5. ดั่งสวรรค์ล่ม
ใบหม่อน มีความสุขกับการที่ได้นั่งมองท้องฟ้า มีท้องทะลอยู่เบื้องหน้าให้ได้ชื่นชมดื่มด่ำความงามยามค่ำคืน
ห้องพักบนอาคารสูงที่อยู่ใกล้ทะเลของวรเมธ บรรยากาศดีมาก จนใบหม่อนเอ่ยปากที่จะขอนั่งดูวิวทิวทัศน์อยู่บนระเบียงแทนการไปเดินเล่นริมชายหาดยามค่ำคืน
วรเมธ ปล่อยให้ใบหม่อนได้นั่งชมวิวตามลำพัง เขาแอบไปโทรศัพท์หากานดาอยู่ในห้อง แม้จะแอบมาหาความสุขส่วนตัว แต่วรเมธ ก็รู้สึกเป็นห่วงภรรยาที่ท้องแก่ใกล้คลอด ซึ่งคืนนี้ภรรยาของเขาขอไปค้างที่บ้านพ่อแม่ของเธอ และให้เขาไปรับก่อนเที่ยงในวันอาทิตย์ เขาจึงถือโอกาสที่ภรรยาไม่อยู่บ้านพาใบหม่อนมาค้างที่พัทยา เผื่อว่าบรรยากาศของท้องทะเลจะทำให้ใบหม่อนยินยอมเป็นของเขาอย่างเต็มใจ
“กุ๊กโทรหาคุณตั้งหลายครั้งทำไมคุณถึงไม่รับสายคะ”
เสียงของกานดาต่อว่ามาทางมือถือเป็นประโยคแรก
“โทษทีที่รัก..พอดีแบ็ตมือถือผมหมดน่ะ”
วรเมธ รีบหาข้อแก้ตัวได้ทัน ถ้ากานดารู้ว่าเขาจงใจปิดมือถือคงจะโกรธมาก
“คุณอยู่ที่ไหนคะ”
“เอ้อ..” วรเมธอึกอักคิดหาคำแก้ตัวไม่ทัน
“คุณไปคอนโดของคุณตั้มหรือคะ”
“ปละ..เปล่า”
“อ้าว..แต่กุ๊กโทรเข้ามือถือคุณวัฒน์ เขาบอกว่าคุณกำลังจะเดินทางไปสมทบกับเพื่อน ๆ ที่ห้องคุณตั้มนี่คะ เห็นว่าคุณตั้มกลับเมืองไทยก็เลยจะเลี้ยงฉลองกัน”
กานดา อ้างถึงกลุ่มเพื่อนสนิทของสามี ทำให้วรเมธต้องไหลตามน้ำทันที
“อ๋อ..ชะ..ใช่ครับ แต่พอดีผมโทรไปแคนเซิ่ลพวกนั้นแล้ว เพราะติดงานเลี้ยงรับรองของบริษัทน่ะ”
“เมื่อวานคุณเพิ่งจะไปงานเลี้ยงบริษัทเองนะคะ”
“คือเขาเลื่อนมาวันนี้แทนน่ะครับ คืนนี้ผมรู้ว่าคุณไปค้างที่บ้านคุณแม่ ผมก็เลยคิดว่าจะกลับดึกหน่อย แต่รับรองว่าพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงผมไปรับคุณที่บ้านคุณแม่แน่นอนครับ ดูแลตัวเองกับลูกในท้องด้วยนะ ผมเป็นห่วง”
เขาทำเสียงออดอ้อนแสดงความห่วงใยภรรยา ราวกับสามีที่ไม่ได้กำลังนอกใจภรรยาอยู่
“ค่ะ คุณก็อย่าดื่มให้มากนักนะคะ อีกหน่อยลูกของเราก็จะคลอดแล้ว กุ๊กอยากให้คุณเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกค่ะ ส่วนเรื่องที่คุณชอบเที่ยวกลางคืนกุ๊กไม่ว่าค่ะ กุ๊กเข้าใจธรรมชาติของผู้ชาย แต่อย่าให้ติดโรคก็แล้วกัน ช่วงนี้กุ๊กให้ความสุขคุณไม่ได้ แต่ถ้าลูกคลอดเมื่อไหร่ คุณต้องหยุดเที่ยวกลางคืนนะคะเมธ”
