17. อะไรจะบังเอิญขนาดนี้
“สวัสดีค่ะ..คุณฐากูร”
ลัดดา รีบลุกขึ้นยืนกล่าวทักทายเจ้านายด้วยสายตาหวานฉ่ำ
“สวัสดีครับคุณหลิน ไม่คิดว่าคุณจะมาทำงานเช้าแบบนี้”
ฐากูร อยู่ในชุดสูทภูมิฐานดูมีเสน่ห์โดยเฉพาะรอยยิ้มกับแววตาของเขา
“คุณฐากูรก็มาเช้าเหมือนกันนะคะ”
“ผมกะว่าจะมาหาอะไรทานก่อนน่ะ ไม่ทราบว่าแถวบริษัทเรามีอาหารอร่อย ๆ บ้างหรือเปล่า” ฐากูรเอ่ยถาม
“อุ๊ย..มีเยอะค่ะ มีศูนย์อาหารอยู่ที่ชั้นเจ็ดค่ะ”
“ผมไม่อยากจะไปแย่งพนักงานที่ศูนย์อาหารหรอกครับ อยากได้เป็นร้านอาหารแถวใกล้ ๆ ตึกเรา”
“งั้นให้หลินพาไปก็ได้ค่ะ..หลินจะได้แนะนำร้านอร่อย” ลัดดารีบเสนอตัว
“ไม่เป็นครับ แค่แนะนำก็พอ ผมจะไปเซอร์เวย์เอง”
ฐากูร บอกพร้อมกับแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาท่าทางของเลขาสาวที่พยายามจะเปิดทางให้เขาเข้าไปสนิทสนมด้วย แต่ในฐานะที่เขาเป็นเจ้านาย คงจะต้องสงวนท่าทีเอาไว้ ถึงเขาจะเจ้าชู้ชอบผู้หญิงสวยเซ็กซี่ทุกคน ทว่า..สถานะของความเป็นผู้บริหารมันค้ำคอเขาเอาไว้ ไม่ให้คิดทำอะไรที่ไม่เหมาะสมกับลูกน้องของตนเอง
ลัดดา รู้สึกผิดหวังที่ฐากูรแค่ขอคำแนะนำแต่ไม่ได้ต้องการให้ไปด้วย เธอจึงได้แต่สาธยายรายชื่อร้านอาหารเจ้าอร่อยให้กับฐากูรได้รับทราบเท่านั้น
“ขอบคุณมากครับ แล้วเจอกันนะครับ”
“แล้วคุณฐากูรจะเข้ามากี่โมงคะ..เอ่อ..คือวันนี้ช่วงเช้า หลินจะต้องพาคุณไปแนะนำให้รู้จักกับแผนกต่าง ๆ น่ะค่ะ”
“ผมไม่ลืมครับ เดี๋ยวผมจะเข้ามาสักแปดโมงครึ่ง”
ฐากูร ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วก็เดินออกไป ลัดดามองตามหลังไปด้วยความเสียดายที่ไม่ได้เดินควงคู่ไปกับเจ้านายหนุ่ม
...
ฐากูร ยกมือรับไหว้พนักงานในแผนกประชาสัมพันธ์ที่ลัดดาเป็นคนเดินพามาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับผู้ช่วยฝ่ายบริหารคนใหม่
พนักงานสาว ๆ ต่างก็ส่งสายตาชื่นชมผสมรอยยิ้มหวาน โดยเฉพาะพัชรี ที่ส่งสายตาชื่มชมเขาอย่างเปิดเผย จนลัดดาแอบเบ้ปาก แต่ก็ต้องทำหน้าที่ในการพาเจ้านายหนุ่มแนะนำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ”
ฐากูร ส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง และไปหยุดยิ้มอยู่ที่พัชรีคนที่เขาเกือบจะเลือกเป็นเลขา
“คุณฐากูร..เชิญที่แผนกสุดท้ายทางโน้นเลยค่ะ”
ลัดดา รีบผายมือให้กับฐากูรเพื่อไม่ให้ส่งสายตากับพัชรีนานเกินไป
“เชิญเดินนำไปเลยครับ”
“จะพาคุณฐากูรไปแผนกวัตถุโบราณแล้วหรือคะคุณหลิน”
ปรียาพร แอบยื่นหน้าไปกระซิบส่งเสียงแซวขบขัน แต่เสียงกระซิบนั้น ฐากูรก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน เขาจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าที่บริษัทแห่งนี้มีแผนกวัตถุโบราณตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
“เมื่อกี้ผมได้ยินว่าคุณหลินจะพาไปแผนกวัตถุโบราณ..ที่บริษัทเรา มีแผนกนี้ด้วยหรือครับ”
ฐากูรอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ในขณะที่เดินคู่ไปกับลัดดา
“อุ๊ย..เมื่อกี้คุณได้ยินที่คุณเหมียวพูดด้วยหรือคะ” ลัดดาเอ่ยถามก่อนจะหัวเราะเบา ๆ
“ได้ยินสิครับ แล้วตกลงมีแผนกชื่อนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” เขายังคงอยากรู้
“ไม่มีหรอกค่ะ แต่ที่คุณเหมียวพูดแบบนั้นเป็นแค่คำพูดหยอกล้อที่พวกเราในออฟฟิศเรียกแผนกธุรการน่ะค่ะ”
“ยังไงหรือครับ”
ฐากูร หัวเราะเบา ๆ อยากรู้ที่มาของชื่อแผนกนี้ด้วย
“เอาไว้หลินจะเล่าให้คุณฐากูรฟังนะคะ แต่ตอนนี้เข้าไปรู้จักกับพวกป้า ๆ อุ๊ย..พวกพี่ ๆ ที่แผนกธุรการกันเถอะค่ะ”
ลัดดดา รีบเดินนำหน้าเจ้านายไปผลักประตูห้องธุรการเข้าไป เห็นทุกคนนั่งประจำโต๊ะก้มหน้าก้มตาทำงานกันอย่างตั้งใจ แต่มีอยู่โต๊ะหนึ่งที่ไม่มีคนนั่งประจำอยู่ ลัดดาเดินตรงไปด้านในสุดหาหัวหน้าแผนกก่อน
“สวัสดีครับคุณจิตนาถ”
ฐากูร จำหัวหน้าแผนกธุรการได้ เพราะเมื่อวานนี้เขาได้รู้จักหัวหน้าแผนกหมดทุกคนแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณฐากูร”
จิตนาถ รับไหว้อย่างอ่อนช้อย ก่อนจะทำหน้าที่แนะนำให้รู้จักกับพนักงานที่เป็นลูกน้องของตน
“ที่แผนกมีกันสี่คนแค่นี้หรือครับ”
ฐากูร มองไปที่โต๊ะว่างเปล่านั้นขณะที่ถาม
“ทั้งหมดมีห้าคนค่ะ แต่วันนี้ลาป่วยไปคนหนึ่งค่ะ”
จิตนาถ รีบบอก ฐากูรพยักหน้ารับรู้ก่อนจะพูดคุยกับจิตนาถสองสามประโยคแล้วก็ขอตัวกลับ
“พี่นาถขา..ใบหม่อนลาป่วยเป็นอะไรหรือคะ”
ลัดดาหันมาถามจิตนาถ เมื่อฐากูรเดินออกไปก่อนแล้ว
“คงเป็นไมเกรนน่ะ เมื่อวานก็เห็นว่าปวดหัวทั้งวัน” จิตนาถบอก
ลัดดา พยักหน้ารับรู้ แล้วก็รีบเดินตามฐากูรให้ทัน
ฐากูร หันมาส่งยิ้มให้กับเลขาสาวคนใหม่ ทำเอาลัดดาแทบหัวใจละลาย เธอตกหลุมรักเจ้านายเข้าเสียแล้ว ฐากูร รูปร่างสูงสง่าหน้าตาดีจนสาว ๆ ในออฟฟิศฝันหวาน คนอะไรทั้งหล่อทั้งรวย ลัดดาจะไม่ยอมให้เขาหลุดมือไปง่าย ๆ เธอบอกกับตัวเองอย่างมุ่งมั่นก่อนจะตีสนิทด้วยการชวนคุย
“ไม่ทราบว่าคุณฐากูรมีชื่อเล่นหรือเปล่าคะ”
ลัดดา เอ่ยถามเสียงหวานสายตาแพรวพราว
“ชื่อตั้มครับ ความจริงคุณเรียกชื่อเล่นผมก็ได้นะ”
เขาอนุญาตอย่างใจดี ลัดดายิ้มด้วยความพอใจ
“อุ๊ย..ขอบคุณค่ะที่อนุญาตให้หลินเรียกชื่อเล่นของคุณได้”
“คุณยังไม่ได้เล่าให้ผมฟังเลยนะ เรื่องแผนกวัตถุโบราณน่ะ”
ฐากูร ทวงถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาอยากจะรู้ข้อมูลทุกอย่างในบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องสมญานามที่คนในบริษัทพูดล้อเล่นกัน
