บทที่ 3 เรื่องที่เกินคาด
สุดท้ายแป้งร่ำจำใจต้องพาริสาเข้ากรุงเทพด้วยกันอย่างไม่มีทางเลือก เพราะไม่อยากให้เพื่อนคอยเป็นห่วงหรือแอบตามมาทีหลัง
“บ้านหลังนี้แหละ” แป้งร่ำเอ่ยบอกคนข้างกาย หลังจากทั้งสองคนลงจากแท็กซี่ ซึ่งมาจอดยังบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม้สีขาวขนาดกะทัดรัด
“น่าอยู่จัง”
“เข้าข้างในกันเถอะ”
“อืม” พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ริสานำกระเป๋าข้างกายพาเข้าไปด้านในพร้อมแป้งร่ำ ก่อนทั้งสองจะแยกย้ายไปตามห้องของตัวเอง
หลังจากหญิงสาวเข้ามาอยู่ในห้อง แป้งร่ำเอนกายทิ้งตัวนอนลงบนเตียงหนานุ่ม นัยน์ตาคู่หวานมองดูเพดานห้องพร้อมคิดถึงเรื่องราวต่อไปนี้
เวลาล่วงเลยผ่านไปไม่กี่นาที เธอผล็อยหลับด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายถึงเหตุการณ์ในอดีต
“แม่!!” เสียงหวานตะโกนลั่นห้องพร้อมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา
“ฝันร้ายสินะ” เธอนำหลังมือเรียวปาดน้ำตาบนพวงแก้มขาวเนียนออกจนหมดเกลี้ยง ใบหน้าหวานซบลงบนหัวเข่ามน ปล่อยใจล่องลอยกับความรู้สึกว่างเปล่า
ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ส่งผลให้คนกำลังเหม่อสะดุ้งตื่นจากภวังค์
“ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม” ทันทีเจ้าของห้องเปิดประตูออกมา ริสาไม่รีรอเอ่ยขึ้นตามประสาคนใจร้อน
“เข้ามาสิ” แป้งร่ำเบี่ยงตัวไปด้านข้าง ริสาส่งยิ้มอ่อนให้แก่เพื่อนก่อนเดินเข้าไปข้างใน
“มีอะไร” ถามพลางทิ้งตัวนั่งลงข้างเพื่อน ดวงตากลมโตเหลือบมองหน้าของอีกคนอย่างรอลุ้นในคำตอบ
“ทำไมตาแดง ร้องไห้เหรอ” ริสาเบิกตาโพล่งเมื่อเห็นใบหน้าเพื่อนชัดเจน แววตาแดงก่ำคล้ายกับคนเพิ่งผ่านการร้องไห้หมาด ๆ
“ฉันฝันถึงแม่”
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” มือบางวางลงบนตักแป้งร่ำราวกับต้องการปลอบประโลมจิตใจของอีกคน
“ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง”
“ถ้าแป้งมีอะไรให้ช่วย ต้องรีบบอกฉันนะ”
“อืม” ส่งยิ้มอ่อนให้แก่คนข้างกาย ถ้อยคำของริสาทำเอารู้สึกดีขึ้นในระดับหนึ่ง
“หลังจากนี้จะทำยังไงต่อ”
“ฉันว่าฉันจะหาทางเข้าบ้านหลังนั้น ริสาล่ะหลังจากนี้จะทำยังไง”
“ฉันจะหางานทำ”
“อืม” แป้งร่ำตอบรับในลำคอสั้น ๆ อย่างเข้าใจ
“แป้ง เธอสัญญากับฉันนะหลังจากแก้แค้นอะไรพวกนั้นเสร็จแล้ว พวกเราจะกลับไปด้วยกัน” ริสาเอื้อมมือไปกุมมือของเพื่อน นัยน์ตาคู่งามจ้องมองอย่างกดดัน
“ฉันสัญญา หลังจากฉันเอาคืนคนพวกนั้นเรียบร้อย ฉันจะกลับไปพร้อมริสา”
“เฮ้อ...” ริสาพ่นลมหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความโล่งอกกับคำพูดของแป้งร่ำ
“อะไรกัน แค่นี้ถึงกับถอนหายใจเลยเหรอ” อดไม่ได้จะแซวเพื่อน
“ก็ใช่นะสิ ฉันกลัวแป้งไม่อยากกลับแล้ว”
