
บทย่อ
เมื่อการตายของแม่กลายเป็นบาดแผลในใจ เธอจึงกลับมาแก้แค้นครอบครัวเมียน้อยของพ่อ และได้เจอกับเขา คนที่เข้ามาขัดขวางทุกแผนการ โดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอสักนิด
บทที่ 1 การสูญเสียที่ไม่อยากยอมรับ
สาวมัธยมปลายปีสุดท้าย หน้าตาสะสวย อายุ 18 ปี กำลังเดินทางกลับบ้านด้วยท่าทางเบิกบานใจ เพราะวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายและเป็นวันปิดภาคเรียน หลังจากนี้เธอจะสามารถช่วยเหลืองานแม่ได้เต็มที่
หญิงสาวก้าวเดินไปเกือบสุดซอย ซึ่งเป็นบ้านไม้หลังทรุดโทรม เธอหยุดชะงักเมื่อเห็นประตูบ้านเปิดทิ้งไว้ ไม่ทันจะก้าวเท้าเข้าด้านใน ภาพตรงหน้าทำเอาหยุดชะงัก
“แม่” มือเรียวยกขึ้นปิดปากตัวเองพลางเบิกตากว้าง เมื่อเห็นชายฉกรรจ์คนหนึ่งลั่นกระสุนปืนใส่ศีรษะแม่ โดยมีหญิงคนหนึ่งรุ่นราวคราวเดียวกับมารดา ยืนมองด้วยความสะใจพร้อมกับเหยียดยิ้มอย่างพอใจกับผลงานของตนเอง
“เรียบร้อยแล้วครับ คุณนาย”
“ทำได้ดีมาก”
“แล้วลูกสาวของมันล่ะครับ”
“จัดการไปพร้อมกับแม่มันนั่นแหละ เดี๋ยวก็คงกลับมา”
บทสนทนาของคนทั้งสอง ทำให้แป้งร่ำรีบวิ่งหนีทันใด แม้จะรู้สึกเสียใจมากกับการสูญเสียมารดา ทว่าเพื่อเอาตัวรอดจำเป็นต้องจากไป
“ขึ้นมาสิ” รถตู้คันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้าหญิงสาว ก่อนประตูรถจะเปิดออก แล้วหญิงสูงวัยเอ่ยขึ้น
“ถ้้าไม่อยากถูกพวกมันฆ่า รีบขึ้นรถมาเร็ว”
แป้งร่ำไม่มีทางเลือก จำใจลองเสี่ยงขึ้นรถอย่างไม่มีทางเลี่ยง ก่อนรถตู้คันนั้นจะเคลื่อนตัวตามท้องถนน โดยแป้งร่ำโอบกอดตัวเองแน่นพร้อมปล่อยน้ำตาไหลพรากอาบแก้ม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ค่อนข้างกะทันหันยิ่งนัก เธอไม่อยากยอมรับแม้แต่น้อยว่าตัวเองได้สูญเสียแม่แล้ว
“ไม่เป็นไรนะ” มือเหี่ยวย่นแตะหัวไหล่บอบบางแผ่วเบา
“คุณเป็นใครคะ” ใบหน้างามเปื้อนน้ำตามองคนข้างกายอย่างไม่เข้าใจ ทำไมอีกฝ่ายถึงช่วยตนเอง
“ฉันชื่อพวงผกาเป็นยายของหนู” ส่งยิ้มอ่อนให้แก่หญิงสาว
“ยายเหรอคะ” เสียงหวานพึมพำด้วยความสงสัย เนื่องจากเท่าที่จำความได้อีกฝ่ายไม่เคยอยู่ในความทรงจำของเธอสักนิด
“ขอโทษนะที่ยายมาช้า เลยมาช่วยแม่ของหลานไม่ทัน” หญิงสูงวัยดึงแป้งร่ำมากอด
สัมผัสอบอุ่นของพวงผกาทำให้แป้งร่ำปล่อยโฮอย่างเจ็บปวด เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน
“ฮึก ฮือ ๆ”
