16. หวาดผวาอย่าได้เจอ
ใบหม่อน ตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนได้เวลาเลิกงานแล้ว จึงเก็บกระเป๋าเตรียมกลับที่พัก เธอไม่กล้าที่จะไปรอลิฟท์เหมือนเช่นทุกวัน เพราะกลัวว่าจะไปเจอผู้ช่วยฝ่ายบริหารคนใหม่เข้า ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าเขาจะเป็นคนเดียวกับผู้ชายคนที่เธอหวาดระแวงหรือไม่ แต่ก็ต้องระวังตัวเอาไว้ก่อน
“อ้าว..ใบหม่อนจะไปไหนจ๊ะ”
เสียงของลัดดาที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ใบหม่อนสะดุ้ง ในขณะที่กำลังจะเดินไปทางบันไดหนีไฟ
“กลับที่พักค่ะ” ใบหม่อนหันไปตอบยิ้มขวยเขิน
“กลับที่พัก แล้วทำไมถึงจะไปทางนั้นล่ะ อย่าบอกนะจ๊ะว่าจะเดินลงไป มันตั้งยี่สิบสี่ชั้นเชียวนะคงเดินขาลากแน่”
ลัดดาแซวเสียงขบขัน ใบหม่อนยิ้มเจื่อน ๆ
“เปล่าหรอกค่ะ กะว่าจะเดินออกกำลังขาสักสี่ห้าชั้น แล้วค่อยไปกดลิฟท์ค่ะ” ใบหม่อนบอก
“วันนี้หลินว่าจะพาใบหม่อนไปเลี้ยงมื้อเย็นอยู่พอดี..ว่างใช่ไหมจ๊ะ” ลัดดา มีสีหน้าเบิกบานสดใสอย่างเห็นได้ชัด
“เลี้ยงมื้อเย็นหรือคะ..เอ่อ..อย่าเลยค่ะ” ใบหม่อนเกรงใจ
“ไม่ได้หรอกจ๊ะ จำไม่ได้หรือว่าหลินเคยบอกว่าถ้าหลินได้รับเลือกเป็นเลขาคุณฐากูร จะเลี้ยงใบหม่อนน่ะ”
“อุ๊ย..นี่..คุณหลินได้เป็น..เลขาคุณฐากูรแล้วหรือคะ”
ใบหม่อน ถามเสียงตื่นเต้นแต่ก็เสียงสั่นด้วย
“ใช่...หลินทราบผลตอนใกล้จะเลิกงานนี่เอง คุณฐากูรตกลงเลือกหลินจ๊ะ หลินดีใจจนอยากจะร้องกรี๊ดแล้วล่ะ ที่เอาชนะยัยแพลนนั่นได้ ก็เลยอยากจะเลี้ยงข้าวใบหม่อนแบบเต็มที่ไปเลย ถ้าใบหม่อนไม่ไป หลินจะถือว่าไม่อยากจะแสดงความยินดีกับหลิน”
ลัดดาพูดให้ใบหม่อนปฏิเสธไม่ออก แต่ในใจของใบหม่อนก็อยากจะมีเพื่อนพูดคุยให้หายเครียดอยู่เหมือนกัน และที่สำคัญคือ ต้องการให้ตัวเองแน่ใจว่าฐากูรจะเป็นคนเดียวกับผู้ชายที่เธอมีสัมพันธ์ในคืนนั้นด้วยหรือไม่ ซึ่งคนที่จะทำให้ใบหม่อนได้ข้อมูลมา ก็คือ ลัดดา นี่เอง
“ตกลงค่ะ ใบหม่อนมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหลินอยู่พอดี”
“เรื่องอะไรหรือจ๊ะ” ลัดดาถามอย่างอารมณ์ดี
