15. ตกใจที่ได้รู้
“ลูกไปกินเหล้าเมายาในผับกับผู้ชายคนที่เก็บมือถือไว้ใช่ไหมแม่โทรเข้ามือถือลูกแล้วมีคนรับสายบอกมา”
นางพิมล โทร.มาที่ห้องพักในคอนโดของลูกสาวด้วยความร้อนใจ
ใบหม่อนจำต้องปฏิเสธเสียงแข็ง แล้วก็โกหกมารดาไปว่าโทรศัพท์ของเธอถูกขโมยไป คาดว่าจะมีคนนำไปใช้ นางพิมลเชื่อใจจึงเชื่อเต็มร้อยว่าลูกสาวจะไม่มีวันทำตัวเหลวไหลไปดื่มเหล้าเมายาจนขาดสติอย่างแน่นอน ใบหม่อนยังเสียใจไม่หายที่ได้ทำในสิ่งที่น่าละอายของลูกผู้หญิงที่แม่พร่ำสอนมาตลอด
“ถ้าลูกยืนยันแบบนี้ แม่ก็ค่อยสบายใจหน่อย งั้นก็โทรไปขอมือถือคืนจากผู้ชายที่เก็บได้ก็แล้วกัน” มารดาแนะนำ
“ไม่เอาแล้วล่ะแม่” ใบหม่อนรีบตอบทันควัน
“ทำไมล่ะ ลูกไม่อยากได้มือถือคืนหรือไง”
“ไม่อยากได้แล้วล่ะแม่ มือถือเครื่องนั้นมันเก่ามากแล้ว ว่าจะเปลี่ยนใหม่อยู่พอดี อีกอย่างหนูก็จะยกเลิกเบอร์เก่าไปเลย”
“จะเปลี่ยนเบอร์ใหม่ทำไมล่ะ” มารดาทักท้วง
“เบอร์ใหม่ไปดูดวงมาจ๊ะแม่ เผื่อหนูจะดวงดีขึ้นมาบ้าง ทำตามที่หมอดูทักจ๊ะ”
ใบหม่อนไม่ยอมบอกเหตุผลที่แท้จริงว่าเป็นเพราะไม่อยากจะให้ธัญญา ติดต่อกับเธออีกแล้ว เช่นเดียวกับที่จะไม่ขอเกี่ยวข้องหรือพบกับผู้ชายที่ชื่อตั้มอีกต่อไป ใบหม่อนมั่นใจว่าคนรับสายที่มารดาโทรเข้ามือถือของเธอก็คือฐากูร ผู้ชายที่พาเธอไปนอนกับเขานั่นเอง และเขาคงจะเห็นกระเป๋าของเธอที่ตกอยู่ในรถของเขาแล้ว
ดังนั้น ต่อให้ฐากูร อยากจะคืนกระเป๋าหรือมือถือให้ก็ตาม ใบหม่อนก็ไม่ต้องการแล้ว เธออับอายที่จะต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้น แม้เพียงแค่นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ยังรู้สึกหน้าชาทุกครั้ง
“งั้นถ้าได้เบอร์ใหม่แล้วก็โทรบอกแม่ก็แล้วกัน” นางพิมลบอกกับลูกสาว
“จ๊ะแม่..แล้วพ่อกับใบไผ่ สบายดีไหมจ๊ะ”
ใบหม่อน ถามหาน้องชายเพียงคนเดียวเพื่อไม่ให้มารดาได้ซักถามเรื่องอื่น
“เจ้าใบไผ่สบายดี นี่ก็ออกไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อน ๆ แล้ว ส่วนพ่อแกก็บ่นปวดท้องบ่อย ๆ แต่ก็ไม่ยอมไปหาหมอสักที สิ้นเดือนนี้ แม่จะบังคับพ่อให้ไปตรวจเสียหน่อย”
“ดีจ๊ะ..หนูเป็นห่วงพ่อกับแม่นะจ๊ะ เอาไว้หนูทำงานได้โบนัสแล้ว จะกลับไปเยี่ยมบ้านนะจ๊ะแม่”
“ลูกเพิ่งทำงานได้ไม่นานจะได้โบนัสกับเขาด้วยหรือ”
“น่าจะได้ตอนปลายปีน่ะจ๊ะ”
“อยู่กรุงเทพฯ ก็รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะลูก ถึงจะเรียนจบมีงานทำแล้ว แต่ก็ต้องทำตัวให้ดี อย่าไปหลงฟุ้งเฟ้อไปกับแสงสีนะลูก โดยเฉพาะเรื่องผู้ชาย ให้ดูดี ๆ อย่าเพิ่งไปยอมเสียเนื้อเสียตัวแอบอยู่กินด้วยกันก่อนแต่งงานล่ะ ผู้ชายน่ะพอได้แล้วก็ไม่เห็นคุณค่าเราหรอกนะลูก เราต้องรู้จักคุณค่าในตัวเองนะลูก”
