บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

“เออ…ข้าก็จ้องจะเข้าหาเมียสาวอยู่เนืองๆ แค่พูดก็เปรี้ยวปาก ดื่มโว้ย” ยิ่งดื่มเหล้าเข้าไปนิกรก็ยิ่งขาดสติมากขึ้นเท่านั้น ในหมู่เพื่อนทุกคนต่างรู้ว่านิกรไม่ได้จริงใจหรือรักใคร่อะไรกับภรรยาแก่ที่ชื่อรำไพมากมายนัก เพียงแค่หลงในความสบาย เพราะรำไพนั้นหาเลี้ยงมาตลอด และที่สำคัญไปกว่านั้นคือรำไพมีลูกสาวสองคนที่นิกรคิดจะเอามาเป็นเมียทั้งหมด เป็นพญาเทครัวให้เลื่องลือ

เรื่องนี้ใครต่อใครต่างเตือนให้รำไพรู้ แต่ความรักหรือโง่ก็ไม่ทราบ ทำให้รำไพไม่เชื่อ เพราะตลอดเวลานิกรไม่เคยทำพฤติกรรมแบบนั้นให้เธอเห็น นั่นก็เพราะนิกรทำลับหลังต่างหาก ทั้งจันทร์เจ้าและเพ็ญนภาจึงต้องดูแลตัวเอง จันทร์เจ้านั้นรู้จักป้องกันตัว อย่างเช่นเวลาเดินไปไหนมาไหนแม้แต่ภายในบ้านก็มักจะสอดส่องเสมอ เข้าห้องนอนห้องน้ำก็รีบปิดประตูลงกลอน แต่คนอย่างนิกรก็ยังพยายามหาช่องว่างเสมอ บางครั้งก็แอบอยู่หน้าห้องน้ำ ลวนลามเธอด้วยคำพูดและการกระทำ จันทร์เจ้าไม่เคยบอกแม่ยิ่งทำให้นิกรได้ใจ

แต่เพ็ญนภานั้นยังเด็กมากและตอนนี้ก็หัวเลี้ยวหัวต่อ ดื้อรั้นจนจันทร์เจ้าเองก็คอยปรามอยู่บ่อยๆ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดพยาบาลสีขาวบริสุทธิ์มาเป็นกางเกงขาสามส่วนและเสื้อยืดสบายๆ เรียบร้อยจันทร์เจ้าก็ลงไปช่วยแม่ เย็นๆ แบบนี้คนในร้านจะเยอะเป็นพิเศษ ทุกคนต่างออกมาจับจ่ายซื้ออาหารเย็นทาน อาหารที่รำไพเตรียมไว้ขายได้หมดทุกวัน แต่เงินก็แทบไม่เหลือ เพราะนิกรเอาไปผลาญในบ่อนเสียหมด เพ็ญนภากลับมาหลังจากที่จันทร์เจ้ามาถึงไม่นาน เด็กสาวไม่ต้องลงมาช่วยงานในร้าน เพราะจันทร์เจ้าบอกให้น้องอ่านหนังสือแทน

จันทร์เจ้าอยู่ช่วยแม่กระทั่งดึกดื่น หญิงสาวล้างจาน เก็บร้าน ทำงานไม่ได้หยุดมือ ส่วนรำไพนั้นเมื่อปิดร้าน หน้าที่ต่อไปของเธอคือต้องพยุงคนขี้เมาที่ชื่อนิกรขึ้นไปนอน จันทร์เจ้าถอนหายใจกับภาพที่เห็น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แม่จะรู้ตัวสักทีว่าผู้ชายคนที่แม่รักและเทิดทูนมีดีอะไร สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ติดการพนัน ผู้ชายแบบนี้นะเหรอที่แม่จะฝากผีฝากไข้ไว้ได้ มีแต่จะสร้างความทุกข์ให้ซะมากกว่าอีก แต่อยู่ๆ จันทร์เจ้าก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอถูกกอดซ้อนจากทางด้านหลัง

“อานิกร” หญิงสาวรีบผลักนิกรออกห่างแล้วขยับหนีทันที เธอมัวแต่นั่งคิดอะไรคนเดียว จนลืมสังเกตไปเชียวเหรอว่านิกรลงมาชั้นล่าง เมื่อครู่เขายังเมาแทบไม่ได้สติหรือนั่นแค่การแสดงบังหน้า

“โธ่ๆ เรียกพ่อก็ได้” นิกรไล้สายตามองจันทร์เจ้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ผิวขาวๆ เนียนๆ ที่ได้เห็นมาหลายปีจนอยากสัมผัส กลิ่นหอมๆ จากกอดเมื่อครู่ก็ยังติดจมูกไม่หาย น้ำเสียงของนิกรบ่งบอกว่าไม่ได้เมาสักนิด จันทร์เจ้าจึงถามเสียงห้วนกลับไป

“ลงมาทำไม”

“พ่อหิวน้ำ” คำแทนตัวเองของนิกรทำให้จันทร์เจ้ารู้สึกไม่ชอบใจยามได้ฟัง

“ในห้องนอนแม่ก็น่าจะมี”

“แต่มันไม่เย็น กินไม่ลง” ขณะพูดก็เดินเข้าหาจันทร์เจ้าทีละก้าว...ทีละก้าว หญิงสาวเองก็ถอยหนีไปเช่นกัน ท่าทางของนิกรไม่น่าไว้วางใจ

“ตู้เย็นอยู่ทางนู้น”

“พ่อรู้” ถึงจะรู้แต่นิกรก็ยังเดินเข้าหาจันทร์เจ้าไม่หยุด กระทั่งหลังเธอชนกับขอบโต๊ะไม่มีทางให้หนี นิกรใช้มือทั้งสองข้างยันกับขอบโต๊ะปิดทางออกของจันทร์เจ้าไว้อีกด้วย