“เอ่อ..อ๋อ..เรื่องที่คุณหลินได้รับเลือกเป็นเลขาคุณฐากูรไงคะ”
“หลินจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเชียวล่ะ ว่าหลินเอาชนะยัย แพลนนั่นได้ยังไง”
ลัดดา เกี่ยวก้อยพาใบหม่อนลงลิฟท์ไปข้างล่างเพื่อไปยังลานจอดรถอย่างมีความสุข
เมื่อเข้ามานั่งในรถกันแล้ว ลัดดาก็เริ่มเล่าให้ใบหม่อนฟังเป็นฉาก ๆ ส่วนใหญ่ก็จะกล่าวชื่นชมความหล่อความฉลาดของฐากูรจนใบหม่อนได้โอกาสเอ่ยถามลัดดาขึ้นในตอนหนึ่งว่า
“คุณฐากูรชื่อเล่นว่าอะไรหรือคะคุณหลิน”
“อุ๊ยตาย..ขอบใจนะจ๊ะใบหม่อนที่ถามเรื่องนี้ หลินก็มัวแต่ปลื้มคุณฐากูร จนลืมถามชื่อเล่นเขาไปเลย เอาไว้พรุ่งนี้หลินจะต้องถามเขาแน่นอนจ๊ะ แล้วหลินจะมาบอกนะว่าเขาชื่อเล่นว่าอะไร แต่คนหล่อ ๆ อย่างเขาจะชื่ออะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
“คุณหลินดูจะชอบคุณฐากูรมากเลยนะคะ”
“ผู้หญิงคนไหนไม่ชอบเขาก็บ้าแล้ว คนอะไร้หล่อไม่มีที่ติ คอยดูนะ หลินจะต้องทำให้เขาสนใจหลินให้ได้ ถ้าเมื่อไหร่หลินได้เป็นแฟนกับคุณฐากูร หลินจะเลี้ยงใบหม่อนแบบไม่อั้นเลยคอยดู”
“ถ้าเขาเป็นคนเจ้าชู้ล่ะคะ..แบบว่าชอบเที่ยวกลางคืน มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นน่ะค่ะ คุณหลินจะรับได้หรือคะ” ใบหม่อน อดถามเรื่องนี้ไม่ได้
“ทำไมจะรับไม่ได้จ๊ะ หลินก็ไปเที่ยวกลางคืนออกจะบ่อย เผลอ ๆ หลินก็จะชวนเขาไปด้วยซะเลย”
ลัดดาตอบเสียงกลั้วหัวเราะ ใบหม่อน แอบกลืนน้ำลายด้วยความหวั่นใจ แต่สิ่งที่ทำให้หวาดผวาจนเหงื่อออก ก็คือประโยคต่อมาของลัดดาที่บอกว่า
“ใบหม่อนจะได้เห็นตัวจริงของคุณฐากูรแน่นอน เพราะพรุ่งนี้ เขาจะให้หลินพาไปแนะนำให้รู้จักกับหัวหน้าแผนกต่าง ๆ รวมทั้งแผนกวัตถุโบราณ อุ๊ย..แผนกธุรการของอาจารย์ป้า ๆ ด้วยจ๊ะ”
“อะไรนะคะ..พรุ่งนี้คุณฐากูรจะลงไปที่แผนกของใบหม่อนด้วยหรือคะ” ใบหม่อน เผลอแสดงความตกใจ
“ใช่จ๊ะ..ตื่นเต้นล่ะสิ ใบหม่อนอย่าหลงรักคุณฐากูรของหลินก็แล้วกัน คนนี้หลินจองแล้วนะจ๊ะ”
ลัดดาพูดกระเซ้าเย้าแหย่ โดยไม่ได้สังเกตใบหน้าที่ซีดเผือดของใบหม่อนที่แทบจะเป็นลมอยู่แล้ว
...
