บทที่ 4
“อีนังดาว” นิกรมองมือสั่นๆ ของตัวเองก็เห็นว่ามีเลือดอยู่เต็มฝ่ามือ ความโกรธพุ่งขึ้นจนยากจะควบคุม เวลานี้อยากเอาคืนให้จันทร์เจ้าได้สำนึกบ้าง
“ฉันทำจริง เอาเลือดชั่วๆ ของแกออกมาซะบ้าง”
“หน็อย...นังนี่” คำพูดลอดตามไรฟันก่อนที่นิกรจะปรี่เข้าหาลูกเลี้ยงอีกครั้ง จันทร์เจ้ายื่นขวดแก้วไปหา พร้อมกับคำขู่ที่เธอเอาจริงทุกเมื่อ
“หยุดนะ ไม่อย่างนั้นแกได้ตายตรงนี้แน่”
“ก็เอาสิ” ความโกรธและเลือดขึ้นหน้าทำให้นิกรเองก็เอ่ยท้าทายจันทร์เจ้าเงื้อมือขึ้นเตรียมป้องกันตัวอีกครั้ง แต่เสียงของรำไพที่ดังขึ้นทำให้ทุกอย่างต้องหยุดลง
“เสียงเอะอะอะไรกัน” น้ำเสียงดุๆ พร้อมกับแววตาไม่พอใจมองตรงไปยังจันทร์เจ้าที่ทำท่าจะเอาขวดแก้วฟาดหัวนิกร
“แม่!” จันทร์เจ้าเอ่ยชื่อแม่ด้วยความตกใจ เช่นเดียวกับนิกรที่มั่นใจว่ารำไพหลับไปแล้วไม่น่าจะตื่นขึ้นมาตอนนี้ได้ แต่เขาก็พลิกสถานการณ์ได้ไม่ยาก นิกรตีหน้าเศร้าพร้อมกับท่าทางน่าสงสารให้รำไพได้เห็น ก่อนจะเดินเอียงๆ เข้าไปหารำไพ
“พี่รำไพ”
“ตายแล้วนิกร เป็นอะไร ใครทำเธอ” พอเห็นเลือดมากมายบนตัวของสามีรุ่นน้องรำไพก็หน้าตาตื่นทันที เธอตื่นเพราะรู้สึกหิวน้ำทั้งๆ ที่ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ แต่ก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นคงหลับยาวไม่เห็นเหตุการณ์บ้าๆ แบบนี้เข้าก็เป็นได้
“ลูกสาวของพี่อยู่ๆ ก็มาตีหัวฉัน ดูสิ แตกเป็นแผลยาวเลย ฉันจะตายไหมพี่” คำพูดของนิกรทำให้จันทร์เจ้าอึ้ง อยู่ๆ เธอก็ไปตีหัวเขาอย่างนั้นเหรอ
“ฉันแค่ป้องกันตัวนะแม่”
“หยุดพูดแล้วหลีกไป แม่จะพานิกรไปหาหมอก่อน แล้วค่อยกลับมาชำระความกันทีหลัง อย่าหนีไปไหนซะล่ะ นังลูกไม่รักดี” ความที่เป็นห่วงนิกรมากกว่าสิ่งอื่นใด ทำให้รำไพผลักจันทร์เจ้าเต็มแรงจนลูกสาวล้มไปนั่งกับพื้น แต่คนเป็นแม่ก็ไม่ได้สนใจไยดีแม้แต่น้อย ก่อนจะรีบพยุงนิกรไปหาหมอยังคลินิกใกล้ๆ อย่างด่วนที่สุดแล้วค่อยกลับมาสะสางความผิดที่รำไพเอนเอียงเข้าข้างสามีเด็กกว่าถูกต้องอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้จันทร์เจ้าก็พอจะรู้เช่นกัน สายตามองไปยังหยดเลือดชั่วๆ ของนิกรที่หยดตามพื้น เธอไม่ได้ร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำ เพ็ญนภาเห็นเหตุการณ์เพราะตามแม่ลงมา แต่ก็ไม่ได้เข้าไปพูดอะไรกับพี่สาว เธอเชิดหน้ากลับเข้าห้องไปคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองที่ต้องลงไปยุ่ง
จันทร์เจ้านั่งรอแม่นิ่งๆ อยู่นานเกือบสองชั่วโมงคนทั้งคู่ก็กลับมา รำไพไม่พูดอะไร เมื่อเห็นหน้าลูกก็ปรี่เข้าไปตบใบหน้าฉาดใหญ่ เพราะรำไพฟังความข้างเดียว หลงนิกรจนไม่ลืมหูลืมตา ไม่ฟังความสองด้าน นิกรใช้เวลาที่อยู่กับรำไพสองคนใส่ไฟโยนความผิดให้จันทร์เจ้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“แม่…ตบหน้าดาวทำไม” น้ำเสียงสั่นเครือของจันทร์เจ้าเอ่ยถามผู้เป็นแม่ มือบางกุมใบหน้าฝั่งที่ถูกตบของตัวเองไว้ ความเจ็บที่หน้าเทียบไม่ได้กับความเจ็บที่เกิดขึ้นในใจของจันทร์เจ้าในตอนนี้ได้เลย เพราะตั้งแต่เธอโตมาจนถึงตอนนี้ แม่ไม่เคยทำร้ายเธอเลย นี่คือครั้งแรก และคนที่ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจะมีใครไปได้นอกเสียจากนิกรที่ยืนยิ้มเยาะอยู่ด้านหลังรำไพ