คำพูดของภรรยาทำเอาวรเมธสะอึกไปเหมือนกัน กานดาไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้กับเขามาก่อน แสดงว่าที่ผ่านมาเธอก็คงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเขามีกุ๊กกิ๊กนอกบ้าน เพราะก่อนแต่งงานกานดาก็รู้ว่าเขากับกลุ่มเพื่อน ๆ นั้นเป็นพวกหนุ่มโสดที่รักสนุก แต่กานดาก็หวังว่าเมื่อเขาแต่งงานกับเธอแล้วจะหยุดเที่ยว หยุดเจ้าชู้
แต่นั่นก็เป็นช่วงแรก ๆ ที่แต่งงานกันเท่านั้น วรเมธยังไม่สามารถหยุดความเจ้าชู้ได้เสียทีเดียว เขายังคงแอบไปเที่ยวกับพวกเพื่อน ๆ กลุ่มเดิมที่ยังโสดทั้งหลาย ซึ่งถ้าภรรยาของเขารู้ว่าเขาแอบคบหากับเด็กสาวใบหม่อนอยู่ ก็คงจะมีปัญหาแน่นอน เขาจะให้กานดารู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด กานดา คงคิดว่าเขาแค่ไปเที่ยวผู้หญิงตามประสาผู้ชายเท่านั้น คงไม่คิดว่าเขาจะไปตามจีบตามรับส่งผู้หญิงแบบนี้
วรเมธ ก็ไม่ได้คิดที่จะจริงจังกับใบหม่อนอยู่แล้ว เขาคิดว่าจะเลิกรากับใบหม่อนหลังจากที่ภรรยาเขาคลอดลูก แต่นั่นหมายถึงว่าใบหม่อนต้องเป็นของเขาแล้ว เขาไม่คิดว่าจะต้องเสียเวลามากขนาดนี้ บางทีก็อยากจะเสนอเงินให้กับใบหม่อนสักก้อน เพื่อให้เธอยอมเป็นของเขาอยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นหน้าตาใสซื่อของใบหม่อนทีไร ก็ไม่กล้าพูดต่อรองสักที เขาจึงได้แต่หาวิธีที่จะทำให้ใบหม่อนใจอ่อนยินยอมเป็นของเขาด้วยความเต็มใจให้ได้
“ว่าไงคะเมธ คุณจะหยุดเที่ยวผู้หญิงได้ไหมคะ ถ้าลูกเราคลอดออกมาแล้ว”
กานดา ถามย้ำมาเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากสามี
วรเมธ ตั้งสติได้ก็รีบรับปากภรรยาทันที เพียงแค่นี้เขาก็ทำให้ภรรยาสบายใจได้แล้ว
“งั้นคืนนี้คุณอย่าปิดมือถือนะคะ เผื่อว่ากุ๊กปวดท้องจะคลอด”
“หมอบอกว่าอีกตั้งเดือน คงไม่ใช่คืนนี้หรอก” วรเมธพูด
“ก็ต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ค่ะ ยังไงคุณห้ามปิดมือถือก็แล้วกัน งั้นกุ๊กจะเข้านอนแล้ว พรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
“ครับ ฝากบอกลูกด้วยว่าพ่อคิดถึง”
เขาทำเสียงหวานในตอนท้ายก่อนจะวางสายไป แล้วก็รีบเดินไปหาใบหม่อนที่ระเบียงทันที เขาเห็นใบหม่อนยังคงนั่งชมวิวอยู่อย่างมีความสุข จึงเดินเข้าไปโอบไหล่เธอเบา ๆ
“ผมว่าเราดื่มอะไรกันหน่อยไหมใบหม่อน”
วรเมธ เริ่มหาวิธีที่จะได้ตัวใบหม่อนในคืนนี้ให้ได้
“ดื่มอะไรคะ” ใบหม่อนหันมามองหน้าถามเขา
“อะไรก็ได้ เช่น บรั่นดี วิสกี้ หรือเบียร์ ใบหม่อนเลือกเอาสักอย่างสิครับ” เขาส่งยิ้มให้ด้วยสายตาเว้าวอน
“คุณก็รู้นี่คะว่าใบหม่อนไม่ดื่มของพวกนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพแล้วก็..ทำให้เราไม่มีสติด้วย”
