8. ตัดสัมพันธ์
“ว่าไงใบหม่อน..แฟนเธออยู่โรงพยาบาลจริงหรือเปล่า”
ธัญญา ถามใบหม่อนหลังจากที่โทรหาวรเมธ และได้พูดคุยกับคนที่รับสายแทน
ใบหม่อน เพียรพยายามโทรหาวรเมธตั้งแต่วันที่อยู่พัทยาจนมาพักที่ห้องของธัญญาในกรุงเทพฯ ก็ไม่ละความพยายามที่จะติดต่อเขา จนเกือบจะท้อใจ
“จริง..คนที่รับสายบอกว่าคุณเมธอยู่โรงพยาบาล ฉันก็เลยฝากบอกให้คุณเมธโทรกลับ”
ใบหม่อน บอกด้วยสีหน้าที่สบายใจขึ้นมาบ้าง หลังจากกลัดกลุ้มทุกข์ใจอยู่ถึงสองวันที่ติดต่อวรเมธไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าแม่เขาป่วยจริง ๆ” ธัญญาสรุป
“ก็จริงน่ะสิ ฉันบอกเธอแล้วว่าเขาไม่ได้โกหกฉันหรอก”
ใบหม่อนมีสีหน้าสบายใจอย่างเห็นได้ชัด
“แต่มันแปลกที่เขาไม่ยอมรับสายเธอน่ะสิ ฉันเห็นเธอกดมือถือจนมือหงิกอยู่แล้ว คนเป็นแฟนประสาอะไรจะไม่ยอมรับสายแฟนตัวเองล่ะ แล้วที่มันแปลกคือเขาน่าจะติดต่อเธอบ้างไม่ใช่หายเงียบไปจนทำให้เธอกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วงแบบนี้”
“เขาคงยุ่งอยู่กับการดูแลแม่เขาก็ได้ ก็แม่เขาป่วยหนักนี่นา อาจจะ..หนักมากจนไม่มีกะจิตกะใจจะโทรหาฉันก็ได้”
“เมื่อกี้ใครเป็นคนรับสายล่ะ ใช่พี่สาวเขาหรือเปล่า” ธัญญา ซักต่อ
“ไม่ใช่หรอก เป็นเสียงผู้ชาย คงจะเป็นญาติ ๆ เขาน่ะ ฉันก็ไม่ได้ถามหรอก”
“แล้วเธอได้ถามไหมว่าแม่เขาป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลอะไร”
“อุ๊ย..เมื่อกี้ก็ลืมถามไปเลย”
ใบหม่อนทำหน้าตกใจแบบคนที่เพิ่งนึกขึ้นได้
“งั้นก็โทรใหม่สิ...อย่างน้อยก็จะได้รู้ไว้ หรือเธออาจจะไปหาเขาที่โรงพยาบาลนั่นก็ได้” ธัญญาแนะนำ
“แต่ฉันเกรงใจ เดี๋ยวคนรับสายจะหาว่าฉันไม่รู้จักกาลเทศะ ช่วงนี้แม่เขาป่วยอยู่ ถ้าฉันโทรหาเขาบ่อย ๆ มันดูไม่ดีนะ”
“ดูไม่ดียังไงล่ะ ก็เธอเป็นแฟนเขาไม่ใช่หรือ แฟนกันก็ต้องห่วงกันสิ เธอไม่อยากไปเยี่ยมแม่เขาหรือไง”
“อยากสิ แต่..คุณเมธยังไม่ได้แนะนำให้ฉันรู้จักกับพ่อแม่พี่น้องเขาเลยนะ เราเพิ่งจะคบกันเท่านั้นเอง”
“ตามใจ..ถ้าไม่อยากรู้ว่าแม่เขาป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลไหนก็แล้วแต่เธอ”
ธัญญา บอกก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดทำงานที่ค่อนข้างจะหวือหวาเป็นชุดใหม่ที่โป๊กว่าเดิม
วันนี้ใบหม่อนลางานช่วงบ่ายมาอาศัยอยู่ที่ห้องของธัญญาเพื่อปรึกษาปัญหาหัวใจที่เธอกลัดกลุ้มจากการที่ติดต่อวรเมธไม่ได้
เมื่อธัญญา ออกไปจากห้องรับแขกแล้ว ใบหม่อนก็เริ่มกระวนกระวายใจ อยากจะรู้ว่ามารดาของวรเมธอยู่ที่โรงพยาบาลชื่ออะไร เมื่อสักครู่ที่โทรไปก็ลืมถามเสียด้วย ถ้าจะรอให้วรเมธเป็นฝ่ายโทรกลับก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีเวลาว่าง หรือมีความพร้อมที่จะโทรตอนไหน อีกทั้งส่งข้อความไปเขาก็ไม่ยอมอ่านเสียที
