บทที่ 4 เริ่มปรับตัว
วันต่อมาหญิงสาวลงมารับประทานอาหารกับมารดาของชายหนุ่มตามที่เคยได้ให้สัญญากันไว้ นานแล้วที่ฝนแก้วไม่ได้ออกมานั่งเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์แบบนี้
“เสียดายที่ตาเอกมาทานกับเราไม่ได้เพราะติดประชุม ทานเยอะๆนะจ๊ะ”
“มลว่าถ้ามลยังอยู่ที่นี่มลต้องอ้วนกลายเป็นหมูแน่ๆค่ะคุณป้า”
“อร่อยก็ทานไปเถอะหนูมล หนูมลยังสาวระบบเผาพลาญยังดีไม่เหมือนป้า”
“คุณป้าก็ยังสาวยังสวยเหมือนกันนี่คะเพราะฉะนั้นทานต้มจืดหมูสับอีกนะคะ” เธอตักหมูสับก้อนใหญ่ใส่จานของฝนแก้ว
“ขอบคุณจ้ะ ถ้าป้าสวยจริงสามีก็คงไม่นอกใจหรอก ป้ารู้ว่าหนูมลพยายามปลอบใจป้า”
“มลไม่ได้พูดปลอบใจนะคะแต่ว่าคุณป้าสวยจริงๆค่ะมลแน่ใจ”
“เอาล่ะๆ เราน่ะปากหวานขอบใจนะจ๊ะที่มาอยู่เป็นเพื่อนป้าแบบนี้”
“ถ้าคุณป้าอยากระบายคุณป้าระบายมาที่มลได้เลยนะคะมลยินดีรับฟังทุกอย่างเลยค่ะ”
“หนูมลเองก็เสียใจไม่ต่างจากป้าเลยนี่ ป้าเองก็อยากจะให้กำลังใจหนูมลเหมือนกันนะจ๊ะ”
“ขอบคุณที่คุณป้าเมตตามลนะคะ คุณป้าดีกับมลเหลือเกิน มลคิดถึงคุณแม่เลยค่ะ”
“แล้วแม่ของหนูอยู่ไหนล่ะจ้ะ”
“คุณพ่อคุณแม่เสียไปหลายปีแล้วค่ะ ตอนนี้มลก็ตัวคนเดียวญาติก็ไม่มีค่ะ”
“เสียใจด้วยนะลูก มาเป็นลูกสาวของแม่อีกสักคนก็ได้ลูก”
“หนูขอกอดคุณป้าหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิจ๊ะ” หญิงสาวโผเข้ากอดมารดาของชายหนุ่มทันที สองสาวต่างวัยกอดกันกลมโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาริษยากำลังมองมา เยาวเรศกลับจากต่างจังหวัดแล้วและกำลังจะขึ้นไปหาผู้เป็นสามีแต่ดันมาเห็นฝนแก้วกอดกับสาวรุ่นลูกคนหนึ่ง
“หล่อนเป็นใคร”
“แฟนคุณเอกค่ะชื่อคุณมนพัทธ์ คุณมลย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านใหญ่แล้วค่ะคุณเยาว์”
“ดี ขนกันมาเยอะๆฉันจะได้จัดการทีเดียว”
“ขออนุญาตค่ะได้เวลาทานยาแล้วค่ะคุณลุง” มนพัทธ์เปิดประตูห้องของอติรุจก็เจอกับบุคคลปริศนาที่เธอไม่รู้ว่าเป็นใคร หญิงสาวรีบวางถาดยาลงบนโต๊ะและยกมือไหว้หญิงที่แม้จะมีอายุแล้วแต่ยังแต่งตัวแต่งหน้าจัด
“สวัสดีค่ะคุณ...”