ฐากูร เปิดประตูรถเข้าไปก็อดหันไปมองกระเป๋าสะพายสีดำที่อยู่เบาะหลังรถไม่ได้ มันทำให้เขานึกถึงเจ้าของกระเป๋าด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจตัวเอง
หลายวันมาแล้วที่เขายังคงสงสัยอยากจะรู้ความเป็นไปของใบหม่อน มันช่างแปลกเสียจริงที่ผู้หญิงคนนั้นไม่สนใจไยดีที่จะตามหากระเป๋าของเธอเลย อย่างน้อยก็น่าจะติดต่อถามไถ่ไปที่ธัญญาเพื่อนของเธอบ้าง ให้ติดต่อทินกรหาเขาเพื่อคืนกระเป๋าให้ไป แต่นี่เธอกลับเงียบหายไปราวกับไม่มีตัวตน ผิดกับผู้หญิงหลายคนที่เขามีสัมพันธ์ด้วยเพียงครั้งเดียวก็จะขอเบอร์โทร หรือขอติดต่อกับเขาในครั้งต่อไป เพียงแต่เขาเป็นฝ่ายเล่นตัวไม่เข้าไปผูกพันเกินสองสามครั้งเท่านั้นเอง
แต่ผู้หญิงที่ชื่อใบหม่อน ชักจะทำให้เขาเริ่มไม่มั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง ฐากูรพยายามที่จะไม่ใส่ใจเรื่องผู้หญิงคนนั้น แต่ภาพในคืนวันนั้นก็ทำให้เขาลืมไม่ลงจริง ๆ โดยเฉพาะปริศนาหยดเลือดนั้น มันกระตุกหัวใจเขาได้ทุกครั้ง ประกอบกับพฤติกรรมของใบหม่อนที่มีสัมพันธ์กับเขามันยิ่งเพิ่มความพิศวงให้กับเขาไม่น้อยเช่นกัน
หากเขาคือผู้ชายคนแรกของใบหม่อน ทำไมเธอจึงยอมเลือกเสียพรหมจรรย์ให้กับเขา คนที่เธอไม่รู้จักมาก่อน ยิ่งคิดก็ยิ่งงง
“จะไปสนใจเรื่องไร้สาระนี้ทำไมวะ ทำยังกะไม่เคยนอนกับผู้หญิง บ้าจริง ๆ เลยเรา”
ฐากูร บอกกับตัวเองก่อนจะสตาร์ทรถขับออกจากบริษัทไปยังที่นัดหมาย เขานัดทินกร กับเพื่อน ๆ เอาไว้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวที่ทำงานของทินกร
เมื่อไปถึงเพื่อน ๆ ต่างก็นั่งดื่มรออยู่แล้ว พอเห็นฐากูรมาก็เริ่มสั่งอาหารมาจนเต็มโต๊ะ
“วันนี้ดื่มมากไม่ได้น่ะโว้ย พรุ่งนี้ต้องทำงาน”
คเณศ บอกเพื่อน ๆ เอาไว้ก่อน
“แกจะพูดให้เสียอารมณ์ทำไมวะเจ้าเค ใคร ๆ ก็ต้องทำงานทั้งนั้นแหละ” ปวัฒน์ พูดขัดคอเพื่อน
“ ใช่..แม้แต่ฉันเองก็เพิ่งเริ่มงานวันนี้วันแรก พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำความรู้จักกับบรรดาหัวหน้าแผนกต่าง ๆ ด้วย”
ฐากูรเริ่มเล่าให้เพื่อน ๆ ได้รับรู้ว่าเขาได้เริ่มต้นการทำงานที่บริษัทของครอบครัวแล้ว
