ข้าอยากทำร้านอาหารเจ้าค่ะ
ซุนเหยานางยังนั่งคุยกับมารดาและพี่ชายอยู่ในห้องโถง นางบอกเรื่องที่หลีซื่อดูแลนางอย่างดี ทั้งซูเซวียนยังยกสมบัติให้นางครึ่งหนึ่งแต่หลีซื่อกลับยกให้นางเสียทั้งหมด
“เหอะ คุ้มกับชื่อเสียงของเจ้าเสียที่ไหน” เกาจิงถิงมองค้อนบุตรสาว นางเห็นแก่เงินตั้งแต่เมื่อใด
“ท่านแม่ ข้าอยากทำร้านอาหารเจ้าคะ”
ซุนเหยา ในเมื่อนางคิดจะหย่าออกมาใช้ชีวิตด้วยตนเองแล้วนางจึงได้พูดเรื่องการค้าของนาง
และนางไม่คิดจะกลับมาอยู่ที่จวนตระกูลจ้าว เพื่อเป็นภาระของบิดามารดา ต่อไปเมื่อนางมีพี่สะใภ้ หากนางอาศัยอยู่ในจวนด้วย ไม่รู้ว่านางจะมีความคิดเห็นเช่นไร
“เจ้าจะทำได้อย่างไร” เกาจิงถิงร้องอย่างตกใจ เพราะบุตรสาวของนางน้อยครั้งนักที่จะออกจากจวน ยิ่งเรื่องการค้านางไม่เคยได้หยิบจับหรือเรียนรู้มาก่อนแม้แต่เพียงน้อย
“เรื่องนี้ไว้ค่อยว่ากันเถิด” เกาจิงถิงโบกมือบอกให้ซุนเหยานางหยุดพูดเรื่องนี้ก่อน
เมื่อทานมื้อเย็นกับครอบครัวแล้ว ซุนเหยานางก็กลับจวนตระกูลซูไป เพียงแค่ถึงหน้าประตูจวนก็พบหลีซื่อยืนรออย่างกระวนกระวายรอนางที่หน้าจวน
“อาเหยาเจ้ากลับมาแล้ว” หลีซื่อรีบเดินเข้ามาหาซุนเหยาพร้อมทั้งดึงมือของนางไปจับไว้แน่น
ซุนเหยานางรู้ดีว่าหลีซื่อของกังวลเรื่องหนังสือหย่า ตระกูลจ้าวจะผิดใจกับตระกูลซูด้วยเรื่องนี้
“ท่านแม่อย่าได้กังวล ท่านพ่อท่านแม่ของสะใภ้ เข้าใจเรื่องนี้ดีเจ้าค่ะ” ซุนเหยาตบไปที่หลังมือของหลีซื่อเบาๆ
“เป็นแม่ที่ไม่ดี ไม่ควรจัดการเรื่องแต่งงานของพวกเจ้า”
“อย่าได้โทษตนเองเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวท่านล้มป่วย ข้าไม่ดูแลนะเจ้าคะ” ซุนเหยาหยอกเย้าจนหลีซื่อยิ้มออกมาได้
ทั้งคู่จึงเดินเข้าไปในเรือนด้วยกัน ซุนเหยาปรึกษาเรื่องซื้อร้านค้ากับพ่อบ้านซู เพราะที่ตระกูลจ้าวของนางไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
พ่อบ้านซูก็รีบจัดการให้นาง เพราะเห็นว่าหากซุนเหยานางได้ทำอะไรบ้าง คงจะลืมเลือนเรื่องหนังสือหย่าไป
แต่ทางตระกูลจ้าวไม่ลืมเรื่องนี้อย่างง่ายๆ จ้าวกงหยวนส่งจดหมายด่วนไปที่ชายแดนเหนือ เพื่อให้ซูเซวียนกลับมาจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะเขาไม่อยากให้บุตรสาวต้องเสียเวลา
ต่อไปหาบุรุษที่ไม่สนใจเรื่องหย่าของนาง ให้นางแต่งออกไปก็นับว่าไม่สาย แต่หากต้องรอซูเซวียนอีกหลายปี เห็นที่บุตรีคงได้แห้งเหี่ยวอยู่ในจวนตระกูลซู