“ยังดีที่หล่อนมีมารยาท ฉันเยาวเรศ” เยาวเรศแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ หล่อนพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าอย่างประเมินว่าเพราะอะไรอิทธิพงศ์ถึงพามาเปิดตัว ในขณะที่มนพัทธ์ก็พิจารณาผู้หญิงตรงหน้าที่ทำให้ฝนแก้วเป็นทุกข์ใจเช่นกัน
“ขออนุญาตให้คุณลุงทานยาก่อนนะคะ” หญิงสาวนำยาไปให้บิดาของชายหนุ่มทาน จากนั้นก็เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง
“ทำไมยังไม่ออกไปอีก”
“มลต้องอ่านหนังสือให้คุณลุงฟังด้วยค่ะคุณเยาว์”
“ดูแลกันดีจริงๆหล่อนหวังสมบัติบ้านนี้อีกคนน่ะสิ บอกไว้ก่อนนะอย่าฝันไปไกลตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ หล่อนก็ไม่มีสิทธิ์” เยาวเรศพูดออกไปตรงๆเพราะเธอไม่สนใจผู้เป็นสามีตั้งแต่ที่เขาพูดไม่ได้
“มลไม่ได้หวังสมบัติค่ะมลแค่อยากดูแลคุณลุงให้ดีก็เท่านั้นเอง”
“พูดก็พูดไปเถอะฉันไม่เชื่อ อารมณ์เสียจริงๆเยาว์ไปก่อนนะคะคุณอติรุจ” จบประโยคเยาวเรศก็เดินออกไปทันที
“คุณลุงอย่าไปสนใจคุณเยาว์เลยนะคะมลจะอ่านหนังสือให้คุณลุงฟังค่ะ” เธออ่านหนังสือให้บิดาของชายหนุ่มฟัง ท่านตั้งใจฟังในสิ่งที่เธออ่านให้ฟัง
“มลไม่รู้ว่าคุณลุงชอบอ่านอะไรมลขนมาเยอะแยะเลยค่ะ คุณลุงชอบไหมคะ” บิดาของชายหนุ่มพยักหน้าลงช้าๆ
“คุณลุงชอบหรอคะมลดีใจจังเลยค่ะ มลจะมาอ่านให้ฟังหลังจากทานยานะคะ” บิดาของชายหนุ่มพยักหน้าอีกครั้ง เพียงเท่านี้ก็ทำให้เธอมีกำลังใจแล้ว หลังจากที่ดูแลอติรุจแล้วเธอก็แยกไปพักผ่อนบ้าง ซึ่งเป็นเวลาที่เอยน้องสาวต่างมารดาของชายหนุ่มเดินทางกลับมาถึงบ้านหลังจากไปเที่ยวกับเพื่อนๆที่เขาใหญ่
“คุณลุงมนตรีไม่ต้องช่วยหรอกค่ะเดี๋ยวก็มีแม่บ้านมาจัดการข้าวของพวกนี้ให้เอย” หล่อนไม่อยากให้คนขับรถมายุ่งวุ่นวายข้าวของของเธอ
“ครับคุณหนู” จบประโยคหญิงสาวตรงไปหาผู้เป็นพ่อทันที มนตรีมองดูหญิงสาวเดินเข้าบ้านไปจนสุดสายตา จากนั้นก็นำรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถ
“คุณพ่อขา เอยกลับมาแล้วค่ะ เอยมีแฟนแล้วนะคะคุณพ่อเขาชื่อดิษฐ์ค่ะหน้าตาดีนิสัยดีมากเลยนะคะ เอยเชื่อว่าคุณพ่อจะต้องชอบเขาเหมือนที่เอยชอบแน่นอนค่ะ” แต่ไหนแต่ไรมาคุณพ่อก็ตามใจเธอมาตลอดจนติดเป็นนิสัย
“…”
“คุณพ่อเชื่อไหมคะว่าเอยน่ะแอบชอบพี่ดิษฐ์ก่อนที่พี่เขาจะมาขอเอยเป็นแฟนอีกค่ะ เอยดีใจมากเลยที่เขาใจตรงกับเอย”
“…”
“คุณพ่อดีใจกับเอยใช่ไหมคะ” อติรุจพยักหน้าลงเบาๆ เขาชอบเวลาที่ลูกสาวมาเล่าเรื่องราวในชีวิตให้ฟัง พอพูดคุยหอมปากหอมคอแล้วเธอก็ออกมาจากห้องผู้เป็นพ่อเพื่อกลับบ้านหลังเล็กของตัวเอง แต่ระหว่างทางเจอฝนแก้วจึงหยุดทำความเคารพ
“สวัสดีค่ะแม่ใหญ่” เอยยกมือไหว้ฝนแก้วที่กำลังนั่งทานของว่างที่ห้องรับแขก
“กลับมาแล้วหรอ”
“เพิ่งกลับมาถึงเลยค่ะ เอยเลยมาหาคุณพ่อก่อนกลัวท่านเป็นห่วงที่เอยหายไปหลายวัน”
“หึ”
“อะ เอ่อเอยขอตัวก่อนนะคะ” เอยรีบเดินลัดเลาะกลับไปยังบ้านหลังเล็กของตน คนเป็นแม่เมื่อเห็นว่าลูกสาวกลับมาถึงบ้านแล้วก็เอ่ยทักทาย