“ที่นัดวันนี้ก็เพราะจะฉลองต้อนรับการทำงานวันแรกให้แกไงล่ะ ตั้ม” ทินกรบอกยิ้ม ๆ
“หาเรื่องกินตลอดแหละแก” คเณศ ต่อว่าเป็นการหยอกล้ออุ่นเครื่อง
“แล้วตกลงแกเลือกใครเป็นเลขาวะ” ทินกร ถามด้วยความอยากรู้
“คุณลัดดา ชื่อเล่นหลิน เพราะฉันเห็นว่าเธอดูคล่องแคล่วดี แต่ก็เสียดายคุณพัชรีที่แผนกประชาสัมพันธ์เหมือนกัน”
“สวยหรือเปล่าวะ” ปวัฒน์ ถามหยอกล้อขำ ๆ
“ไม่สวยเซ็กซี่มีหรือเจ้าตั้มมันจะเอา” ทินกรแซว
“เฮ้ย!..พูดให้มันดี ๆ เจ้ากร ฉันไม่ได้เอาเลขานะแก ฉันเลือกเลขามาทำงานโว้ย” ฐากูรติงเพื่อนเสียงขบขัน
“ฉันจะคอยดูว่าแกจะฟันเลขานั่นตั้งแต่เดือนแรกเลยไหม” คเณศ พูดหยอกล้อบ้าง
“พวกแกเห็นฉันเป็นคนหื่นขนาดนั้นเลยหรือไงวะ ที่เห็นผู้หญิงสวยเซ็กซี่แล้วต้องพาขึ้นเตียงทุกราย” ฐากูรส่ายหัวยิ้ม ๆ
“หื่นไม่หื่นคืนนั้นแกก็ฟันเพื่อนยัยมีมี่ไปเรียบร้อยในวันแรกที่รู้จักกันไปแล้วไม่ใช่หรือวะ” ปวัฒน์แซว
“นั่นมันรู้จักกันในผับโว้ย” ฐากูร ตอบเสียงเข้ม
“เป็นไงบ้างวะ เพื่อนใหม่ยัยมีมี่ที่ชื่อน้องใบหม่อน ร้อนแรงดีหรือเปล่าไอ้เสือ” คเณศแกล้งยื่นหน้าไปถามเสียงกระเส่า
“ดีหรือไม่ดีก็ทำเอาเจ้าตั้มมันอยากจะติดต่อเป็นครั้งที่สองแหละ” ทินกร เป็นคนตอบแทนเพื่อน
“จริงหรือวะตั้ม..นี่แกติดใจใบหม่อนแล้วเหรอ ปกติมีแต่ผู้หญิงเป็นฝ่ายขอติดต่อแกไม่ใช่หรือวะ”
“ฉันไม่ได้ติดใจโว้ย..แค่อยากจะติดต่อมีมี่ เพื่อให้ไปบอกยัยเด็กใบหม่อนนั่น มารับกระเป๋าที่ลืมไว้ในรถของฉันก็เท่านั้นเอง”
“ใบหม่อนลืมกระเป๋าไว้ที่รถแกเหรอ”
ปวัฒน์ มีอาการหน้าแตกเล็กน้อยที่เดาผิดคิดว่าเพื่อนติดใจอยากจะสานสัมพันธ์กับใบหม่อนต่อ
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันถึงได้ขอเบอร์มีมี่กับนายกรมันไงล่ะ เพื่อจะบอกให้มี่มี่ไปส่งข่าวให้เพื่อนของเธอมารับกระเป๋าคืนไปสักที”
“ฉันว่ายัยใบหม่อนคงจะแกล้งลืมกระเป๋าเอาไว้ให้แกคิดถึงก็ได้ อาจจะติดใจเสน่ห์แกเหมือนพวกสาว ๆ หลายคนที่จ้องจะจับแกนั่นแหละ ตามให้ทันกลยุทธ์สาวน้อยล่ะกัน”
คเณศ กล่าวเตือนแบบหยอกล้อ
“ถ้าเธอจ้องจะจับฉัน ป่านนี้คงจะติดต่อโทรมาขอกระเป๋าคืนแล้วล่ะ ไม่น่าจะปล่อยเวลาไว้แบบนี้” ฐากูรว่า
