ตอนที่6
ชลากรลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางไปยังสนามบินเพื่อนไปเรียนต่อปริญญาโท ชายหนุ่มใส่เสื้อสีดำสนิทไร้ลวดลายเพราะยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ให้กับเอมอรที่เพิ่งจากไปได้ไม่นาน
"เดินทางปลอดภัยนะลูก ติดต่อกลับมาหาย่าบ่อยๆ นะกร" คุณหญิงสุพิชชาไม่ได้ไปส่งที่สนามบินจึงร่ำลาหลานชายที่หน้าบ้านก่อนชลากรจะขึ้นรถไป
"ครับคุณย่า ดูแลตัวเองด้วยนะครับ" ขลากรสวมกอดผู้เป็นย่าแน่น
"จ้ะ หลานก็เหมือนกันนะ"
"ไม่ต้องห่วงนะครับคุณย่า มีผมไปอยู่ด้วยไอ้กรไม่เหงาแน่นอน" กรัณเอ่ยขึ้นไม่ให้ย่าของเพื่อนต้องเป็นห่วง
"ไปอยู่ด้วยกันไม่ใช่พากันออกนอกลู่นอกทางล่ะ"
"ผมจะดูแลไอ้กรหลานรักคุณย่าอย่างดีเลยครับ" ชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนสนิทกับชลากรมาตั้งแต่ประถมเข้านอกออกในบ้านของเพื่อนราวกับเป็นบ้านของตนเองไปแล้ว ไม่แปลกที่เขาจะสนิทกับย่าของเพื่อนด้วย
กรัณจะไปอยู่เป็นเพื่อนชลากรในช่วงครึ่งปีแรกจากนั้นก็จะกลับมาทำกิจการร้านกาแฟของตนเองต่อ ที่ตัดสินใจไปอยู่ด้วยก็เพราะเป็นห่วงกลัวชลากรยังทำใจเรื่องเอมอรไม่ได้
"ผมไปก่อนนะครับคุณย่า สวัสดีครับ"
สองย่าหลานร่ำลากันเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มหันมองบ้านหลังใหญ่แล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ต่อจากนี้อีกสองปีเขาคงไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ บ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน นี่เป็นครั้งแรกที่ชลากรจะไปอยู่ไกลจากครอบครัวเป็นเวลานานแรมปี
เหล่าแม่บ้านพากันมายืนส่งถึงหน้าประตูรวมถึงเขมิกาที่ตามทุกคนออกมาด้วย เธอมองรถที่ผ่านหน้าไปด้วยความรู้สึกที่หวิวในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ
"คุณกรเขาไปกี่ปีเหรอจ๊ะป้าดวง"
"น่าจะสักสองสามปีแหละมั้ง" ดวงดาวเช็ดคราบน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าออกรัวๆ เธอเห็นชลากรมาแต่อ้อนแต่ออกก็อดใจหายไม่ได้
ขณะที่รถSUVคันหรูกำลังขับเออกมาจนพ้นขอบรั้วประตูใหญ่ สายตาคมกริบของกรัณพลันเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มแม่บ้าน แต่ความสาวและความน่ารักของเธอกลับโดดเด่นออกมาจนเขาต้องหันขวับกลับไปมอง
"นั่นใครวะไอ้กร" มือหนาสะกิดแขนเพื่อนยิกๆ แต่สายตายังมองหญิงสาวคนนั้นไม่วางตา
"ใคร?"
"คนนั้นไงที่น่ารักๆ" กรัณชี้ไปทางเขมิกาที่กำลังยืนคุยอยู่กับแม่บ้านอีกคน
"ลูกแม่บ้านคนใหม่ แกถามทำไม"
"น่ารักดีว่ะ บ้านแกมีเด็กน่ารักๆ แบบนี้ด้วยเหรอวะ"
"น่ารักตรงไหน แม่นั่นเฉิ่มจะตาย ซื่อจนเซ่อ" แค่ได้คุยกันครั้งเดียวเขาก็รู้เลยว่าเขมิกาเป็นคนที่เฉิ่มเฉยแถมยังเซ่อซ่าจนน่าหงุดหงิด
"มีคนน่ารักๆ แบบนี้อยู่ในบ้านไม่บอกกันเลยนะแก"
"ไอ้กาย แกจะเจ้าชู้ยังไงฉันไม่ว่าหรอกนะแต่เว้นคุกเว้นตารางบ้างเถอะ"
"ทำไมวะ"
"เด็กนั่นอายุสิบห้า แกอยากติดคุกโทษฐานพรากผู้เยาว์หรือไง" ชลากรเตือนเพื่อนด้วยความหวังดี เขายังไม่อยากไปประกันตัวเพื่อนในคุกตอนนี้
"โอ้ย! อีกสามปีก็กินได้แล้ว ถ้าอยู่บ้านฉันนะไม่รอดแน่นอน" กรัณพูดทีเล่นทีจริงอยากให้เพื่อนคลายเครียด เขาไม่อยากให้เพื่อนสนิททำหน้าอมทุกข์เหมือนช่วงที่ผ่านมา