คำสอนของแม่ทำให้ใบหม่อนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ถ้าแม่รู้ว่าคำสอนนั้นสายไปแล้ว ใบหม่อนได้ทำลายความไว้วางใจที่พ่อแม่มีต่อเธอเสียแล้ว ยิ่งคิดใบหม่อนก็ยิ่งเศร้าเสียใจจนต้องรีบพูดตัดบทเพื่อไม่ให้มารดาจับได้ว่าเธอกำลังจะร้องไห้
เมื่อมารดาวางสายไปแล้วก็นอนร้องไห้อย่างสุดที่จะกลั้นต่อไปได้
วันนี้ ใบหม่อนต้องฝืนปั้นหน้ายิ้มแย้มไปทำงาน เพื่อไม่ให้พวกป้า ๆ ในแผนกผิดสังเกต แม้ไม่มีใครรู้ว่าใบหม่อนไปทำผิดอะไรมา แต่ก็รู้สึกละอายใจ เหมือนมีความผิดติดอยู่ในใจตลอดเวลา เธอก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่จะลืมมันไปได้โดยเฉพาะรอยมลทินที่เธอต้องเสียตัวให้กับชายแปลกหน้าที่ชื่อตั้มคนนั้น
...
เช้าวันต้นเดือนที่ออฟฟิศของใบหม่อน ดูทุกคนมีสีหน้าแช่มชื่นเบิกบานกันน่าดู โดยเฉพาะสาว ๆ ที่รู้ว่าวันนี้ เป็นวันที่ผู้ช่วยฝ่ายบริหารคนใหม่จะเข้ามาทำงานเป็นวันแรก ใบหม่อนจึงได้เห็นสาว ๆ แต่งตัวกันสวยเซ็กซี่เป็นพิเศษ โดยเฉพาะลัดดากับพัชรี ที่แต่งตัวมาประชันกันชนิดไม่มีใครยอมใคร
“ท่าทางยัยหลินกับยัยแพลน คงจะแข่งกันน่าดู ได้ข่าวว่าสองคนนี้เป็นตัวเต็งที่คุณฐากูรจะเรียกไปสัมภาษณ์วันนี้ด้วยนะ”
เสียงของจิตนาถเล่าให้บรรดาลูกน้องในแผนกได้รับทราบกันถ้วนหน้า ใบหม่อนรับฟังอย่างเงียบ ๆ เวลานี้เธอพยายามที่จะตั้งใจจดจ่ออยู่กับงาน เพื่อให้ลืมเรื่องราวความเลวร้ายในสิ่งที่เธอได้สูญเสียความสาวไปในคืนที่ไปเที่ยวสถานบันเทิง
ใบหม่อนได้แต่หวังว่า เวลาจะช่วยรักษาสภาพจิตใจของเธอให้ดีขึ้นได้ หลังจากที่เธอยกเลิกเบอร์มือถือเดิม แล้วก็เปลี่ยนเบอร์ใหม่เพื่อไม่ให้ธัญญาติดต่อกับเธอได้อีก เพราะเธอเชื่อว่าถ้ายังคงคบหาอยู่กับธัญญาต่อไป ชีวิตของเธอก็คงจะมีแต่เปลืองตัวมั่วเซ็กส์เพราะธัญญา ก็คงจะนัดพบผู้ชายคนนั้นให้กับใบหม่อนอีก หรืออาจจะเป็นผู้ชายหน้าใหม่แบบไม่ซ้ำหน้าอีกก็เป็นได้
ใบหม่อน ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไร้ยางอายจะได้พบหน้ากับผู้ชายคนนั้นได้อีกโดยไม่ได้รู้สึกอะไร ดังนั้น ทางที่ดีก็คือหลีกให้พ้นไปจากแวดวงของธัญญาเท่านั้น แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็น เธอจะขออยู่กับพวกป้า ๆ ในแผนก ถึงแม้จะถูกใครต่อใครล้อเลียนว่าเป็นแผนกวัตถุโบราณหรือขึ้นคานก็ตาม แต่นั่นมันก็ทำให้ใบหม่อน รู้สึกอบอุ่นใจเหมือนได้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยมากกว่า
“ได้เห็นภาพคุณฐากูรในเวปไซต์ของบริษัทแล้วใช่ไหม”
จิตนาถ เอ่ยถามลูกน้อง ทั้งสามสาวใหญ่ต่างก็ตอบว่าได้ดูกันหมดแล้ว ยกเว้นใบหม่อน
“แล้วใบหม่อนล่ะ”
จิตนาถ หันไปถามลูกน้องรุ่นลูกที่เป็นพนักงานใหม่