วรเมธ แอบถอนหายใจ เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่จะมีนิสัยแบบใบหม่อนมาก่อนเลยจึงไม่ค่อยจะชินเอาเสียเลย ที่ผ่านมาก็มักจะเลือกผู้หญิงที่เปรี้ยว ๆ ใจถึงทั้งนั้น ถ้าเอาเรื่องใบหม่อนไปเล่าให้กับกลุ่มเพื่อน ๆ ฟังคงได้ถูกหัวเราะเยาะที่เขาเปลี่ยนรสนิยมมาเลือกสาวน้อยใสซื่อรักนวลสงวนตัวแบบนี้
วรเมธ เคยจีบเด็กสาวที่เรียนมหาวิทยาลัย แต่เด็กสาวพวกนั้นก็ยินยอมพร้อมใจขึ้นเตียงกับเขาเพียงแค่เขาพานั่งรถไปเที่ยว พาไปร้านอาหารหรู ๆ ซื้อข้าวของต่าง ๆ และให้เงินใช้เท่านั้นเอง แต่ใบหม่อนได้นั่งรถสปอร์ตราคาแพงของเขาตั้งหลายครั้ง ได้ไปรับประทานอาหารค่ำที่หรู ๆ กับเขาก็หลายหน แถมเขาก็ยังเสนอซื้อมือถือรุ่นใหม่ให้ด้วย แต่ใบหม่อนปฏิเสธบอกว่าจะรอให้เครื่องเก่าพังก่อนค่อยซื้อใหม่ เขาไม่รู้ว่าจะต้องใช้วิธีไหนที่จะหลอกล่อให้ใบหม่อนยอมเป็นของเขาเสียที
“ถ้างั้น เราไปเดินเล่นชายหาดกันไหม แล้วค่อยขึ้นมานอน”
เขาคิดว่าบรรยากาศดี ๆ อาจจะทำให้ใบหม่อนรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ จนตอบตกลงด้วยความยินดีที่จะเป็นของเขาอย่างเต็มใจ
วรเมธ โอบไหล่ใบหม่อนพาเดินย่ำไปบนชายหาดยามค่ำคืน ใบหม่อนไม่ได้ขัดขืนแต่กลับกอดเอวเขาหลวม ๆ ด้วย ทำให้วรเมธแปลกใจที่ใบหม่อนเป็นฝ่ายกอดเขาโดยที่เขาไม่ได้ขอร้อง หรือว่า นี่จะเป็นสัญญานที่ดีสำหรับค่ำคืนนี้ที่เขาจะได้เชยชมใบหม่อนอย่างสมใจ บรรยากาศชายทะเลคงจะทำให้ใบหม่อนใจอ่อนกับเขาได้
“ผมดีใจนะที่ใบหม่อนยอมให้ผมกอดแต่โดยดีแบบนี้” เขากระซิบเสียงทุ้มหวานอารมณ์ดี
“ก็คุณบอกว่าเราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือคะ”
ใบหม่อน บอกเขาด้วยรอยยิ้ม เธอกำลังนึกถึงคำพูดของลัดดาต่างหาก ที่บอกว่าถ้าไม่อยากขึ้นคานเหมือนพวกป้า ๆ ที่แผนกธุรการก็ต้องทำตัวให้น่าสนใจ ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงที่ดีเกินไป บางทีการที่ใบหม่อนยอมโอนอ่อนผ่อนตามวรเมธบ้าง อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาพัฒนาขึ้นก็ได้ เขาจะได้ไม่เบื่อเธอจนหนีหายไปจากชีวิต
“ดีใจจังที่ใบหม่อนคิดได้แบบนี้ ทำให้ผมหายน้อยใจเลยล่ะ”
เขาพูดให้ใบหม่อนดีใจ จนเธอเผลอซุกศีรษะไปกับท่อนแขนของเขา จึงถูกเขาโอบกอดเข้ามาแนบอกแล้วก็หยุดเดินเฉย ๆ
“อุ๊ย..คุณเมธจะทำอะไรคะ”
ใบหม่อน รีบเอามือสองข้างขึ้นมากอดอกเอาไว้เพื่อไม่ให้หน้าอกของเขาเข้ามาแนบชิดกับหน้าอกของเธอได้ง่าย ๆ
“คนเป็นแฟนกัน เขาทำอะไรกันบ้างล่ะจ๊ะสาวน้อย”