ฉะนั้นใบหม่อนคิดว่าจะเป็นฝ่ายโทรไปอีกครั้ง อย่างน้อยคนเป็นแฟนกันก็น่าที่จะรู้บ้างว่าแม่ของแฟนป่วยอยู่ที่ไหน จึงตัดสินใจโทรหาวรเมธอีกครั้งหนึ่ง
ใบหม่อน รอลุ้นว่าคนที่จะมารับสายจะเป็นคนเดิมหรือว่าเป็นวรเมธมารับเอง เธอภาวนาขอให้วรเมธรับสาย รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากระหว่างที่รอคนรับสายอยู่นั้น
“ว่าไงครับ..ใบหม่อน”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้ใบหม่อนดีใจจนแทบน้ำตาไหล
“คุณเมธ!..ใบหม่อนดีใจที่สุดเลยที่ได้ยินเสียงคุณ รู้ไหมคะว่าใบหม่อนเป็นห่วงคุณมากแค่ไหนโทรหาคุณตั้งหลายครั้ง แต่คุณก็ไม่รับสาย แถมส่งข้อความไปคุณก็ไม่อ่าน ใบหม่อนคิดไปต่าง ๆ นานากลัวคุณจะไม่สบาย เกิดอุบัติเหตุ ใบหม่อนไม่รู้จะไปตามหาคุณได้ที่ไหนเพราะไม่รู้ว่าบ้านคุณอยู่ไหน ที่ทำงานก็ไม่รู้จัก เมื่อกี้ใบหม่อนก็โทรไป แต่คนรับสายไม่ใช่คุณ”
ใบหม่อน พรั่งพรูคำพูดที่อยากพูดออกมาอย่างคนที่อัดอั้นเอาไว้นาน แล้วได้ระบายออกมา
“ใบหม่อน..ผมขอโทษ”
วรเมธ ตอบมาด้วยน้ำเสียงเหมือนคนอ่อนแรง
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ได้ยินเสียงคุณก็ดีใจแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าคุณแม่คุณป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลไหนคะ ใบหม่อนอยากจะไปเยี่ยม”
“อย่าเลย”
“ทำไมคะ”
ใบหม่อน ถามด้วยความไม่เข้าใจค่อนไปทางน้อยใจนิด ๆ
“คือ..ผมไม่อยากให้ใครรู้”
“ทำไมคะ”
ใบหม่อนไม่รู้จะถามอะไรมากกว่านี้นอกจากถามคำเดิม
“ใบหม่อน..ผมว่าเราเลิกกันเถอะ”
“คุณเมธ..ว่า..อะไรนะคะ”
ใบหม่อน คิดว่าตัวเองหูฝาดจึงถามใหม่อีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ
“คุณเป็นผู้หญิงที่ดีเกินไป ผมไม่ชอบผู้หญิงแบบคุณ เราเลิกคบกันเถอะ ต่อไปก็ไม่ต้องโทร ไม่ต้องส่งข้อความอะไรมาหาผมอีกแล้วนะ”
“คุณเมธ..นี่คุณ..ขอ..เลิกกับใบหม่อน..หรือคะ”
ใบหม่อน ใจหายวาบปากคอสั่นแทบจะทำมือถือร่วงกับพื้น
“ใช่..คุณไม่เหมาะสมกับผม แล้วผมก็ไม่เหมาะสมกับคุณ เราต่างก็มีรสนิยมที่ไม่เหมือนกัน”
“ใบหม่อนไม่เข้าใจค่ะ มันต้องมีเหตุผลที่ดีกว่านี้สิคะ ตอนที่อยู่พัทยา คุณยังดีกับใบหม่อนอยู่เลย หรือว่าแม่คุณป่วยแล้ว คุณคิดว่าไม่มีเวลาให้ใบหม่อน เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลนะคะ ใบหม่อนเข้าใจ รอให้คุณแม่คุณหายป่วยแล้ว เราค่อยเจอกันก็ได้ค่ะ”
ใบหม่อน บอกเขาเสียงสั่น ใจคอไม่ดีที่เขาพูดตัดสัมพันธ์ง่ายดายเช่นนั้น
“ไม่เกี่ยวกับแม่ผมป่วยหรอก..ความจริงผมโกหกคุณเรื่องที่แม่ป่วย”
“แต่คุณอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือคะ”
“ผมอยู่โรงพยาบาลจริง แต่ไม่ใช่แม่ผมป่วย พ่อแม่พี่น้องผมสบายดี ไม่มีใครป่วย”
“งั้นใครป่วยคะ”
“ใบหม่อนไม่ต้องรู้หรอก รู้แต่ว่าตอนนี้ผมขอเลิกคบกับคุณก็แล้วกัน ผมขอโทษที่ทำให้ใบหม่อนเสียเวลากับผม ต่อไปเราก็ต่างเป็นอิสระไม่มีอะไรต่อกัน”