“ออกไป”

“นี่ลูกกลัวพ่อเหรอจ๊ะ ตัวถึงสั่นเหมือนลูกนกตกน้ำแบบนั้น มามะ มาให้พ่อกอดปลอบให้หายกลัวหน่อย” การกระทำเร็วพอๆ กับคำพูด เพราะนิกรคว้าตัวจันทร์เจ้าเข้ามากอดไว้แน่น เธอปัดป้องเพื่อปกป้องตัวเองเช่นกัน

“อย่านะ ไม่งั้นฉันจะตะโกนเรียกแม่จริงๆ ด้วย”

“ตะโกนเหรอ แต่พ่อว่าลูกไม่มีโอกาสหรอก”

“แม่…อื้อ” เสียงตะโกนของจันทร์เจ้าหายไป เมื่อถูกนิกรยกมือขึ้นมาปิดปาก ส่วนมืออีกข้างก็รั้งร่างบอบบางหอมกรุ่นด้วยกลิ่นอายสาวให้เข้ามาแนบชิด ก่อนจะฝังจมูกลงไปซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่น เพียงแค่นี้อารมณ์ความต้องการของนิกรก็ลุกโชน ยิ่งถูกกระตุ้นด้วยแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปตลอดช่วงเย็นด้วยแล้วก็ยากที่จะหยุดได้ง่ายๆ จันทร์เจ้าปัดป้องเต็มกำลังเหมือนกัน เธอไม่ยอมตกเป็นของนิกรง่ายๆ

“หอมจริง แม่คุณเอ๊ย!” คำเอ่ยชมของนิกรไม่ได้สร้างความภูมิใจแก่คนที่ได้ฟังแม้แต่น้อย วันนี้จันทร์เจ้าพลาดเองที่ปล่อยให้นิกรเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ นั่นก็เพราะพ่อเลี้ยงคนนี้จ้องหาจังหวะอยู่นานแล้วนั่นเอง กว่าจะกล่อมให้รำไพนอนได้ก็นานพอตัว เขาไปดักรอจันทร์เจ้าอยู่หน้าห้องน้ำก็เงียบสนิทจึงเดินลงมาดูชั้นล่าง พอเห็นก็แอบย่องเข้าหา

ตอนนี้พ่อเลี้ยงจิตใจทรามที่หวังข่มเหงลูกเลี้ยง ใช้พละกำลังที่มีมากกว่าดันร่างของจันทร์เจ้าให้ลงไปนอนบนโต๊ะ ความหื่นกระหายแสดงออกด้วยสัมผัสอันน่ารังเกียจที่ทำให้จันทร์เจ้าขนลุกยามเมื่อปากและจมูกของนิกรสัมผัสร่างกาย โชคยังดีที่มือเธอเป็นอิสระ หญิงสาวควานหาอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง เธอต้องหลุดพ้นจากเงื้อมมือของผู้ชายสารเลวคนนี้ให้ได้เร็วที่สุด กระทั่งมือควานไปสัมผัสกับขวดน้ำอัดลมที่วางอยู่ ขนาดพอเหมาะจันทร์เจ้ากระชับให้แน่น ก่อนจะเงื้อมือขึ้นสูงแล้วฟาดลงบนหัวของนิกรสุดแรง

“โอ๊ย!” ความเจ็บทำให้นิกรร้องออกมาสุดเสียง พร้อมกับปล่อยจันทร์เจ้าให้เป็นอิสระทันที หญิงสาวลนลานไปยืนชิดผนังบ้าน นิกรมองคนที่ตีหัวตัวเองอย่างเจ็บแค้น จากที่ไม่คิดจะใช้ความรุนแรงตอนนี้เขาได้เปลี่ยนใจแล้ว

“ออกไปให้พ้น ออกไป” จันทร์เจ้ายื่นอาวุธในมือไปยังนิกร พร้อมจะฟาดขวดในมือหากนิกรยังกล้าเข้ามาทำร้ายเธออีก

“กูจะเอาคืนมึงแน่อีดาว คืนนี้มึงต้องเป็นเมียกูอีกคน อยากรู้นักถ้าได้กันแล้วจะยังฤทธิ์เยอะอยู่ไหม” ความเจ็บที่ถูกตีหัวทำให้นิกรเอ่ยมึงกูออกมา ไม่ได้พูดน่าฟังอย่างก่อนหน้านี้ พฤติกรรมแท้จริงเริ่มปรากฏ

“ออกไป ไม่งั้นฉันตีแกหัวแตกหมอไม่รับเย็บแน่”

“ก็เอาสิ ถ้ากล้าตีกูอีก ร้องดังๆ ร้องให้แม่มึงลงมา คราวนี้อยากรู้นักว่าใครจะเดือดร้อน” คำขู่ของนิกรทำให้จันทร์เจ้าหน้าถอดสี นั่นยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงได้ใจ เดินเข้าหาอย่างไม่เกรงกลัว แต่ลูกเลี้ยงอย่างจันทร์เจ้าก็ใจเด็ดพอ เธอเงื้อมือที่จับขวดน้ำอัดลมซึ่งเป็นขวดแก้วขึ้นสูง ก่อนจะฟาดลงไปบริเวณใบหน้าของนิกรเต็มแรงจนนิกรเซถลาล้มไปกองกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะไม่คิดว่าจันทร์เจ้าจะกล้าทำจริงๆ ครั้งแรกไม่มีเลือดสักหยดแต่ครั้งที่สองมีหรือจะรอด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel