ตอนที่7
สามปีต่อมา...
กาลเวลาผันเปลี่ยนไปราวกับเรื่องโกหกหญิงสาวจากวัยสิบห้าเติบโตเป็นสาววัยสิบแปด รูปร่างสัดส่วนโค้งเว้าได้รูปสวย ใบหน้ายังคงความอ่อนเยาว์ไม่แปรเปลี่ยน แต่ผมที่เคยยาวสลวยกลับถูกตัดสั้นให้เข้ากับรูปหน้า
"นังเขม ฉันบอกให้ไปรดน้ำต้นไม้ตั้งแต่เช้าเนี่ยทำหรือยัง" เสียงเรียกของผู้เป็นแม่ทำให้เขมิกาที่กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยถึงกับสะดุ้งตัวโยน
"หนูทำแล้วจ้ะแม่" เขมิการีบขานตอบสิ่งที่แม่ถาม เธอทำงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วถึงได้มาอ่านหนังสือ
"แน่ใจนะ"
"จ้ะแม่"
"แล้วจะอ่านไปทำไมหนังสือพวกนี้" แขไขหยิบหนังสือลูกสาวขึ้นมาจับๆ มองๆ ก่อนจะวางบนโต๊ะเสียงดังอย่างไม่ระวัง
"แม่วางเบาๆ สิจ๊ะ หนูยืมรุ่นพี่เขามาเดี๋ยวต้องเอาไปคืนเขานะ" หนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยราคาแพงเกินกว่าเธอจะจ่ายไหว และเขมิกาก็ไม่มีเงินมากพอจะเรียนพิเศษเหมือนเพื่อนๆ หนทางเดียวที่ทำได้คือการยืมหนังสือจากรุ่นพี่ที่จบไปแล้วมาอ่านเอาเอง
"อ่านทำไม จะไปเรียนต่อหรือไง"
"จ้ะ หนูจะเรียนต่อคณะท่องเที่ยว"
"ไร้สาระ จะเรียนไปทำไมเสียเงินเปล่าๆ แล้วคุณท่านไม่ได้ส่งเสียแกแล้วไม่ใช่หรือไง" คุณหญิงสุพิชชาส่งเสียเขมิกาถึงแค่จบมัธยมตอนปลายเพื่อให้เธอได้มีวุฒิการศึกษามอหก แต่ท่านไม่ได้จะส่งเสียต่อในระดับมหาวิทยาลัย
"ไม่ได้ส่งจ้ะ แต่หนูจะเก็บเงินเรียนเอง"
"แกจะเอาเงินจากไหนมาเรียนนังเขม"
"หนูอายุสิบแปดแล้ว ได้เงินเดือนเท่ากับคนอื่นๆ แล้วจ้ะ หนูจะเอาเงินมาจ่ายค่าเทอม" เขมิกาเอ่ยบอกผู้เป็นแม่อย่างยิ้มๆ เดือนหน้าเธอจะได้ค่าจ้างเหมือนแม่บ้านคนอื่นๆ แล้วเพราะอายุของเธอสิบแปดเต็มไปเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
"เหอะ! ฉันไม่ให้แกเอาเงินไปเรียนอะไรไร้สาระหรอก เงินนั่นแกต้องเอามาให้ฉันสิ"
"แต่มันเป็นเงินค่าจ้างของหนูนะ"
"แต่ฉันเป็นแม่แก ฉันมีหน้าที่เก็บเงินให้"
"แม่ แต่หนูทำงานเหมือนกันนะ หนูต้องได้ใช้เงินของตัวเองสิ" เขมิกาเถียงกลับอย่างไม่ยอม เธอรอเวลานี้มาตั้งสามปีเพื่อให้ตัวเองมีรายได้เหมือนคนอื่น
"อย่ามาเถียงเป็นเด็กเป็นเล็กเถียงผู้ใหญ่เดี๋ยวเถอะนะ"
"งั้นหนูแบ่งให้สามสิบเปอร์เซ็นต์จากเงินที่ได้ทั้งหมด" คนตัวเล็กยื่นข้อเสนอให้ผู้เป็นแม่
"สามสิบมันจะไปได้เท่าไหร่เชียว ฉันเอาเก้าสิบ" แขไขต่อรองกับลูกสาวอย่างไม่ยอมเช่นกัน
"สี่สิบเปอร์เซ็นต์"
"เก้าสิบ!"