“แล้วแกให้เบอร์มือถือใบหม่อนไปแล้วหรือไงล่ะ เขาถึงจะได้ติดต่อแกมา” ทินกรถาม
“เปล่า..แต่เขาก็น่าจะติดต่อผ่านมีมี่มาได้นี่นา มีมี่ก็มีเบอร์ของแกอยู่ไม่ใช่หรือกร” ฐากูรหันไปถามทินกร
“มี..แต่ฉันจะโทรเท่าที่จำเป็น ฉันไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของมีมี่หรอก มันต้องรู้จักกฏระเบียบของการเป็นกิ๊กโว้ย” ทินกรบอก
“แต่ฉันอยากจะให้แกโทรหามีมี่ให้เดี๋ยวนี้เลย เพราะฉันติดต่อมีมี่ไม่ได้เลย” ฐากูร มองหน้าทินกร
“เสียใจด้วยว่ะเพื่อน ยัยมีมี่โทรบอกฉันเมื่อสองสามวันก่อนบอกว่าช่วงนี้อย่าโทรหา เพราะเธอจะไปเนเธอร์แลนด์กับผัวแก่ ได้ยินว่าไปเป็นเดือนเชียวนะโว้ย” ทินกรเล่าให้ฟัง
“มีมี่ไปเที่ยวเป็นเดือนเลยเหรอ งั้นฉันก็ต้องเก็บกระเป๋าของใบหม่อนเอาไว้อีกเป็นเดือนน่ะสิ” ฐากูรว่า
“แล้วแกจะเดือดร้อนทำไมวะ เจ้าของกระเป๋าเขาก็ไม่ได้ต้องการมันแล้วไม่ใช่หรือ”
ปวัฒน์ ติง ทำให้ฐากูรไม่พูดอะไรออกมา หันไปชักชวนทุกคนดื่ม แล้วก็พูดคุยในเรื่องอื่นต่อไปเพื่อจะได้ไม่ต้องพาดพิงไปถึงเจ้าของกระเป๋าอีก
...
ลัดดา มาถึงที่ทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ เธอตื่นเต้นกับการที่ได้เป็นเลขาหน้าห้องของฐากูร
เมื่อคืนนี้ลัดดาแทบจะไม่ได้หลับได้นอนเพราะมัวแต่เลือกชุดที่จะใส่มาทำงานในวันนี้ เธอลองสวมชุดโน้นชุดนี้ เอียงซ้ายเอียงขวามองตัวเองในกระจกเพื่อเลือกชุดที่จะทำให้เธอสวยที่สุดดูดีที่สุด กว่าจะมาลงตัวที่ชุดเสื้อคอกว้าง กระโปรงสั้นแบบสุ่มไก่นี้ได้ ก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน แต่ก็ตื่นตีห้าเพื่อลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวทำผมแต่งหน้าแบบสุดฤทธิ์ เพื่อให้ตัวเองดูสวยเด่นสะดุดตาฐากูรให้มากที่สุด
ลัดดาได้แต่หวังว่าความใกล้ชิดจะทำให้เธอพิชิตหัวใจผู้ช่วยฝ่ายบริหารสุดหล่อพ่อรวยคนนี้ได้
โต๊ะทำงานของลัดดาอยู่หน้าห้องของฐากูร เธอนั่งกัดแซนวิชเคี้ยวตุ้ย ๆ เป็นอาหารเช้าอยู่ตรงนั้นโดยไม่คิดที่จะลงไปรับประทานอาหารเช้าเหมือนที่เคย ด้วยเกรงว่าฐากูรเข้ามาแล้วจะไม่เห็นเลขาหน้าห้อง นั่งรอรับอยู่ ลัดดาเตรียมตัวที่จะพบหน้าเจ้านายหนุ่มอย่างเต็มที่