"แล้วทำไมแกถึงตามฉันไปอยู่ที่นู่นด้วย งานการไม่ทำหรือไง ไหนบอกจะเปิดร้านกาแฟ"
"ฉันก็ต้องไปหาประสบการณ์ก่อนสิ อีกอย่างนะสาวๆ เมกาก็งานดีนะเว้ย ใครจะพลาด"
"ในหัวแกนี่วันๆ มีแต่เรื่องผู้หญิงหรือไง"
"ก็ฉันมันชายโสดนี่หว่า ไม่คิดเรื่องผู้หญิงแล้วจะให้คิดเรื่องอะไรล่ะ" ชายหนุ่มยักไหล่ไม่ยี่หระ เขากับชลากรนิสัยต่างกันสุดขั้วจนไม่น่ามาเป็นเพื่อนกันได้
กรัณจัดว่าเป็นผู้ชายเจ้าชู้ เขาสามารถเรียกตัวเองว่าเพลย์บอยได้อย่างเต็มปาก ผิดกับชลากรที่รายนั้นไม่ค่อยสนใจเรื่องผู้หญิง แต่ก่อนจะมาคบหากับเอมอรชลากรก็เคยมีสัมพันธ์แบบวันไนท์กับผู้หญิงมาเช่นกัน ทว่าพอคบกับเอมอรเขาก็ไม่สนใจเรื่องพรรค์นั้นอีกเลย
ทั้งคู่มาถึงสนามบินก่อนเวลาเครื่องออกสองชั่วโมงเพื่อเตรียมความพร้อมต่างๆ ทั้งเอกสารการเดินทาง และอื่นๆ ที่จำเป็นกับการที่ต้องนั่งเครื่องหลายสิบชั่วโมง
"หมอนรองคอ"
"เอามาแล้วครับแม่"
"ลูกอม หมากฝรั่ง"
"บนเครื่องก็มีครับแม่" ชลากรตอบเสียงเอื่อยๆ กับคำถามที่ยิงมาไม่หยุดจากผู้เป็นแม่ที่เพิ่งมาถึงสนามบินพร้อมกับพ่อเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า
"แม่ต้องคิดถึงลูกมากๆ แน่เลย"
"เพลาๆ หน่อยเถอะคุณ ตากรอายุยี่สิบกว่าแล้วนะไม่ใช่สามขวบสักหน่อย" ผู้เป็นพ่อเอ่ยปรามภรรยาตนเองที่หวงลูกชายจนเกินไป
"ฉันไม่เหมือนคุณนี่คะ ลูกของฉันฉันเลี้ยงมากับมือ"
"รีบเข้าไปข้างในกันเถอะลูก ขืนอยู่ตรงนี้นานๆ เดี๋ยวจะมีคนร้องไห้" ท่านคมสันสามีคุณชนิดาแกล้งแซวภรรยาที่คาดว่าอีกไม่นานต้องร้องไห้เป็นแน่
"งั้นผมไปก่อนนะครับพ่อ ไปนะครับแม่ มากอดก่อนครับ" ชลากรโผกอดผู้เป็นแม่อีกครั้งก่อนจะเดินตามกรัณเข้าไปยังด้านในเพื่อรอขึ้นเครื่อง
"ฮึก...ถึงแล้วโทรหาแม่ด้วยนะกร" เสียงผู้เป็นแม่ตะโกนไล่หลังพร้อมกับเสียงสะอื้น ชลากรหันไปมองก็เห็นแม่กำลังปาดน้ำตาออกจากแก้ม
"แม่แกนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ หวงลูกชายอย่างกับแกสองขวบ"
"ก็นะ" ชลากรส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนกับความหวงลูกของผู้เป็นแม่ อาจจะเป็นเพราะท่านมีลูกคนเดียวก็เลยเป็นห่วงเป็นใยมากเป็นพิเศษ แต่บางครั้งก็มากเกินไปหน่อย
ชายหนุ่มหยิบรูปของเอมอรที่พกติดตัวเอาไว้ขึ้นมาอีกครั้งระหว่างที่รอขึ้นเครื่อง ภาพของเอมอรที่ส่งยิ้มหวานให้กล้องซึ่งมีชลากรเป็นคนถ่าย เธอคือผู้หญิงที่เขาจะได้แต่งงานด้วยในอีกไม่ช้า แต่สุดท้ายก็ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัว
"ฉันเข้าใจแกนะกร ฉันก็เสียใจเหมือนกัน" กรัณที่เป็นญาติของเอมอรก็ยังทำใจไม่ได้กับการจากไปโดยไม่ร่ำลาของเธอ
เอมอรเป็นเหมือนน้องสาวที่เขาเอ็นดูและยังเป็นคนรักของเพื่อนสนิท เมื่อเธอจากไปทั้งเขาและชลากรก็เสียหลักไปพักใหญ่ ทว่าคนที่เจ็บปวดที่สุดนั้นคือชลากรที่ต้องสูญเสียเอมอรไปหลังจากหมั้นหมายกันได้ไม่ถึงเดือน
หญิงสาวแสนอ่อนโยนและใจดียังคงอยู่ในห้วงความทรงจำของทุกคนไม่มีวันหายไป ทุกคนต้องเดินหน้าต่อไป แม้จะผ่านความเสียใจมาอย่างหนักหน่วง แต่ชีวิตของชลากรต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
