บทที่ 2
“บ้า! ไปขึ้นรถ วันนี้ให้เราขับให้ไหม” เมื่อเห็นอารมณ์ที่เดือนทะลุร้อยองศาของเพื่อน จันทร์เจ้าก็เอ่ยอาสาขับรถให้
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยววันนี้จะพาซิ่ง”
“ซิ่งยังไง นี่เวลาเลิกงาน รถติดแน่” คนฟังเลิกคิ้วสวยได้รูปถาม
“ซิ่งให้ทันไฟแดงแยกหน้าโรงพยาบาลนี่แหละ จะติดอะไรมากมายก็ไม่รู้ ปล่อยไฟเขียวแต่ละทียังไม่ถึงสามวิเลยแดงอีกแล้ว จะปล่อยทำไม” พูดไปแล้วจอมขวัญก็หน้ายู่ บ่งบอกถึงอารมณ์ไม่ดี
“ก็รถมันเยอะ แดงบ้าง เขียวบ้าง สลับกัน”
“แต่ทางเราเขียวนานๆ หน่อยก็ได้นะ เราใส่เกียร์ยังไม่ทันจะได้เหยียบ แดงรอมาแต่ไกล” คำพูดประชดประชันของจอมขวัญทำเอาคนฟังหัวเราะออกมา
“เอาน่า ทำงานที่นี่ต้องทำใจ ไม่มีรถไฟฟ้าผ่านเหมือนในเมือง หรืออยากย้ายเข้าเมือง” เมื่อได้ยินว่าในเมืองจอมขวัญก็ส่ายหัวให้ทันที
“โอ๊ย…นั่นยิ่งไม่ไหว ไม่ชอบเลยล่ะ”
“เห็นไหมล่ะ ข้อแม้เยอะ ที่นี่จะติดหนักๆ ก็แค่ตอนเย็นๆ นอกนั้นก็โล่งแล้ว” จันทร์เจ้าส่งยิ้มให้คนชอบบ่น
“สาธุ...ขึ้นรถ แล้วไปซิ่งกันเถอะ”
“จ้ะๆ” พูดจบจันทร์เจ้าก็ส่ายหน้าให้คนชอบซิ่ง ซึ่งเป็นคำพูดที่จอมขวัญมักจะพูดจนติดปากไปแล้วยามขับรถ แต่ถ้าขับตอนนี้เข็มไมล์รับรองไม่เกินสี่สิบแน่ และต่อให้ขับไปต่างจังหวัด ถนนโล่ง คนชอบซิ่งก็เหยียบคันเร่งแตะแค่เลขไมล์แปดสิบถึงร้อยเท่านั้น ไม่เห็นเคยเกินนี้สักครั้ง
รถยุโรปคันเล็กที่จอมขวัญได้เป็นของขวัญครั้งเรียนจบกำลังหักเลี้ยวออกจากโรงพยาบาลมีชื่อแห่งหนึ่งย่านชานเมือง แต่เพียงไม่นานรถก็จอดสนิทตรงแยกไฟแดงซึ่งจอมขวัญเรียกว่าแยกมหาโหด ยังเคยคิดว่าถ้าเธอปวดท้องคลอดช่วงเวลานี้พอดีมีหวังได้คลอดเองในรถเป็นแน่แท้ แถมชื่อจริงลูกก็จะตั้งเป็นอนุสรณ์ตามชื่อแยกด้วย ส่วนชื่อเล่นเอาน้องกรีนไปก่อน
“คุณตำรวจ จะปล่อยทำไมคะ รถแค่สามคันเนี่ย”
“มีบ่น ตีนกาขึ้นแล้วนะ”
“จริงเหรอ ไม่บ่นๆ แล้ว” จอมขวัญขยับตัวมองสำรวจใบหน้าตัวเองผ่านกระจกมองหลังทันทีที่จันทร์เจ้าพูดจบ เธอจะแก่ก่อนวัยไม่ได้เด็ดขาด แฟนยังหาไม่ได้เลย
“ไม่บ่นก็ดี ไฟเขียวแล้วขวัญ”
“สาธุ...ขอให้ทัน ขอให้ทัน” คำภาวนาของจอมขวัญทำเอาจันทร์เจ้านั้นพลอยลุ้นไปด้วยอีกคน
“เย้ๆ ฉันหลุดจากแยกนี้ได้แล้วแก” สองสาวหันมายิ้มก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน สงสัยพวกเธอจะเครียดกับงานมากไปถึงได้เพี้ยนๆ แบบนี้
ขับรถมาราวๆ หนึ่งชั่วโมงก็ถึงหน้าบ้านของจันทร์เจ้าที่เป็นห้องแถวซึ่งปลูกอาศัยมาหลายปี ที่รำไพได้มาจากสามีคนก่อน ด้านหน้าทำเป็นร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ขายให้คนแถวๆ นี้ ด้วยรสมือของรำไพแม่ของจันทร์เจ้าทำให้มีลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย บางครั้งจอมขวัญก็มาฝากท้องที่นี่เช่นกัน จันทร์เจ้าลอบถอนหายใจเมื่อเห็นนิกรนั่งดื่มเหล้าอยู่หน้าร้าน แต่ในเมื่อจอมขวัญมาถึงที่บ้านแล้วเธอจึงชวนเพื่อนให้อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน
“กินข้าวด้วยกันก่อนไหมขวัญ”
“ไม่ล่ะ ถ้าพ่อเลี้ยงขี้เมาของดาวไม่อยู่ เค้าจะอยู่กินด้วย” จอมขวัญส่ายหน้าให้ทันที เพราะเธอนั้นไม่ถูกชะตากับนิกรจริงๆ เธอไม่ชอบสายตาโลมเลียที่ผู้ชายคนนี้แสดงออกเลย เพราะทุกครั้งที่เจอกัน นิกรมองเธออย่างกับจะกินเธอไปทั้งตัว แค่คิดจอมขวัญก็ขนลุกซู่แล้ว อดห่วงก็แต่จันทร์เจ้ากับน้องที่ต้องอยู่กับสภาพแวดล้อมแบบนนี้
“เข้าใจ ขับรถกลับบ้านดีๆ นะ”
“อืม...ไปละ” จอมขวัญพยักหน้าให้ ก่อนจะขับรถออกไปเมื่อจันทร์เจ้าลงจากรถไปแล้ว ครอบครัวของเพื่อนรักต่างจากครอบครัวของเธอ แต่เพราะความต่างทำให้เธอเข้าใจว่าจันทร์เจ้านั้นเป็นคนยังไง อ่อนนอก แข็งใน นิ่งเฉยจนใครๆ ก็มองว่าเฉยชา แต่ลึกๆ เพื่อนเธอคนนี้น่าสงสารกว่าใครทั้งนั้น ต้องการความรักจากแม่เป็นที่สุด แต่แม่ก็มัวแต่ไปมอบความรักให้อีกคน
จันทร์เจ้าลอบถอนหายใจก่อนเดินเข้าบ้าน หญิงสาวมองไปยังโต๊ะด้านหน้าที่นิกรกับพรรคพวกนั่งจับกลุ่มดื่มเหล้าและแซวคนที่เดินผ่านไปผ่านมาโดยเฉพาะผู้หญิงกันอย่างสนุกปาก ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่เว้น บางคนก็ระอาไม่กล้าแม้แต่จะเดินผ่าน บางครั้งหน้าบ้านเธอก็เป็นสนามมวย จันทร์เจ้าเดินผ่านกลุ่มนั้นไปก่อนจะยกมือไหว้แม่ที่มือเป็นระวิงตักอาหารเสิร์ฟให้ลูกค้าในร้านคนเดียว ส่วนคนที่น่าจะช่วยกลับนั่งสบาย
“กลับมาแล้วค่ะแม่”
“กลับมาแล้วก็รีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จะได้ลงมาช่วยกันเสิร์ฟ” รำไพแทบไม่หันมารับไหว้ลูกสาวคนโต เพราะเธอยุ่งกับงานตรงหน้า
“ค่ะ” จันทร์เจ้าเอ่ยรับสั้นๆ เพราะคนที่น่าจะช่วยแม่กลับมัวแต่นั่งดื่มเหล้า เธออ่อนใจกับเรื่องนี้ เพราะเคยพยายามคุยกับแม่แล้วว่านิกรทำตัวแบบนี้ไม่ควร แต่แม่เธอก็ไม่เห็นจะจัดการอะไรได้เลย ประโยคที่นิกรเอ่ยตามหลังทำให้จันทร์เจ้ากำหมัดแน่น เธออดทนเพื่อแม่ ประโยคนี้จันทร์เจ้าท่องจำให้ขึ้นใจ
“ให้พ่อช่วยเปลี่ยนไหมจ๊ะลูกดาว”
“ฮิ้ววว...อิจฉาคนมีลูกโว้ย” บรรดาเพื่อนๆ ของนิกรต่างเอ่ยแซวอย่างสนุก แต่คนที่ไม่สนุกและไม่อยากฟังคือจันทร์เจ้า เธอไม่เคยรับนิกรมาเป็นพ่อ แต่นิกรก็มักจะแทนตัวเองว่าพ่อได้อย่างไม่ละอายปาก รำไพเฉย ไม่ห้ามปรามสิ่งที่สามีเด็กพูดเล้าโลมลูกสาว เพราะนิกรเคยบอกว่าเขาก็พูดเล่นๆ สร้างความสนิทสนมกันเท่านั้น และรำไพเองก็หูเบาที่จะเชื่อ
“เอ็งนี่มีบุญว่ะไอ้นิกร ได้ทั้งเมียแก่และเมียสาว” เพื่อนของนิกรกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันสองคน นิกรยิ้มกริ่มแล้วเอ่ยตอบกลับไปเบาๆ ก่อนจะหันไปมองรำไพ
