เจ้าเตรียมการมานานเพียงใดแล้ว
หงอี้ก็ตกใจเช่นกันนางทำอันใดไม่ถูก ได้แต่วิ่งตามซุนเหยาไป เพราะกลัวว่านางยังเข้าใจผิดอยู่
“ฮูหยินซูท่านรอข้าก่อนเจ้าค่ะ”
ซุนเหยาชะงักฝีเท้าลง แล้วหันไปมองหงอี้ที่วิ่งตามนางมาอย่างประหลาดใจ
“มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
“ฮูหยิน ท่านอย่าได้เข้าใจผิดข้าเป็นอันขาด”
ซุนเหยายกมือขึ้น เพื่อให้หงอี้นางหยุดพูด
“แม่นางฟู่ เรื่องทั้งหมดข้าไม่โทษเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าวางใจได้ แต่หากเจ้าจะช่วยพูดให้บุรุษสารเลวเช่นนั้น เห็นทีข้าควรไม่จำเป็นต้องฟัง”
หงอี้พยักหน้าอย่างเข้าใจ หากเป็นนางพบเจอเรื่องเช่นนี้ คงได้ดึงดาบขึ้นมาฟันซูเซวียนจนขาดสองท่อนเป็นแน่
“ข้าจะเป็นสหายกับเจ้าได้หรือไม่” นางเอ่ยถามอย่างเขินอาย หากนางเป็นบุรุษย่อมต้องเลือกสตรีเช่นซุนเหยา
“ย่อมได้” นางยิ้มให้หงอี้
“แล้วข้าจะไปพบเจ้าที่จวนตระกูลจ้าวได้หรือไม่”
“ข้ามิได้อยู่ที่จวนตระกูลจ้าว แต่หากอยากพบข้าไปที่เหลาอาหารเหม่ยสือ แล้วถามหาข้าก็จะได้พบ” ซุนเหยาพูดคุยกับหงอี้ต่ออีกไม่กี่ประโยคน้องก็ขอตัวไปเก็บข้าวของที่เรือนของนาง
หงอี้อดชื่นชมแผ่นหลังที่เหยียดตรงของซุนเหยาไม่ได้ “ท่านแม่ทัพ ท่านพลาดเสียแล้ว” หงอี้ส่ายหัวแล้วเดินกลับไปที่เรือนท้ายจวนของนาง
ซุนเหยาเมื่อกลับมาถึงเรือนนางก็ร่างหนังสือหย่า แล้วประทับนิ้วมืออย่างไม่ลังเล ก่อนที่จะเข้าไปห้องเก็บสินเดิม เพื่อชี้ให้บ่าวช่วยขนออกไป
หลีซื่อรีบให้แม่นมพานางมาที่เรือนของซุนเหยา เพื่ออยากจะเอ่ยรั้งนางอีกครั้ง
“อาเหยา เจ้าไม่ไปได้หรือไม่ ข้าจะไล่เจ้าลูกเต่ากลับชายแดนไปเสียประเดี๋ยวนี้เลย” นางดึงมือของซุนเหยามาจับไว้แน่น
“ท่านแม่ ท่านแม่ทัพเป็นบุตรของท่านนะเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรข้าก็ยังเห็นว่าท่านเป็นแม่ของข้า อย่างไรก็จะกลับมาดูแลท่านอยู่บ่อยๆ เจ้าค่ะ”
“ข้านำไปเพียงสินเดิมของข้าเท่านั้น ส่วนที่เป็นของท่านแม่ทัพ ถึงคิดจะยกให้ข้า ข้าก็ไม่รับเจ้าค่ะ”
“อาเหยา” หลีซื่อปิดปากแน่น เมื่อเห็นว่าซุนเหยานางต้องการไปจริงๆ
“นี่หนังสือหย่าเจ้าค่ะ หากมีเรื่องใดที่ไม่เหมาะสม ท่านติดต่อท่านพี่หรือท่านพ่อของข้าได้เลย” ซุนเหยาส่งหนังสือหย่าให้กับซูเซวียน แล้วนางก็เดินออกจากเรือนไปโดยไม่คิดจะหันกลับมามอง
“อาเซวียน ตามนางไป ฮือออ ไปตามนางกลับมา” หลีซื่อทุบตีบุตรชายแล้วร่ำไห้ออกมาเสียงดัง
เกาจิงถิงกับจ้าวกงหยวนมิอาจทนดูได้ ทั้งสองได้แต่เดินตามบุตรสาวไป ทั้งคู่ไม่คิดว่าบุตรีที่เลี้ยงดูมาจะใจแข็งเช่นนี้