วรเมธ พูดเสียงหวานก่อนจะก้มไปจูบหน้าผากเธอเบา ๆ เป็นการอุ่นเครื่องก่อน แต่คนถูกจูบทำหน้าตกใจ
“อย่าค่ะ..เดี๋ยวมีคนเห็น”
ใบหม่อน หันมองรอบข้างอย่างระแวงแม้จะมืดแล้วก็ตาม
“งั้นเราขึ้นห้องกันดีกว่านะใบหม่อน ผมชักง่วงแล้วล่ะ”
วรเมธ กระซิบเสียงสั่นเริ่มง่วงขึ้นมาทันทีทันใด
“แต่..ใบหม่อนยังอยากเดินเล่นอยู่นี่คะ”
“เดินกลางคืนแบบนี้มองอะไรก็ไม่เห็นหรอกจ๊ะ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยลงมาเดินใหม่ก็แล้วกัน นะครับคนดี๊คนดี”
เขาทำเสียงออดอ้อนก่อนจะแกะมือใบหม่อนที่กอดอกอยู่นั้นฉุดแขนให้เดินไปตามเขา
เมื่อมาถึงห้องพักแล้ว วรเมธ ก็ดึงแขนใบหม่อนเข้าไปในห้องนอนผลักเธอเบา ๆ ให้ล้มลงไปบนเตียงก่อนจะโถมร่างของเขาตามลงไปกอดเธอทันทีพร้อมกับซุกไซ้จมูกไปกับใบหน้าของเธอในลักษณะคล้ายหยอกล้อ
“คุณเมธอย่าค่ะ”
ใบหม่อน พยายามเอามือยันอกเขาไว้เพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรมากไปกว่ากอดจูบ ยิ่งบรรยากาศเป็นใจให้อยู่บนเตียงสองต่อสองแบบนี้มีสิทธิ์ที่จะเลยเถิดได้ตลอดเวลา
“ทำไมล่ะ ใบหม่อนไม่รักผมเลยใช่ไหมถึงได้หวงตัวกับผมแบบนี้” เขาแกล้งต่อว่าแต่ก็ยังคลอเคลียกอดจูบไปด้วย
“ใบหม่อนยอมให้คุณกอดจูบอยู่นี่ไงคะไม่ได้หวงตัวสักนิด”
เธอพยายามส่งเสียงบอกเขาที่กำลังซุกซนไม่หยุด
“งั้นคืนนี้ใบหม่อนยอมผมได้ไหม..”
เขากระซิบเสียงกระเส่าแบบคนที่กำลังเกิดอารมณ์
“อุ๊ย..ไม่ได้นะคะ”
ใบหม่อน ตกใจรีบใช้มือผลักเขาออกไป แต่เขาก็จับมือเธอกดเอาไว้
“ทำไมล่ะ ผมรักใบหม่อนนะ”
เขาใช้คำพูดนี้เพื่อให้เธอยินยอมแม้จะไม่ได้ออกมาจากใจที่แท้จริง
“แต่..ใบหม่อนยังไม่พร้อมที่จะให้คุณทำแบบนี้”
“โธ่ใบหม่อนจ๋า..อย่าทรมานผมเลยนะ ก็เราเป็นแฟนกันแล้วไม่ใช่หรือ ถ้าไม่มีอะไรกันจะเรียกว่าแฟนได้ไง”
เขาพยายามที่จะดึงมือเธอออกไม่ให้กั้นระหว่างหน้าอกของเธอเอาไว้ แล้วก็ยื่นหน้าไปจูบ ใบหม่อนพยายามส่ายหน้าหนีตลอด
“พอแล้วค่ะคุณเมธ..เดี๋ยวใบหม่อนร้องไห้จริง ๆ นะคะ”
เธอขู่เขา เพราะเคยร้องไห้ได้ผลมาแล้วจนเขาไม่กล้าทำอะไรเธอต่อไป หากคราวนี้เขาคิดจะทำอีก ใบหม่อนก็จะใช้วิธีร้องไห้เหมือนคราวก่อน
“คนเป็นแฟนกันเขาต้องมีอะไรกันนะใบหม่อน” วรเมธ พยายามเกลี้ยกล่อม
“แต่เราเพิ่งคบกันไม่นานเองนะคะ รอให้ใบหม่อนแน่ใจว่าคุณเมธรักใบหม่อนจริง ๆ แล้วใบหม่อนจะยอมเป็นของคุณเมธในวันที่เราแต่งงานกันค่ะ ถ้าคุณเมธ รักใบหม่อนจริงก็รอให้เราแต่งงานกันก่อนนะคะ”