“ยังไม่มีเวลาดูเลยค่ะ”
ใบหม่อนตอบตามตรง แม้ชีวิตจะทำงานวุ่นวายอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ก็ยุ่งอยู่กับงานของบริษัท ถ้าไม่ช่วยแผนกอื่นแก้ไขข้อมูลต่าง ๆ ก็ต้องทำงานด้านเอกสารให้กับแผนกต่าง ๆ ที่มีใบสั่งงานเข้ามาให้แผนกธุรการทำอยู่ทุกวัน ไม่มีเวลาเข้าไปดูภาพผู้ช่วยฝ่ายบริหารคนใหม่เหมือนกับคนอื่น ๆ
“งั้นก็รีบเปิดเข้าไปดูเลยนะใบหม่อน เดี๋ยวเกิดไปเจอคุณฐากูรแล้วไม่รู้จัก ไม่ยกมือไหว้ มันเสียมารยาทมาถึงแผนกของเราเลยนะ”
จิตนาถ สั่งการเสร็จก็เดินออกจากห้องไป
“ดูหน้าตาคุณฐากูรเอาไว้เถอะใบหม่อน ถึงเขาจะทำงานอยู่ชั้นบน แต่ก็ไม่แน่ว่าคุณฐากูรอาจจะเดินลงมาเยี่ยมเยียนแผนกต่าง ๆ ที่ชั้นล่างก็ได้”
ปัทมา หันมาบอกอย่างหวังดี
ใบหม่อน จึงเปิดเข้าไปเวปไซต์ของบริษัท เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าผู้ช่วยฝ่ายบริหารคนใหม่ที่ชื่อฐากูรนั้น จะหล่อเหลาบาดตาบาดใจขนาดไหน ถึงได้ทำให้พวกสาว ๆ ในออฟฟิศกรี๊ดกร๊าดคลั่งไคล้กันตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นตัวจริงแบบนั้น
ภาพหน้าเวปไซต์ปรากฏขึ้น มีมุมข่าวสารล่าสุดต้อนรับผู้ช่วยฝ่ายบริหารคนใหม่ ใบหม่อน คลิกเข้าไปดู เพียงแค่ไม่ถึงนาทีก็ปรากฏภาพของผู้ชายหน้าตาดีขึ้นมาให้เห็นพร้อมกับประวัติการศึกษา
ใบหม่อน ถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ คิดว่าตัวเองอาจจะจำภาพติดตาติดใจที่ยังลบไปไม่ได้ จึงมองภาพฐากูรที่เป็นผู้ช่วยฝ่ายบริหารคนใหม่นี้ มีหน้าตาคล้ายกับผู้ชายชื่อตั้ม คนที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งในคืนเที่ยวผับนั้น แต่ยิ่งจ้องก็ยิ่งรู้สึกตัวเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะไปจรดปลายเท้า ก่อนที่จะรู้สึกถึงระบบการหายใจติดขัดเหมือนหายใจไม่ออก เหงื่อซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ไม่..เป็นไปไม่ได้”
ใบหม่อน บอกกับตัวเองด้วยความร้อนรนใจใบหน้าร้อนผ่าวราวกำลังจะเป็นไข้
“อึ้งความหล่อคุณฐากูรอยู่หรือจ๊ะใบหม่อน ถ้าอยากจะกรี๊ดเหมือนคนอื่น ก็กรี๊ดออกมาได้นะจ๊ะ”
พัชรี ส่งเสียงแซวเดินเข้ามายืนข้าง ๆ โดยที่ใบหม่อนไม่ได้รับรู้ว่าพัชรีผลักประตูห้องธุรการเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะใบหม่อนกำลังตกตะลึงกับภาพฐากูรที่ได้เห็นอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้ตกตะลึงนั้น หาใช่เรื่องความหล่อของเขาแต่อย่างใดไม่ หากแต่เป็นเรื่องที่น่าอาย อัปยศอดสูของตัวเองที่ได้ไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้ต่างหาก
“อุ๊ย..คุณแพลน..มีอะไรหรือคะ”