“ทำไมคุณพูดแบบนี้คะ ที่ผ่านมาคุณดีกับใบหม่อนมาตลอดแล้ว..ทำไมจู่ ๆ คุณถึงได้มาบอกเลิกง่าย ๆ อย่างนี้ ใบหม่อนไม่เข้าใจ ช่วยอธิบายเหตุผลได้ไหมคะ”
ใบหม่อนเริ่มน้ำตาเอ่อท่วมตาเสียงสั่นจนแทบระงับไม่ไหว
“ที่ผมทำดีด้วยเพราะอยากได้ตัวใบหม่อนเป็นของผม แต่ไม่คิดว่าใบหม่อนจะหัวโบราณแบบนี้ ผมคิดว่าใบหม่อนเป็นผู้หญิงที่ดีเกินไป ผมไม่ชอบคนที่ดีเกินไป ผมจึงขอเลิกกับใบหม่อน”
“คุณเมธ!...นี่หรือคะ เหตุผลที่คุณขอเลิกกับใบหม่อนเพราะใบหม่อนดีเกินไปอย่างนั้นหรือคะ”
ใบหม่อน ถามเสียงสะอื้น เวลานี้เธอกำลังสับสนไม่แน่ใจว่าวรเมธกำลังพูดเล่นหรือพูดจริง
“ใช่..ผมขอเลิกเพราะใบหม่อนดีเกินไป แค่นี้นะครับขอให้โชคดี ได้พบผู้ชายที่เหมาะสมคู่ควร”
“เดี๋ยวค่ะ..อย่าเพิ่งวางสาย ถ้าใบหม่อนจะ..เอ้อ..ยอมมีอะไรกับคุณ..แล้วคุณคิดว่าจะเลิกกับใบหม่อนหรือเปล่าคะ”
ใบหม่อน รู้ตัวดีว่าเธอเสนอตัวเหมือนผู้หญิงไร้ค่า แต่ที่ถามคำถามโง่ ๆ เช่นนั้นออกไปเพราะอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเป็นเพราะเหตุที่เธอไม่ยอมมีอะไรกับเขาหรือเปล่า จึงทำให้เขาตัดสัมพันธ์เช่นนี้
“มันสายไปแล้วใบหม่อน เวลานี้ผมไม่คิดที่จะสนใจคุณอีกแล้ว ขอให้ใบหม่อนรักษาสิ่งดี ๆ นั้นเอาไว้ให้กับผู้ชายที่เขาเหมาะสมเถอะนะ ขอให้ใบหม่อนโชคดี สวัสดีครับ”
ใบหม่อน ล้มตัวลงนอนไปกับโซฟาอย่างหมดแรง เหตุผลของการเลิกราที่เขาบอกกับใบหม่อนว่าดีเกินไปนั้นมันช่างน่าขมขื่นสิ้นดี เธอควรจะร้องไห้เสียใจหรือดีใจกันแน่ แต่คำสุดท้ายที่เขาบอกให้เธอรักษาสิ่งดี ๆ เอาไว้ให้กับผู้ชายที่เหมาะสมนั้นมันเหมือนเขาพูดประชดประชันเย้ยหยันว่าสิ่งนั้นมันไม่ได้สำคัญอะไรเลยหรือไร
ใบหม่อนเจ็บปวดใจจนต้องร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดที่จะทนอีกแล้ว ทำไม วรเมธ จึงตัดสัมพันธ์อย่างกะทันหันไม่ได้ให้ทันตั้งตัวเช่นนี้ ใบหม่อนมึนงงไปหมดแล้ว ไม่เข้าใจเลย
ธัญญา เดินออกมาเห็นสภาพของใบหม่อนนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ตกใจรีบเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
ใบหม่อนกอดเพื่อนร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจไม่เข้าใจ เธอเล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่คนเป็นแฟนกันบอกเลิกด้วยเหตุผลที่น่าขัน
“ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าผู้ชายสมัยนี้ไม่ชอบผู้หญิงที่ดีเกินไป คราวนี้เธอเชื่อฉันหรือยังล่ะ”
ธัญญา บอกย้ำให้ใบหม่อนเริ่มคลอนแคลนกับสิ่งที่ยึดถือมา แต่เวลานี้ใบหม่อนไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้นนอกจากร้องไห้ระบายความทุกข์เสียใจให้มันออกมาจะได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
...