“จะเป็นแบบนั้นได้ไง ฉันต้องกลับสิ”
“ใครจะไปรู้ล่ะ เผื่อแป้งเจอคนที่รัก แล้วตอนนั้นเกิดไม่อยากกลับขึ้นมาฉันจะทำยังไงล่ะ”
“...” คำพูดของริสาส่งผลให้แป้งร่ำเงียบ หญิงสาวเผลอนึกถึงใครบางคนในอดีต ที่ยังคงตราตรึงในใจตลอดมา แม้ว่าจะผ่านมานานหลายปีไม่เคยลืมเลือน
“แป้ง”
“หืม” ตวัดสายตามองคนข้างกายด้วยสีหน้างุนงง
“คิดอะไร”
“เปล่า”
“งั้นแป้งพักผ่อนต่อเถอะ ฉันไปก่อนละ” ว่าแล้ว ริสาเด้งตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและก้าวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันแป้งร่ำจะเอ่ยรั้งด้วยประโยคใด
พ้นร่างเพรียวของริสาไม่กี่นาที แป้งร่ำทิ้งตัวนอนลงบนที่นอนพร้อมแหงนหน้ามองเพดาน
“ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ พี่ยังจำแป้งได้หรือเปล่า” เสียงหวานพึมพำถึงใครคนหนึ่ง ก่อนหย่อนเปลือกตาบางลงพลางครุ่นคิดถึงอดีตในวันวาน
หลังจากเดินทางมาถึงกรุงเทพหลายวัน หญิงสาวเตรียมการทุกอย่างอย่างเสร็จสิ้นพร้อมเอาคืนคนชั่ว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงหนักใจสำหรับเธอคือตัวเองจะเข้าบ้านหลังนั้นได้อย่างไร
“เอายังไงดีนะแป้ง”
ระหว่างรับประทานอาหารยังร้านแห่งหนึ่ง คนตัวเล็กปรายตามองข้างนอกพลางคิดหาวิธี กระทั่งเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น แป้งร่ำหันขวับมองคนตรงหน้าด้วยใบหน้าฉงน
“คุณเป็นใครคะ”
“ขอคุยด้วยได้ไหม” ไม่รอให้หญิงสาวตอบโต้ประโยคใด เขาถือวิสาสะทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ
“คุณต้องการอะไรคะ” มองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ เธอกลัวอีกฝ่ายจะเป็นคนของกรองทอง ภรรยาใหม่ของบิดา
“ผมเป็นนักสืบที่คุณอำพลจ้างตามหาตัวคุณแป้งครับ”
“คุณพ่อตามหาฉันเหรอคะ” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน เธอยังคงไม่ไว้ใจคนตรงหน้า ก่อนอีกฝ่ายจะแสดงหลักฐานยืนยันตัวตน
“คุณอำพลอยากเจอคุณแป้งครับ ไม่คิดเลยว่าจะเจอคุณแป้งที่นี่” นักสืบชายเอ่ยบอกอย่างดีใจ
“เขาคงอยากเจอแป้งมากเลยสินะ ทั้งที่เป็นคนไล่แป้งกับแม่ออกจากบ้านหลังนั้นเอง”
“คุณแป้งยินดีไปเจอคุณอำพลไหมครับ”
“ไม่ค่ะ” ปฏิเสธทันควัน ความโมโหทำให้ลืมเรื่องที่ตัวเองกำลังหาทางเข้าบ้านหลังนั้นอย่างสิ้นเชิง
“คุณอำพลอยากเจอคุณแป้งจริง ๆ นะครับ รบกวนไปเจอท่านสักครั้งเถอะ”
“ทำไมเพิ่งมาตามหาป่านนี้” อดไม่ได้จะน้อยใจบิดา
“คำถามแบบนั้น ผมว่าคุณแป้งไปถามคุณอำพลเองดีกว่า”
“...” หญิงสาวไม่ได้ตอบกลับทันใด เธอตกอยู่ในห้วงความคิด
“คุณแป้งครับ”
“ตกลงค่ะ ฉันยินดีจะไปเจอเขา”
“จริงเหรอครับ ผมดีใจนะที่คุณแป้งคิดได้” ยื่นนามบัตรให้หญิงสาวและพูดคุยกันต่อนิดหน่อย ก่อนจากไป
คล้อยหลังของนักสืบคนดังกล่าว แป้งร่ำมองดูนามบัตรตรงหน้าด้วยแววตาว่างเปล่า