ใบหม่อน รีบหันมาถามพัชรีด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ
“แพลนเอาขนมมาฝากทุกคนค่ะ อันนี้ของใบหม่อนจ๊ะ”
พัชรีบอกพร้อมกับวางกล่องขนมปังสังขยาให้ ใบหม่อนหันไปมองก็เห็นมีกล่องแบบเดียวกันนี้อยู่บนโต๊ะของทุกคน ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้พัชรีถึงได้ใจดีเอาขนมมาฝากทุกคนได้
“ขอบคุณมากค่ะคุณแพลน”
ใบหม่อน ยกมือไหว้พัชรีที่เป็นเพื่อนร่วมงานต่างแผนกรุ่นพี่
“ใบหม่อนว่าคุณฐากูรหล่อไหม”
พัชรี ก้มหน้ามากระซิบถามด้วยเกรงว่าสามสาวใหญ่ที่นั่งโต๊ะถัด ๆ ไปจะได้ยินด้วย
“ก็..โอเคค่ะ” ใบหม่อนตอบแบบไม่เต็มเสียง
“ต๊าย..แค่โอเคหรือจ๊ะ ใคร ๆ ก็ลงมติกันว่าหล่อขั้นเทพเชียวนะใบหม่อน”
พัชรีหัวเราะขบขัน เธอไม่ถือว่าใบหม่อนเป็นคู่แข่งจึงไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าแค่ขอความเห็นเท่านั้นเอง เพราะพัชรีคิดว่าคนอย่างใบหม่อนนั้นไม่มีอะไรที่จะเทียบกับคนอย่างเธอได้จึงไม่คิดอิจฉาแม้แต่น้อย
“เหรอคะ” ใบหม่อนไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้
“เดี๋ยวสิบโมงวันนี้ แพลนก็จะขึ้นไปพบกับคุณฐากูรแล้วจ๊ะ ใบหม่อนรู้หรือยังว่าแพลนได้รับการคัดเลือกเป็นเลขาคุณฐากูร จากผู้ที่ยื่นใบสมัครทั้งหมดเจ็ดคน”
พัชรี บอกด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“คุณแพลนได้เป็นเลขาคุณ..ฐากูรแล้วหรือคะ..ยินดีด้วยค่ะ”
ใบหม่อน ยิ้มแสดงความยินดีด้วย
“ยังไม่ถึงขั้นได้รับเลือกให้เป็นหรอกจ๊ะ แต่ก็เกือบ ๆ น่ะ” พัชรียิ้มขวยเขิน
“ยังไงหรือคะ” ใบหม่อนทำหน้างง ๆ
“คืออย่างนี้ค่ะ คุณฐากูรคัดเลือกคนที่จะเข้าสัมภาษณ์เอาไว้สองคน และหนึ่งในนั้นก็คือแพลน ส่วนอีกคนก็..ยัย..เอ๊ย..คุณหลิน”
“อ๋อ..วันนี้คุณแพลนก็เลยจะเข้าไปรับการสัมภาษณ์ตอนสิบโมงใช่ไหมคะ” ใบหม่อนเริ่มพอจะเข้าใจ
“ใช่แล้ว..แพลนถึงได้เอาขนมมาฝากทุกคนไงคะ จะได้เป็นกำลังใจให้แพลนกันน่ะค่ะ เมื่อเช้านี้ก็ไปทำบุญใส่บาตรด้วย แพลนอธิษฐานให้ผลบุญช่วยเกื้อหนุนให้ได้รับเลือกเป็นเลขาคุณฐากูร”
ใบหม่อน พยักหน้ายิ้ม เข้าใจถึงเหตุผลที่พัชรีเอาขนมมาฝากทุกคนในแผนกธุรการ ที่แท้ก็อยากจะทำบุญเพื่อหวังให้ได้รับเลือกเป็นเลขานี่เอง แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ใบหม่อนก็ยินดีรับขนมของฝากนี้อยู่แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็ขออวยพรให้คุณแพลนได้รับเลือกนะคะ” ใบหม่อน ส่งยิ้มอวยพร
“อุ๊ย..ขอบคุณจ้า แต่ใบหม่อนคงจะไม่อวยพรให้คุณหลินได้ด้วยหรอกนะคะ”
พัชรีพูดคำนี้เพราะเห็นว่าใบหม่อนสนิทสนมกับลัดดา จึงเกรงว่าใบหม่อนจะลุ้นลัดดามากกว่าตนนั่นเอง