“เมื่อกี้ที่เข้าไปในแผนกธุรการ คุณตั้มก็คงเห็นใช่ไหมคะว่าแต่ละคนที่แผนกนั้นน่ะล้วนอาวุโสกันทั้งนั้น”
“ก็ไม่เห็นแปลกนี่ครับ แผนกอื่นก็มีคนที่อายุเกินสี่สิบอยู่”
“แต่แผนกนั้นนอกจากอาวุโสทุกคนแล้ว ก็..ยังโสดสนิทไม่มีสามีทั้งแผนกด้วยค่ะ”
“อ๋อ..ผมพอจะเข้าใจล่ะ”
ฐากูร หัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะของเขาช่างไพเราะน่าฟังเหลือเกิน ลัดดานึกชมในใจ
“ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ คุณสังเกตหรือเปล่าคะว่าทุกคนในแผนกแต่งตัวใส่สูทแบบเดียวกันด้วย คืออาจารย์ป้า เอ๊ย คุณจิตนาถ ออกกฎให้ลูกน้องในแผนกแต่งตัวเรียบร้อยน่ะค่ะ แล้วแกก็จะคอยตำหนิพวกสาว ๆ แผนกอื่น ๆ ที่แต่งตัวตามแฟชั่นน่ะค่ะ อย่างหลินก็เคยโดนคุณจิตนาถต่อว่าอยู่บ่อย ๆ ค่ะ ทั้งเรื่องการใช้ภาษาไทย ทั้งเรื่องแต่งตัว จนใคร ๆ แอบเรียกแกว่าอาจารย์ป้าค่ะ” ลัดดา เล่าให้ฟังด้วยความสนุกสนาน
“จริงหรือครับ” ฐากูร อดหัวเราะด้วยความขบขันไม่ได้
“ค่ะ..เพราะเหตุนี้แหละค่ะที่ทำให้แผนกธุรการถูกเรียกว่าวัตถุโบราณ ที่อาวุโสแล้วก็ไม่แต่งงานด้วยค่ะ”
“รวมทั้งคนที่ลาป่วยวันนี้ด้วยหรือเปล่าครับ”
“อุ๊ย..ลืมบอกไปค่ะว่าในแผนกธุรการมีพนักงานอายุน้อยอยู่คนหนึ่งที่ลาป่วยวันนี้ค่ะ”
“เหรอครับ อายุน้อยหรือว่าอายุเหลือน้อยครับ” ฐากูร ถามสัพยอกเป็นกันเอง
“อายุน้อยค่ะเป็นพนักงานใหม่ ชื่อใบหม่อนค่ะ”
ฐากูรสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินชื่อใบหม่อน ไม่นึกว่าชื่อนี้จะมาเกี่ยวข้องในที่ทำงานอยู่อีก เขาอุตส่าห์จะแกล้งลืม ๆ ชื่อนี้ไปแล้ว แต่เมื่อลัดดา พูดชื่อนี้ให้เขาได้ยินจึงทำให้เขานึกถึงใบหน้าท่าทางของเด็กสาวคนนั้นขึ้นมาอีก โดยเฉพาะคืนที่เขามีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นจนทำให้เกิดความสงสัยระคนแปลกใจเรื่องหยดเลือดบนผ้าปูที่นอนที่คอยตามหลอกหลอนอยู่ในใจเขานั่นอีกด้วย
“ชื่อใบหม่อนหรือครับ”
“ใช่ค่ะ..ใบหม่อนเป็นพนักงานใหม่ที่เก่งด้านคอมพิวเตอร์แล้วก็ช่วยงานหลินได้ดีมากค่ะ เพิ่งเข้ามาทำงานได้สี่ห้าเดือนเองค่ะ เธอเป็นไข่ในหินของพวกป้า ๆ ในแผนกเชียวนะคะ” ลัดดา เห็นว่าฐากูรซักถามก็เล่าให้ฟังเพื่อให้เขาสนทนาด้วย
“ยังไงหรือครับ” ฐากูรถามด้วยความสนใจ
“ก็ใบหม่อนเป็นเด็กน่ารักเรียบร้อยเชื่อฟังผู้ใหญ่น่ะสิคะ ก็เลยเป็นขวัญใจพวกป้า ๆ ที่แผนกวัตถุโบราณ อุ๊ย แผนกธุรการ ตอนนี้ใบหม่อนก็ถูกหล่อหลอมให้เป็นแบบพวกป้า ๆ ที่แผนกอยู่ค่ะ หลินล่ะสงสารใบหม่อนจริง ๆ เลย”
“สงสารทำไมหรือครับ”
“ก็กลัวจะโดนอาถรรพ์เป็นสาวโสดเหมือนทุกคนในแผนกธุรการไงคะ”
“เธอยังไม่มีแฟนหรือครับ”