“ไม่เป็นไรแล้วนะ หลังจากนี้ยายจะดูแลหลานให้ดีที่สุด” ฝ่ามือเหี่ยวย่นลูบหลังเล็กอย่างอ่อนโยน ไม่นานส่งผลให้แป้งร่ำผล็อยหลับ
“แม่ขอโทษนะ ที่ช่วยแกไม่ทัน” พวงผกาทอดสายตามองวิวข้างทางด้วยความรู้สึกเจ็บปวดกับการสูญเสียลูกสาวเพียงคนเดียว
ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเอง ลูกสาวคงไม่ด่วนจากไปอย่างนี้ กว่าจะสำนึกได้ก็สายซะแล้ว
เปลือกตาบางขยับไปมา เบิกตาขึ้นอย่างเชื่องช้าและปิดลงอีกครั้งเพราะแสงแยงตา หลังจากปรับสภาพคุ้นชินก็ลืมตาขึ้นใหม่
“ตื่นแล้วเหรอ” หญิงสาวรุ่นเดียวกับแป้งร่ำเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร
“เธอเป็นใคร” เอ่ยถามพลางยันกายลุกขึ้นนั่ง
“ฉันชื่อริสา”
“ตื่นแล้วเหรอ แป้ง” เสียงหญิงสูงวัยแทรกขึ้นพลางย่างเท้ามาหยุดข้างเตียงของแป้งร่ำ
“ที่นี่ที่ไหนคะ” ถามพลางกวาดสายตามองรอบกายอย่างไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม
“บ้านสวนของยายเองจ๊ะ”
“ทั้งหมดคือความจริงสินะ” แป้งร่ำโอบกอดตัวเองพร้อมซบหน้าลงบนหัวเข่ามน
เหตุการณ์เมื่อช่วงเย็นผุดขึ้นในหัวของหญิงสาว เธอรู้ได้ทันทีทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน ทว่าคือความจริงที่เจ็บปวด นาทีต่อมาหยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้มนุ่ม
“ออกไปก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับหลานสาวหน่อย” พวงผกาเอ่ยปากบอกริสา ก่อนทิ้งตัวนั่งลงข้างแป้งร่ำ ที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ
“แป้ง”
“ฮือ ๆ ทำไมคนพวกนั้นต้องทำกับแม่ของแป้งด้วย”
“เพราะอำนาจเงินไง พวกมันคงคิดว่าถ้ากำจัดแป้งกับแม่สำเร็จก็คงไม่มีใครเข้ามายุ่งกับสมบัติของพ่อแป้งอีก”
“เงินเหรอคะ แต่แป้งกับแม่ไม่เกี่ยวข้องกับคุณพ่ออีกแล้วนะคะ ทำไมถึงคิดว่าพวกเราจะแย่งสมบัติล่ะ” เพราะพ่อคิดว่าแม่คบชู้จนตั้งท้องเธอ จึงขับไล่ออกจากบ้านตั้งแต่เธออายุสิบขวบ นับตั้งแต่นั้นมาเธอกับมารดาใช้ชีวิตตามลำพังมาโดยตลอด
“พวกมันรู้ไงว่าแป้งคือทายาทที่แท้จริงของตระกูล เลยไม่คิดจะปล่อยไว้เพราะคงกลัวจะโดนแย่งสมบัติ”
“แป้งไม่เคยอยากได้สมบัติอะไรนั่นเลย แป้งแค่อยากอยู่กับแม่อย่างสงบ” หญิงสาวเอ่ยพูดด้วยเสียงสะอื้น หน้างดงามซบบนหัวเข่ามนขณะน้ำตายังคงไหลนอง
“อย่าร้องไห้เลยนะ เป็นความผิดของยายเอง”
“ทำไมถึงเป็นความผิดของยายคะ” แป้งร่ำชำเลืองมองคนข้างกายอย่างรอคอยคำตอบ
“ยายเคยทำไม่ดีกับแม่แป้ง”