“เอาเป็นว่าใบหม่อนเอาใจช่วยทั้งคุณแพลนและคุณหลินก็แล้วกันนะคะ แต่ใบหม่อนเห็นท่าทางมั่นใจของคุณแพลนแล้ว บางทีคุณแพลนอาจจะได้รับเลือกก็ได้ค่ะ”
ใบหม่อนพูดให้กำลังใจคนฟัง
“ถ้าแพลนชนะคุณหลินล่ะก็ เย็นนี้ใบหม่อนเตรียมตัวไว้เลย แพลนจะพาไปเลี้ยงอาหารอิตาเลี่ยน”
พัชรีบอกเอาไว้ก่อนด้วยสีหน้าท่าทางที่มั่นใจ ก่อนจะขอตัวไปทำงาน
ใบหม่อน ทำงานที่ค้างอยู่ด้วยใจคอที่ไม่สู้จะดีนัก เวลานี้เธอเริ่มกลัดกลุ้มร้อนรุ่มด้วยหวาดหวั่นใจ ได้แต่สวดภาวนาในใจขออย่าให้ฐากูร เป็นผู้ชายคนเดียวกับคนที่มีอะไรกับใบหม่อนในคืนนั้นเลย
เธอพยายามรวบรวมสติไม่ให้คิดวิตกกังวล และคิดในแง่ดีเอาไว้ว่าถึงเขาจะเป็นคนเดียวกับผู้ชายคนนั้น เขาก็คงจะจำเธอไม่ได้อยู่ดี เพราะในคืนนั้น ใบหม่อนแต่งตัวเซ็กซี่ แล้วก็แต่งหน้าทาปากทำผมจนเป็นคนละคนกับตัวเธอในเวลาที่แต่งตัวมาทำงานตอนนี้
ใบหม่อน เก็บตัวทำงานอยู่แต่ในแผนกทั้งวัน แม้แต่อาหารกลางวันก็ยังรีบรับประทานอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้เข้ามาอยู่แต่ในห้องเพราะกลัวว่าจะไปเจอกับเจ้านายฝ่ายบริหารที่ชื่อฐากูรเข้าเวลานี้
ใบหม่อน หวาดระแวงจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คอยแต่จะมองไปที่ประตูกระจกอยู่เรื่อยว่าจะมีใครผลักเข้ามาบ้าง
“ใบหม่อนวันนี้เป็นอะไรน่ะ ไม่สบายหรือเปล่าพี่ว่าเราหน้าซีด ๆ นะ”
ปัทมา แสดงความห่วงใยกับพนักงานน้องใหม่ที่เธอเอ็นดูเป็นพิเศษ ซึ่งปัทมายังคงรักษาความลับเรื่องที่ใบหม่อนไปเที่ยวผับดื่มเหล้าจนกระเป๋าหาย ทำให้ใบหม่อนรู้สึกขอบคุณปัทมาที่ไม่เอาเรื่องนี้มาเล่าให้กับจิตนาถและคนอื่น ๆ ฟัง เธอจึงถือว่าปัทมา เป็นเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ที่ควรไว้วางใจในการปรึกษาปัญหาต่าง ๆได้ ยกเว้นความลับที่ใบหม่อน เสียตัวให้กับชายแปลกหน้าชื่อตั้มเท่านั้น ที่เธอจะต้องรักษาเป็นความลับสุดยอด
“ใบหม่อนรู้สึกปวดหัวนิดหน่อยค่ะ” เธอโกหกออกไป
“ทานยาหรือยัง เดี๋ยวพี่ไปเบิกยาให้นะ”
ปัทมา แสดงความห่วงใยจนใบหม่อนอยากจะกอดปัทมาเอาไว้เป็นที่พึ่งทางใจเหลือเกิน
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ปัด หนูคงเครียดไปหน่อย เดี๋ยวก็หายค่ะ” ใบหม่อนบอกอย่างเกรงใจ
“อย่าไปเครียด ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้นแหละ พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อเถอะ มันไม่ได้เร่งไม่ใช่หรือ”
อิงอร ได้ยินการสนทนาก็แสดงความเป็นห่วงเป็นใยอีกคน
“ใช่..ถ้าใครมาเร่ง เดี๋ยวพี่จะจัดการให้เอง”
รดา ออกหน้าแทน ทำให้ใบหม่อนซาบซึ้งใจกับทุกคนที่ดีต่อเธอ อีกทั้งยังรู้สึกแย่ที่ตัวเองได้ทำให้ทุกคนผิดหวังในความประพฤติ แม้พวกป้า ๆจะไม่ได้รู้ความจริงที่ทำให้ทุกข์ใจนี้ก็ตาม