“อุ๊ย..ขืนมีสิคะจะได้ถูกตรวจสอบจากพวกป้า ๆ นั่น ขนาด ใบหม่อนมีนัดยังซักถามยังกะผู้ปกครอง คงเห็นว่าใบหม่อนเพิ่งมาจากต่างจังหวัด เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯไม่รู้จักใคร พวกป้า ๆ เขาถึงได้เป็นห่วงกันมาก คอยดูแลอบรมทุกวันโดยเฉพาะเรื่องผู้ชายไม่มีใครกล้ามาจีบใบหม่อนหรอกค่ะ”
“ทำไมครับ”
“เคยมีพวกหนุ่ม ๆ ที่ออฟฟิศเข้าไปขายขนมจีบใบหม่อน แต่ถูกพวกป้า ๆ คอยขัดขวางเอาไว้จนไม่มีใครกล้าค่ะ”
“คุณสนิทกับใบหม่อนหรือครับ”
ฐากูร แอบเลียบเคียงถามดูเอาไว้ก่อน
“ก็ถือว่าสนิทนะคะ เพราะว่าหลินมีงานของฝ่ายบริหารที่จะต้องไปให้ฝ่ายธุรการจัดการให้อยู่บ่อย ๆ ค่ะ”
“ใบหม่อนทำหน้าที่อะไรหรือครับ”
“หลายอย่างค่ะ ใบหม่อนเก่งคอมมากนะคะ วันก่อนเห็นฝ่ายบัญชียังมาขอตัวใบหม่อนให้ไปช่วยลงโปรแกรมให้เลยค่ะ ฝ่ายธุรการก็รู้ ๆ อยู่ค่ะเหมือนเป็นแม่บ้านของทุกแผนก ทั้งเบิกจ่ายพัสดุอุปกรณ์ให้กับพนักงานทุกฝ่าย บางครั้งก็ต้องช่วยพิมพ์รายงานการประชุม”
ฐากูร ไม่ได้ซักถามอะไรเกี่ยวกับใบหม่อนต่ออีก แต่เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าใบหม่อนคนนี้ชื่อจริงว่าอะไร นามสกุลอะไร เขาหวังว่าคงจะไม่ใช่ใบหม่อน คนที่เขามีอะไรด้วยในคืนนั้นหรอกนะ
เมื่อกลับขึ้นมาข้างบน ฐากูร ก็รีบเข้าไปนั่งประจำโต๊ะทำงานทันที เขาเปิดคอมพิวเตอร์เข้าไปดูรายชื่อพนักงานในแผนกต่าง ๆ และแผนกที่เขาอยากรู้มากที่สุดคือแผนกธุรการ เพียงแค่เขาค้นหาไม่นาน ทั้งรูปภาพและรายชื่อประวัติพนักงานก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็น ตั้งแต่หัวหน้าแผนกลงไป
แต่เขาต้องการหาชื่อใบหม่อนเท่านั้น จึงอ่านชื่อพนักงานทุกคนจนไปสะดุดกับชื่อที่เขากำลังอยากรู้เข้าพอดี
“นางสาวใบหม่อน สีนาดอน อายุ 23 ปี จบปริญญาตรีด้านคอมพิวเตอร์”
ฐากูร อ่านข้อความนั้นด้วยใจที่เต้นตึกตัก เขาตื่นเต้นที่ได้รับรู้ความจริงว่าใบหม่อนคนนั้น ก็คือคนเดียวกับที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยในคืนวันนั้น เขาละสายตาจากตัวหนังสือไปจ้องมองภาพถ่ายของใบหม่อนด้วยความสนใจ เธออยู่ในชุดเสื้อสูทกระโปรงสีเดียวกัน ดูสดใสน่ารักจนไม่อยากจะคิดว่าเป็นสาวเปรี้ยวที่ไปเที่ยวผับในคืนวันนั้นเลย
“ถึงจะทำท่าเปรี้ยวยังไง แต่เธอก็ไร้เดียงสาเรื่องบนเตียงอยู่ดี ฉันอยากจะรู้นักถ้าเธอได้เจอหน้าฉันแล้ว จะเป็นยังไง”
ฐากูร นึกสนุกเขายิ้มให้กับภาพถ่ายของใบหม่อนที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์นั้นอย่างมีความสุข เขาไม่ต้องติดต่อขอทราบเรื่องราวของใบหม่อนจากธัญญาแล้วก็ได้ เพราะเวลานี้เขาได้มาอยู่ที่เดียวกับใบหม่อนอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะบังเอิญได้ถึงเพียงนี้
...