“ตบให้แกสำนึกน่ะสิ ว่าอย่าคิดทำร้ายคนอื่นแบบนี้”
“แต่หนูทำเพราะป้องกันตัวนะแม่” จันทร์เจ้าไม่รู้ว่าแม่จะยังเชื่อคำพูดของเธออยู่อีกไหม จะว่าไปนี่คือเหตุผลหลักยามที่เธอมีปัญหากับนิกรแล้วหญิงสาวไม่อยากบอกแม่ เพราะบอกไปแม่ก็ไม่มีวันเชื่ออยู่ดี
“ป้องกันตัวจากอะไร...หื้อดาว”
“ก็เขาจะรังแกดาว”
“เปล่านะพี่ ฉันเปล่า ฉันก็แค่เป็นห่วงเห็นว่าไฟชั้นล่างยังเปิดอยู่ก็เลยลงมาดู พอลูกดาวเห็นฉันก็พูดไม่ดีใส่ พอฉันเตือนก็โกรธจนเอาขวดในมือมาตีหัว อย่างที่ฉันเล่าให้พี่ฟัง เห็นไหม...ลูกดาวก็พูดโกหกไม่ยอมรับความจริงอยู่ดี ลูกดาวใส่ความพ่อแบบนั้นทำไมกัน” ประโยคสุดท้ายของนิกร เขานั้นจงใจพูดกับจันทร์เจ้า แววตาที่นิกรส่งมาช่างเย้ยหยัน
“เห็นไหม เห็นความหวังดีของอานิกรหรือยัง แกนี่ยังไง มองเขาในแง่ลบ”
“ดาวไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นนะคะแม่ เขาโกหก” จันทร์เจ้ากำหมัดไว้แน่น ยิ่งเห็นนิกรเธอก็ยิ่งเกลียดชัง แต่รำไพกลับไม่ฟังคำอธิบายของลูกสาวเลย
“ใครกันแน่ที่โกหก”
“โอ๊ย! พี่รำไพ ฉันเจ็บหัวมากเลย ยืนไม่ไหวแล้วพี่” นิกรเล่นละครได้แนบเนียนจริงๆ รำไพได้ยินแบบนั้นก็รีบเข้าไปพยุงทันที ประคับประคองกลัวนิกรจะล้ม ก่อนจะเอ่ยสั่งจันทร์เจ้าเสียงห้วน
“ดาว ขอโทษอานิกรเขาซะ”
“แต่ดาวไม่ได้ทำผิดอะไร เขาต่างหากที่ผิด เขาควรขอโทษดาว”
“แต่แม่บอกให้แกขอโทษ” รำไพตะคอกใส่ลูกสาว สีหน้าเธอโกรธมากที่จันทร์เจ้านั้นดื้อรั้นไม่ยอมทำตามที่บอก แทนที่จะโกรธนิกรตอนนี้รำไพกลับโกรธลูกสาวเป็นฟืนเป็นไฟไปแล้ว
“ไม่ค่ะ ดาวไม่ทำ”
“ถ้าแกไม่ทำก็ออกไปจากบ้านหลังนี้ ไปให้พ้นหน้าฉัน”
“แม่!” น้ำเสียงสั่นเครือของจันทร์เจ้าเอ่ยเรียกแม่อย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน แม่ไล่เธอออกจากบ้านอย่างนั้นเหรอ แม่เธอไล่เธอเพราะผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนี้
“พี่รำไพ ไม่ต้องถึงขั้นไล่กันก็ได้นะ ค่อยๆ พูดกับลูก” นิกรรีบเปลี่ยนท่าที เพราะไม่อยากให้รำไพไล่จันทร์เจ้าออกไปจากบ้านแบบนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็จะได้เธอยากขึ้นน่ะสิ ยิ่งนิกรแสร้งทำเป็นพ่อเลี้ยงที่แสนดีมากเท่าไหร่ ความผิดทั้งหมดก็เหมือนจะเป็นของจันทร์เจ้าไปเสียแล้ว
“ดูสิ ขนาดแกตีหัวอานิกรจนแตกเลือดอาบแบบนี้ อาเขายังไม่เอาเรื่องเอาราว แกรีบขอโทษอาเขาซะ”
“ดาวไม่ได้ทำอะไรผิด ฉะนั้นดาวก็จะไม่ขอโทษ” จันทร์เจ้าเอ่ยด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า
“นังดาว”
“ดาวจะไปค่ะ จะไปตามที่แม่บอก” พูดจบก็เดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อเก็บข้าวของที่จำเป็นเพื่อจะออกไปจากที่นี่ รำไพตะโกนตามหลังลูกสาวไปอีกครั้ง