พวงผกาเริ่มเล่าเรื่องสมัยก่อนให้หลานสาวฟัง จุดเริ่มต้นมาจากเธอบังคับให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายเพื่อนสนิท แต่ลูกสาวไม่ต้องการจึงหนีเข้าเมืองกรุง และได้พบกับอำพลบิดาของแป้งร่ำ ซึ่งทั้งคู่ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข กระทั่งเกิดเรื่องเข้าใจผิดจึงถูกไล่ไปพ้น
พอเจอปัญหาหนักเข้า ลูกสาวเลยเลือกพาแป้งร่ำไปอยู่ด้วยกันตามลำพัง ไม่มาขอความช่วยเหลือพวงผกา กว่าหญิงสูงวัยจะรับรู้ทุกอย่างก็สายไปแล้ว
ย่อมทราบดีว่าทั้งหมดเป็นความผิดของตนเอง ถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่ไม่รัก ลูกสาวคงไม่เลือกหันหลังให้ตนเองเช่นนี้
“หลังจากนี้แป้งต้องทำยังไงต่อคะ”
ชีวิตไม่มีแม่ ไม่รู้ต้องทำอย่างไรต่อไปดี เพราะเธอไม่เคยห่างจากแม่มาก่อน การสูญเสียครั้งนี้ทำเอามืดแปดด้านไปหมด แทบไม่อยากยอมรับด้วยซ้ำ
“หลังจากนี้แป้งต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ยายจะดูแลหลานให้ดีเอง” เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
แม้ว่าจะเสียใจมากแค่ไหนกับการสูญเสียลูกสาว แต่ไม่อาจแสดงความเศร้าออกมาให้เห็น กลัวแป้งร่ำจะรู้สึกแย่กว่าเดิม
“แป้งคิดถึงแม่เหลือเกิน ฮือ ๆ”
“อย่าลืมนะแป้ง หลานยังมียายแก่ ๆ คนนี้อยู่ทั้งคน” ส่งยิ้มอ่อนให้แก่หลานสาว หวังให้คลายความทุกข์ใจ
“อืม”
“ริสายังอยู่ข้างนอกหรือเปล่า เข้ามาหน่อยสิ”
“นายแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวย่างเท้าเข้ามาในห้องตามเสียงเรียกของหญิงสูงวัย
“หลังจากนี้ฉันอยากให้เธอช่วยดูแลหลานฉันให้หน่อย อายุเท่ากันน่าจะคุยกันรู้เรื่องมากกว่าคนแก่อย่างฉัน”
“ค่ะ” ริสาพยักหน้ารับตามคำสั่งของหญิงสูงวัย
“ถ้าแป้งมีอะไรที่อยากได้ก็บอกริสานะ งั้นยายขอตัวก่อนละกัน หลานจะได้พักผ่อน” จบประโยค พวงผกาก้าวเดินออกจากห้อง ทิ้งสองสาวอยู่ด้วยกันตามลำพัง
“ถ้าคุณแป้งมีอะไรจะสั่งริสาก็บอกได้นะคะ” คล้อยหลังหญิงสูงวัยไม่กี่นาที ริสาพูดขึ้นทำลายความเงียบ
“พูดกับฉันแบบกันเองเถอะ ไม่ต้องสุภาพหรอก” ส่งยิ้มอ่อนให้แก่ริสา แป้งร่ำไม่ค่อยชินสักเท่าไรหากมีคนอายุเท่าตัวเองมาคุยด้วยถ้อยคำสุภาพ
“ค่ะ คุณแป้ง เฮ้ย...ไม่ใช่สิ” ริสายกมือขึ้นปิดปากตัวเอง เมื่อเผลอเรียกอีกคนด้วยคำสุภาพ
“เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะริสา หลังจากนี้ฝากตัวด้วย” แป้งร่ำส่งยิ้มให้แก่คนตรงหน้าอย่างเป็นมิตร รู้สึกถูกชะตากับริสาอย่างน่าประหลาด
“ฉันก็ขอฝากตัวกับเธอด้วยเหมือนกันนะแป้ง”