“ทำไมคุณพ่อถึงตามหาแป้งเอาป่านนี้ล่ะคะ”
ผ่านไปเกือบสิบนาที เธอจัดการเช็กบิลค่าอาหารและเดินทางกลับบ้านทันใด เนื่องจากมีหลายเรื่องต้องเตรียมการ
“แป้ง ฉันได้งานทำแล้วนะ” ทันทีที่แป้งร่ำก้าวเดินเข้าข้างในบ้าน ริสาโผกอดพร้อมเอ่ยบอกอย่างตื่นเต้น
“ดีใจด้วยนะริสา”
“แล้วแป้งล่ะ ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว” หรี่ดวงตามองหน้าแป้งร่ำเพื่อสังเกตปฏิกิริยา
“ทางฉันก็คืบหน้าแล้วเหมือนกัน”
“จริงเหรอ”
“อืม” พยักหน้ารับ
“งั้นเดี๋ยววันนี้ฉันทำอาหารให้แป้งกินเอง” ริสาไม่รอฟังคำตอบของแป้งร่ำ เธอหมุนตัวเข้าไปในครัวด้วยท่าทางร่าเริง จนแป้งร่ำอดไม่ได้จะเผยยิ้ม
“ฉันขอให้เธอร่าเริงแบบนี้ตลอดนะริสา” ปรายตามองตามหลังเพื่อนจนลับหาย
และแล้ววันที่แป้งร่ำนัดเจออำพลก็มาถึง เธอยืนมองประตูรั้วคฤหาสน์หลังใหญ่เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกมากมาย ซึ่งเป็นสถานที่เธอกับแม่เคยอาศัยมาก่อน
“มาหาใครคะ แล้วคุณชื่ออะไร” สาวใช้วิ่งออกมาทักทายแป้งร่ำ หลังจากได้ยินเสียงกริ่ง
“แป้งร่ำ”
“อ๋อ...คุณแป้งนั่นเอง เชิญเข้ามาเลยค่ะ” สาวใช้รีบเปิดประตูรั้วให้หญิงสาวเมื่อรู้ว่าเป็นใคร
เมื่อเข้ามาถึงในคฤหาสน์ สาวใช้คนเดิมพาแป้งร่ำไปพบอำพลยังห้องนั่งเล่น
“แป้ง” เสียงเรียกของชายวัยกลางคนทำหญิงสาวหันไปมอง ก่อนตกตะลึงเพราะอีกคนนั่งบนวีลแชร์ หลายปีที่ไม่ได้เจอกันคิดไม่ถึงอีกฝ่ายจะแตกต่างไปจากเดิมมาก
“มาหาพ่อหน่อยสิ” น้ำตาเริ่มคลอเบ้าทันทีที่เห็นบุตรสาว หลังจากไม่ได้เจอกันหลายปี
“อย่าเข้ามานะคะ” แป้งร่ำถอยหลังออกห่างคนตรงหน้า เมื่อผู้ช่วยพยายามจะเข็นวีลแชร์ที่พ่อนั่งมาหาตัวเอง
“แป้ง”
“หนูมาหาคุณเพราะเห็นว่าคุณอยากเจอ” เธอเอ่ยบอกอย่างเย็นชา ท่าทางของแป้งร่ำส่งผลให้อำพลเจ็บปวดไม่น้อย
“นั่งก่อนสิ”
แป้งร่ำมองบิดาครู่หนึ่ง แล้วเธอทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามพ่อ จากนั้นรอฟังว่าอำพลจะพูดถึงเรื่องอะไร
“พ่ออยากให้แป้งรับตำแหน่งประธานบริษัท”
“ทำไมคะ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย นี่เหรอคือสิ่งที่พ่อต้องการจะบอกเธอหลังจากพยายามตามหา
“เพราะทุกอย่างมันเป็นของลูกมาตั้งแต่ต้นแล้ว”
“ลูกสาวกับภรรยาของคุณไม่ว่าเหรอ”
“มันเป็นของแป้งนะลูก ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ทั้งนั้น”
“งั้นเหรอคะ” แสยะยิ้มกับถ้อยคำของอำพล คาดไม่ถึงคนที่เคยไล่ตัวเองกับแม่ไปแท้ ๆ จะเป็นฝ่ายเปล่งประโยคนั้นออกมา
“แป้ง พ่อขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมา” เอ่ยบอกอย่างสำนึกผิดกับเรื่องราวในอดีต
“หนูจะยอมรับตำแหน่งประธานบริษัทต่อจากคุณ แค่นี้ใช่ไหมที่คุณต้องการ”
“จริงเหรอ”
“ไม่ได้!!” เสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ส่งผลให้สองพ่อลูกหันมองพร้อมกัน
