดุก่อนจะก้าวเท้าขึ้นบันได
“ปล่อยค่ะ”
“เดินไม่ไหว ยังทำปากเก่ง”สายตาคมมองที่บันได หญิงสาวในอ้อมกอดแอบมองเขาด้วยหัวใจพองโตเคยคิดฝันอยากให้เขาอุ้มเธอไว้แนบอกใกล้ชิดเกินกว่าที่เคยฝัน
“ไม่อยากให้คนในบ้านเห็น เบื่อฟังป้าพวงด่า”
“เดินไม่ไหวป้าแกคงเข้าใจ ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย..”
“..............”
“หรือว่าเราจะมีอะไรกัน จะได้โดนด่าทีเดียว จบ.......”สายตาคมเหล่มองกรุ้มกริ่ม
“ไม่ได้นะ!”เธอรีบพูดห้ามแต่ก็เขินอายกับคำพูดของเขาไม่น้อย
“ล้อเล่น ผมจะมีอะไรกับคุณแม่เลี้ยงได้ยังไงล่ะครับ”ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มลอบกลืนน้ำลายเหลือบมองหญิงสาวคนสวยอยากทำอย่างว่ากับเธอถ้าไม่ติดว่าสถานะค้ำคอเขาไม่มีทางปล่อยให้เธอหลุดมือ