ใบหม่อน บอกไปตามความคิดที่ตัวเองถูกปลูกฝังมา แต่คำพูดนั้นมันฟังดูตลกสิ้นดีในความคิดของคนอย่างวรเมธ เขาอยากจะหัวเราะขบขันกับคำพูดนั้น แต่พอหันไปมองหน้าใบหม่อน เขาก็ต้องถอนใจ ดูเธอจะหัวโบราณและอ่อนหัดในเรื่องผู้ชายจริง ๆ
“ไม่มีใครเขารอมีอะไรกันตอนแต่งงานหรอกนะใบหม่อนแล้วผมกับใบหม่อนก็คบกันมาเกือบสองเดือนแล้ว ยังไม่นานพอที่จะไว้ใจผมอีกหรือ พูดแบบนี้ผมชักน้อยใจแล้วล่ะ”
วรเมธ แกล้งลุกขึ้นมานั่งหันหลังให้ใบหม่อน
“คุณเมธ...โธ่..ทำไมไม่เข้าใจใบหม่อนเลย”
ใบหม่อน รีบลุกขึ้นคลานเข่ามานั่งข้าง ๆ เขาทันที
“จะให้ผมเข้าใจใบหม่อนว่ายังไงล่ะ” เขายังทำท่าหมางเมินใส่เธออยู่
“ก็ใบหม่อนไม่เคย..เอ้อ..ไม่กล้านี่คะ แม่ของใบหม่อนคงจะเสียใจมาก ถ้ารู้ว่าใบหม่อน มาใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพฯไม่ทันไรก็...”
“คำสอนของแม่ใบหม่อนนั่นมันโบราณมากเลยนะ ถ้าจะนำไปใช้ ใบหม่อนก็ใช้ตอนที่ยังเป็นนักเรียนสิครับ แต่ตอนนี้ใบหม่อนเรียนจบแล้ว อยู่ในวัยทำงานแล้ว เราสองคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้วด้วย อย่ายึดคำสอนแบบเชย ๆ ล้าสมัยนั่นเลย”
“แต่...”
“ตามใจนะ ถ้าใบหม่อนคิดว่าผมไม่ดีพอที่จะเป็นแฟนด้วย ผมไม่แตะต้องตัวใบหม่อนก็ได้ ผมคงเป็นตัวเชื้อโรคที่น่ารังเกียจ”
วรเมธ พูดประชดทำท่าน้อยอกน้อยใจจนคนฟังทนไม่ได้ต้องรีบเข้าไปเกาะแขนเขาแน่นอย่างไม่สบายใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ..ใบหม่อนไม่ได้รังเกียจคุณเมธสักหน่อย ไม่งั้นใบหม่อนจะยอม..ให้คุณ..จูบหรือคะ”
“ถ้าไม่รังเกียจก็ต้องพิสูจน์ให้ผมแน่ใจก่อน”
“แล้วจะให้ใบหม่อนทำยังไงล่ะคะ”
“ก็...ไม่หวงตัวกับผม..ใบหม่อนทำได้ไหมล่ะ”
เขาลองหยั่งเสียงถามกลับไป ใบหม่อนมีสีหน้ากลัดกลุ้ม
“งั้น..ใบหม่อนจูบคุณก็ได้”
ใบหม่อน ขยับเข้าใกล้ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ ก็เลยถูกเขาหันมากอดเธอล้มลงไปบนเตียงตามเดิม แล้วก็ระดมจูบอย่างเอาเป็นเอาตาย จนใบหม่อนผลักไสไม่ทัน
แต่เหมือนกับสวรรค์จะปกป้องใบหม่อนเอาไว้ได้ทัน เมื่อมีเสียงมือถือของวรเมธดังขึ้น แม้ครั้งแรกเขาจะไม่สนใจ แต่เมื่อยังคงมีเสียงเรียกเข้ามาไม่ยอมหยุด เขาจึงต้องหันไปมองมือถืออย่างหงุดหงิด เขานึกโมโหคนที่โทรมา แต่พอนึกได้ว่าบางทีอาจจะเป็นภรรยาของเขาจึงรีบลุกขึ้น
“รอเดี๋ยวนะใบหม่อน”
เขาถอนจูบจากใบหม่อนด้วยความเสียดาย ทั้งที่กำลังจะทำให้หญิงสาวอ่อนระทวยโอนอ่อนผ่อนตามเขาได้แล้ว
วรเมธ เดินอย่างหัวเสียไปคว้าโทรศัพท์มือถือมาดู พอเห็นว่าเป็นเบอร์โทรที่มาจากเครื่องของกานดา เขาก็สะดุ้งโหยง หันไปมองใบหม่อนอย่างระแวง