“อุ๊ย..ต๊าย..คุณหลิน มานั่งกินอาหารเช้าอยู่นี่เอง มาถึงตั้งแต่ไก่โห่เลยหรือคะเนี่ย”
เสียงกล่าวทักทายที่ฟังดูพิลึกหูแต่เช้า ทำเอาแซนวิชติดคอไปได้เหมือนกัน ลัดดาหันไปมองหน้าคนเข้ามาทักทายด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะพอใจนัก แต่ก็ยังอุตส่าห์ฉีกยิ้มส่งให้กับพัชรี ที่มาในชุดแส็กรัดรูปสีแดงแปร๊ดจนแสบตา
“แล้วคุณแพลนล่ะคะ ขึ้นมาทำอะไรที่ชั้นยี่สิบห้านี่ล่ะคะ ที่ทำงานของคุณแพลนอยู่ชั้นยี่สิบสี่ไม่ใช่หรือคะ”
ลัดดา ถามแบบเหน็บแนมให้คนฟังเจ็บ ๆ คัน ๆ ที่ใจได้พอดู
“มีกฎข้อห้ามไม่ให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ขึ้นมาที่ฝ่ายบริหารได้ด้วยหรือคะ บริษัทของเราอยู่ชั้นยี่สิบสี่กับชั้นยี่สิบห้า ใครจะขึ้นจะลงก็ย่อมได้ไม่ใช่หรือคะ ในเมื่อเป็นบริษัทเดียวกัน”
พัชรีก็เหน็บกลับไปเช่นกัน เธอรู้สึกอิจฉาลัดดาที่ได้รับเลือกเป็นเลขาของฐากูร ทั้งที่พัชรีก็เป็นตัวเต็งคนหนึ่งเหมือนกันที่เกือบจะได้รับเลือกอยู่แล้ว
“หลินก็ไม่ได้บอกว่ามีกฎข้อห้ามนี่คะ เพียงแต่สงสัยว่าทำไมคุณแพลนถึงได้ขึ้นมาแถวนี้ในเวลาที่ยังไม่เริ่มทำงานแบบนี้น่ะค่ะ หรือว่า..จะมาอ่อย..เอ๊ย..มาดูใครหรือคะ”
ลัดดา แกล้งทำเสียงสูงพูดผิดใส่พัชรีจนอีกฝ่ายหน้าแดงด้วยความไม่พอใจ
“เมื่อกี้คุณหลินหาว่าแพลนมาอ่อยใครหรือคะ” พัชรีถามด้วยดวงตาวาววับ
“อุ๊ย..หลินไม่ได้พูดว่าอ่อยนะคะ” ลัดดาทำหน้าเหยียดยิ้ม
“แต่เมื่อกี้แพลนได้ยินค่ะ ถ้าแพลนคิดจะอ่อยใครล่ะก็ ป่านนี้แพลน คงได้เป็นเลขาหน้าห้องไปแล้วล่ะค่ะ”
พัชรี พูดจบก็รีบเดินออกไปทันที ลัดดาเม้มปากค้อนขวับด้วยความหมั่นไส้
“หน็อย..ยัยแพลน หาว่าฉันอ่อยคุณฐากูรจนได้เป็นเลขาหรือไง..หล่อนสู้ฉันไม่ได้ก็เลยอิจฉาล่ะซี้..แล้วที่หล่อนเสนอหน้าขึ้นมาแถวนี้ก็คงกะจะมาให้ท่าคุณฐากูร คิดว่าฉันไม่รู้ทันหล่อนหรือไงยะ”
ลัดดา เข่นเขี้ยวตามหลัง เธอกัดแซนวิชเคี้ยวหนุบหนับระบายความหงุดหงิดก่อนจะหยิบหลอดดูดน้ำอย่างไม่สบอารมณ์ เป็นเวลาเดียวกับที่ฐากูรกำลังเดินเข้ามาพอดี ลัดดาแทบจะสำลักน้ำ รีบเปลี่ยนสีหน้าบึ้งตึงมาเป็นยิ้มแย้มแทบไม่ทัน