“ใบหม่อนพูดอะไรบ้างวะเมธ หลังจากที่แกบอกเลิก”
ฐากูร รีบซักเพื่อนด้วยความสนใจเช่นเดียวกับที่ทินกรก็อยากรู้ คนทั้งคู่ได้นั่งฟังช่วงที่วรเมธ รับสายใบหม่อนด้วย
“คงจะงงที่ฉันตัดสัมพันธ์ดื้อ ๆ น่ะสิ แต่ทำไงได้ฉันตัดสินใจที่จะปล่อยคนดี ๆ อย่างใบหม่อนไปแล้วนี่หว่า เฮ้อ..ฉันสบายใจขึ้นตั้งเยอะ ทีนี้ผลแห่งความดีที่ฉันทำ น่าจะส่งผลให้ลูกสาวของฉันในตู้อบหายวันหายคืนเสียที”
วรเมธ บอกอย่างโล่งอกที่ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำเช่นนี้
“แกโหดว่ะ..ตัดสัมพันธ์แบบไม่เหลือเยื่อใยเลยหรือวะ” ทินกรพูดขึ้น
“โหดอะไร ฉันไม่ได้ไปทำร้ายเขาซะหน่อย แถมไม่ได้ทำให้เขาเสียหายด้วย ใบหม่อนยังเวอร์จิ้นไม่ได้ถูกฉันทำลายความสาวด้วย จะมาหาว่าฉันโหดได้ไง” วรเมธรีบอธิบาย
“ถึงแกไม่ได้ทำให้เขาเสียตัว แต่แกก็ทำให้เขาเสียใจนะโว้ย”
ฐากูรพูดขึ้นทำให้วรเมธรู้สึกเสียใจวูบขึ้นมา เขารู้ว่าใบหม่อนจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน เพราะเธอให้ความไว้วางใจ เชื่อมั่นว่าเขาจะรักเธอจริง ผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์ใจในการคบกับเขาจริง ๆ ตั้งแต่คบกันมาใบหม่อนไม่เคยขออะไรจากเขาเลยด้วยซ้ำ ผิดกับเด็กสาวบางคนที่เขาเคยคบหาแบบสั้น ๆ ที่ขอให้ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ซื้อมือถือรุ่นใหม่ แล้วก็ขอเงินใช้ด้วย โดยที่เขาไม่ต้องเสียเวลาในการเกลี้ยกล่อมให้มีอะไรกันอีกต่างหาก
พอนึกถึงใบหม่อนขึ้นมา เขาก็วูบนึกถึงลูกสาวตัวน้อยที่อยู่ในตู้อบอย่างสะเทือนใจ หรือนี่มันคือกรรมเวร ที่เขาคิดจะไปหลอกคนที่มีจิตใจดีอย่างใบหม่อน ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็คงทำถูกแล้วที่พูดตัดสัมพันธ์ใบหม่อนไป เพื่อให้เธอรอดพ้นจากผู้ชายที่ไม่จริงใจอย่างเขาเสียที เพราะถึงอย่างไรเขาก็มีภรรยาที่น่ารัก และมีลูกที่จะต้องให้ความอบอุ่นแล้ว
“จำไว้เป็นบทเรียนเลยนะโว้ย..ต่อไปถ้าคิดจะมีกิ๊กก็เลือกผู้หญิงที่รักสนุกไม่ผูกมัด จริงไหมวะตั้ม”
ทินกรบอกวรเมธ แล้วก็หันไปขอความเห็นจากฐากูรเพื่อให้ช่วยยืนยันในนโยบายของก๊วนหนุ่มเจ้าสำราญ
“ถูกต้อง จะได้ไม่ต้องทำให้ใครเสียใจ แล้วเราก็สบายใจหายห่วงไม่ต้องไปคิดมากหรือเดือดร้อน” ฐากูรยืนยัน
“ต่อไปฉันจะเลิกทำตัวแบบพวกแกแล้วล่ะ”
วรเมธบอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึมดูจริงจัง
“ทำได้หรือวะ” ทินกรชักไม่มั่นใจ
“ไม่ได้ก็ต้องได้ ฉันไม่ได้เหมือนพวกแกนี่หว่า ฉันมีลูกมีเมียแล้ว อีกอย่างลูกฉันก็เป็นผู้หญิงด้วยไม่อยากให้ลูกต้องมีกรรมไปเจอผู้ชายอย่างฉันในอนาคตว่ะ”
วรเมธ บอกความกลัวที่ซ่อนอยู่ในใจ
“สาธุ..ขออนุโมทนาด้วยคน ถ้าแกทำได้จริง”
ทินกร กล่าวสัพยอกแบบไม่ค่อยจะเชื่อเท่าใดนัก