สองวันต่อมาพ่อบ้านซูก็มาแจ้งซุนเหยาเรื่องร้านค้าที่นางให้ไปหาให้
“ฮูหยิน ท่านจะไปดูด้วยตนเองหรือไม่ขอรับ”
“ไปเจ้าค่ะ” นางรีบลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
“เสี่ยวกุ้ย หากเจ้านำเรื่องนี้ไปแจ้งท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะส่งเจ้ากลับไปอยู่ที่จวนตระกูลจ้าวเสีย” ซุนเหยาเอ่ยเตือนสาวใช้ข้างกายที่ตามมาจากบ้านเดิม
เพราะเรื่องของนางทั้งหมดที่บิดามารดาล่วงรู้ก็คงเป็นเพราะสาวใช้ของนางปากมากเป็นแน่
เสี่ยวกุ้ยเมื่อเห็นแววตาที่ดุดันของเสี่ยวกุ้ยนางก็รีบก้มหน้ารับปากทันที นางไม่เคยเห็นคุณหนูของนางแข็งกร้าวเช่นนี้มาก่อน
“บ่าวไม่พูดแล้วเจ้าค่ะ”
“ดีมาก” ซุนเหยาเห็นว่าเสี่ยวกุ้ยเชื่อฟังคำพูดนางแล้ว ก็ลูบหัวนางอย่างเอ็นดู
ก่อนที่จะพากันออกจากจวนตระกูลซูไปที่ตลาด เพื่อดูร้านค้า ร้านที่พ่อบ้านซูหาให้นางมีอยู่สองแห่ง นางชอบร้านที่มีสามห้องติดกัน อยู่ใกล้ที่ว่าการ ศาลต้าฉี นางจึงเลือกร้านแห่งนั้น
และยังให้พ่อบ้านซูพานางไปเลือกซื้อทาสด้วยตนเอง ซุนเหยาเมื่อเห็นโรงค้าทาสใบหน้าของนางก็หมองลง
ยิ่งเห็นมนุษย์ด้วยกันแต่ถูกกระทำต่างกัน หากคนจากยุคของนางได้มาเห็นย่อมต้องมีความรู้สึกเช่นเดียวกับนางอย่างแน่นอน
ซุนเหยานางเลือกแม่ครัวพ่อครัวมาสามคน และคนงานที่จะทำหน้าที่เก็บกวาด ยกอาหารอีกสิบห้าคน
ร้านที่นางซื้อไว้ ด้านหลังมีเรือนสำหรับให้คนงานได้พัก นางจึงไม่กังวลเรื่องที่อยู่ของพวกเขา ในตอนนี้นางเพียงแค่สอนงานพวกเขาเท่านั้น
ร้านที่ซื้อมาเมื่อก่อนเคยทำเหลาอาหารมาก่อน ตกแต่งเพียงเล็กน้อยก็พร้อมเปิดได้แล้ว ก่อนที่จะพาทาสที่ซื้อมาไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องนอนใหม่ทั้งหมดแล้วพาไปส่งที่ร้าน
“พวกเจ้าพักผ่อนกันเสียก่อน อีกสองวันข้าจะมาพบอีกครั้ง”
ซุนเหยานางต้องไปคิดก่อนว่านางจะขายอาหารอะไร จึงได้แต่ปล่อยให้พวกเขาพักผ่อนไปก่อน นางยกตำแหน่งหลงจู๊ให้ อาหมานบุรุษวัยกลางคนที่อ่านออกเขียนได้ ทั้งยังคำนวณได้นิดหน่อย เป็นหลงจู๊
หลีซื่อนางก็ไม่คิดจะเอ่ยห้ามซุนเหยา เพราะถือว่าชดเชยให้นางเรื่องที่บุตรชายนางได้กระทำไว้
ซุนเหยานางเก็บตัวอยู่ในห้องเพียงลำพัง เพื่อใช้ความคิดเขียนรายการอาหารขึ้นมา นางกุมขมับอย่างเคร่งเครียด เพราะลืมนึกเรื่องวัตถุดิบ ทั้งยังเครื่องปรุงว่ายุคนี้กับยุคของนางมันต่างกันมากนัก
“แล้วจะหาเครื่องปรุงจากที่ไหน” นางเอ่ยพึมพำเบาๆ พร้อมทั้งลูบกำไลหยกที่ข้อมืออย่างใช้ความคิด