"งั้นห้าสิบ ห้าสิบ ตกลงตามนี้นะจ๊ะ" เขมิกาสรุปให้แม่เสร็จสรรพก่อนจะรีบรวบกองหนังสือเดินหนีแม่ที่ยืนตะโกนด่าทอเธอไล่หลังอยู่ไกลๆ
ยิ่งนานวันเข้าแม่ของเธอยิ่งใช้เงินไม่รู้จักพอ เงินเดือนของตนเองที่ได้มาใช้ไม่ถึงเดือนก็หมดอีกแล้ว ทั้งที่ไม่ได้ส่งให้ญาติพี่น้องที่ไหน และอาหารการกินก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อสักบาท เขมิกาสงสัยว่าแม่ของเธอเอาเงินไปใช้อะไรหมด และตอนนี้ยังมาขอแบ่งจากเงินเดือนของเธออีกด้วย
"เขม จะไปไหนล่ะ" ดวงดาวที่บัดนี้ได้เลื่อนขั้นมาเป็นหัวหน้าแม่บ้านคนใหม่เอ่ยถามคนตัวเล็กที่เดินหอบของพะรุงพะรังไปที่ไหนสักแห่ง
"หนูจะไปหาที่อ่านหนังสือจ้ะป้าดวง"
"แล้วแม่เอ็งล่ะอยู่ไหน?"
"อยู่ที่ห้องจ้ะป้า ให้หนูไปเรียกให้ไหม"
"ไม่ต้องๆ เอ็งไปอ่านหนังสือไปเดี๋ยวป้าไปตามแม่เอ็งเอง" ดวงดาวไม่อยากขัดจังหวะการเรียนรู้ของอีกคนการที่เขมิกามีความคิดอยากเรียนจบให้สูงนั่นเป็นเรื่องดี เพราะจะได้ไม่ต้องเป็นแม่บ้านแบบนี้ตลอดไป
เขมิกาหาที่นั่งใต้เงาร่มไม้ใหญ่ที่สวนบริเวณหลังบ้านที่ไม่ค่อยมีใครเดินมา ที่แห่งนี้จึงเปรียบเสมือนพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเธอ พื้นที่ที่เงียบสงัดมีเพียงเสียงลมพัดผ่านทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้ผ่อนคลาย
"ว่าแล้วต้องอยู่ที่นี่" น้ำเสียงทุ้มกังวานของบุคคลที่แวะเวียนมาหาเธออยู่บ่อยๆ ตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา
"คุณกาย" เขมิกาเรียกชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนสนิทของชลากรที่มักจะมาหาเธออยู่ประจำ เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาที่นี่ทำไมในเมื่อเพื่อนของเขายังอยู่ต่างประเทศ
"อ่านหนังสืออยู่เหรอ ให้พี่ช่วยติวให้ไหม" กรัณเรียกแทนตัวเองว่าพี่ในขณะที่เขมิกายังเรียกเขาว่าคุณ
"ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ เขมเกรงใจ"
"เห็นแบบนี้พี่จบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยนะ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนถามพี่ได้เลย" ชายหนุ่มโอ้อวดสรรพคุณของตนเองให้คนตรงหน้าได้ฟัง
"แล้วคุณกายมาที่นี่ทำไมคะ วันนี้คุณผู้หญิงไม่อยู่นะคะ คุณท่านก็ยังไม่กลับจากโรงพยาบาลเลยค่ะ" คนตัวเล็กเงยหน้าถามคนที่ตัวสูงกว่าเธอ ใบหน้าสวยนึกแคลงใจที่ช่วงนี้กรัณมาบ่อยเหลือเกิน