ซูเซวียนเม้มปากแน่น เพราะความทระนงของเขา ทำให้เขาไม่ยอมที่จะไปตามซุนเหยานางกลับมาอย่างที่มารดาต้องการ
ชาวเมืองต่างหยุดมองอยู่ที่หน้าประตูจวนตระกูลซูเมื่อเห็นบ่าวกำลังยกข้าวของออกมาจากจวน
“ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านกลับจวนไปก่อนเลยเจ้าค่ะ ลูกยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ”
“แต่ว่า...” เกาจิงถิงจะเอ่ยแย้งบุตรสาว
ซุนเหยากุมมือมารดาไว้ พร้อมทั้งเอ่ยขอความเห็นใจ
“ท่านแม่ ลูกซื้อจวนไว้แล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างเหลาอาหารเหม่ยสือเป็นกิจการของลูก ลูกอยากใช้ชีวิตด้วยตนเอง ท่านพ่อ ท่านแม่ โปรดเข้าใจลูกด้วยเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า หากมีเรื่องอันใดที่จัดการไม่ได้ เจ้าจงจำไว้ เจ้ายังมีตระกูลจ้าว ของเจ้าอยู่” จ้าวกงหยวนมองบุตรีที่เติบโตขึ้นอย่างงรักใคร่
เห็นนางเป็นเช่นนี้เขาก็วางใจ เพราะเลี้ยงดูนางมาดั่งไข่มุกในฝ่ามือ กลัวว่านางจะหัวอ่อนถูกรังแกมาตลอด แต่เมื่อเห็นนางเข้มแข็งเช่นนี้ เขาก็หมดห่วง
“พี่จะไปดูจวนใหม่ของเจ้าด้วย” หลิงเฮ่อยังไม่วางใจจึงคิดจะไปดูที่จวนหลังใหม่ของซุนเหยา
“เจ้าค่ะ” นางยิ้มให้พี่ชาย ก่อนที่ทั้งคู่จะส่งบิดามารดาขึ้นรถม้ากลับจวน แล้วไปที่จวนหลังใหม่ของซุนเหยา
หลิงเฮ่ออดที่จะมองน้องสาวอย่างพิจารณาไม่ได้ เมื่อก่อนนางหัวอ่อนจนเขาคิดว่าจะใช้ชีวิตไม่ได้เสียแล้ว
“อาเหยา เจ้าเตรียมการมานานเพียงใดแล้ว”
“ตั้งแต่วันแรกที่ข้าแต่งเข้าจวนตระกูลซูเจ้าค่ะ ถึงแม้ท่านแม่สามีจะดูแลข้าอย่างดีราวกับบุตรของนาง แต่กับซูเซวียนข้าใช้ชีวิตกับเขาไม่ได้จริงๆ”
ซุนเหยายิ่งนึกถึงใบหน้าและคำพูดที่ออกมาจากปากของซูเซวียนนางก็หงุดหงิดในใจ วาจาเชือดเฉือนยังพอปล่อยผ่านไปได้ แต่การที่เขาเห็นนางเป็นคนโง่ถึงขั้นหลอกลวงเรื่องอนุภรรยามันทำให้ความอดทนของซุนเหยาหมดลง
อย่าว่าจะต้องอยู่กับเขาให้ได้หนึ่งเดือนเลย เพียงอยู่ต่ออีกเค่อเดียวนางก็ไม่อาจทนอยู่ได้
เมื่อถึงจวนหลังใหม่ที่ซุนเหยานางซื้อไว้ หลิงเฮ่อก็เดินสำรวจรอบจวน เพื่อดูว่าหากน้องสาวอาศัยอยู่ผู้เดียวนางจะมีอันตรายหรือไม่
“นับว่าตกแต่งได้อย่างดี” เขาพยักหน้าชื่นชม
“ท่านพี่ ท่านได้ทานอาหารที่เหลาเหม่อสือแล้วหรือยังเจ้าคะ”
“เหอะ มีอย่างหรือเรื่องเช่นนี้ถึงไม่บอกพี่ ต่อให้ท่านพ่อท่านแม่ไม่เห็นด้วยกับเจ้า แต่พี่จะไม่ช่วยเจ้าได้อย่างไร”
“น้องผิดไปแล้วเจ้าค่ะ หากน้องมีเรื่องใดจะบอกท่านพี่เป็นคนแรกเจ้าค่ะ” ซุนเหยานางพูดหยอกล้อหลิงเฮ่ออย่างเอาใจ