“ใบหม่อน..หายป่วยแล้วหรือจ๊ะ”
ลัดดา เดินเข้ามาทักทายใบหม่อนด้วยสีหน้าเบิกบานมีความสุข ทั้งคู่กำลังรอลิฟท์ที่จะขึ้นไปสำนักงาน
“ค่ะ..วันนี้คุณหลินสวยจัง”
ใบหม่อน มองการแต่งตัวของลัดดาที่อยู่ในชุดกระโปรงสั้นเซ็กซี่เหมือนเคย
“ขอบคุณจ๊ะ ว่าแต่เมื่อวานใบหม่อนลาป่วยเป็นอะไรไปจ๊ะ”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่..ปวดหัวน่ะค่ะ”
ใบหม่อนจำต้องโกหก ใครจะกล้าบอกความจริงไปล่ะว่าที่ต้องลาป่วยเพราะไม่พร้อมที่จะพบหน้าเจ้านายคนใหม่ของลัดดา เนื่องจากไม่แน่ใจว่าเขาจะเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่เธอคิดหรือไม่ แต่เพื่อความไม่ประมาทก็ต้องหลบไปทำใจเอาไว้ก่อน ใบหม่อนจึงต้องลางานหนีหน้า ตามที่ลัดดาได้บอกให้ทราบล่วงหน้าเมื่อวานนี้ว่าจะพาเจ้านายไปแนะนำให้แผนกต่าง ๆ ได้รู้จัก
“น่าเสียดายจัง เมื่อวานใบหม่อนก็เลยไม่ได้พบหน้าคุณตั้ม”
“คุณตั้ม....ใครคะ”
ใบหม่อน ใจหายวูบตกไปอยู่ตาตุ่ม ชื่อนี้มันช่างเหมือนเข็มทิ่มลงที่ใจของใบหม่อนเหลือเกิน
“คุณตั้ม ก็คือชื่อเล่นของคุณฐากูรสุดหล่อเจ้านายของหลินยังไงล่ะจ๊ะ” ลัดดารีบบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ตกลง..คุณฐากูร..ชะ..ชื่อเล่น ..ตะ..ตั้มหรือคะ”
ใบหม่อน ติดอ่างแต่ก็ควบคุมความตื่นเต้นนี้ไม่ได้จริง ๆ
“จ๊ะ..ทำไมใบหม่อนทำหน้าแปลก ๆ มีอะไรหรือเปล่า” ลัดดา มองหน้าใบหม่อนยิ้ม ๆ
“เปล่าค่ะ แค่ใบหม่อนคิดว่าเขาชื่อเดียวกับ...เพื่อนน่ะค่ะ”
ใบหม่อน รีบพูดกลบเกลื่อน แล้วก็พยายามปรับสีหน้าเพื่อไม่ให้ผิดปกติทั้งที่เข่าอ่อนแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นอยู่แล้ว ถ้าฐากูรชื่อเล่น “ตั้ม” ก็เป็นอันแน่ใจได้เลยว่าเขาเป็นคนเดียวกับผู้ชายคนนั้นอย่างแน่นอน ใบหม่อนจะทำอย่างไรดีหนอจึงจะหลบหน้าเขาไปได้ตลอดรอดฝั่ง
“แต่เพื่อนใบหม่อนคงจะไม่หล่อเหมือนคุณตั้มเจ้านายหลินหรอกมั้ง” ลัดดาแซว
ใบหม่อน ยิ้มแหย รีบก้าวขาเดินเข้าไปในลิฟท์เมื่อประตูลิฟท์เปิดพอดี โดยมีลัดดาเดินเข้าไปด้วย ใบหม่อนยืนหลับตานิ่งตั้งสมาธิไม่ให้ตัวเองกังวลหรือฟุ้งซ่านไปกับชื่อที่ลัดดาบอก จนกระทั่งได้ยินเสียงของลัดดาพูดขึ้น
“อุ๊ย..คุณตั้ม..สวัสดีค่ะ”
ลัดดา หันไปกล่าวทักทายฐากูร ที่ยืนอยู่ในลิฟท์ตัวเดียวกัน แม้จะมีคนอื่น ๆ ยืนขั้นกลางอยู่หลายคนแต่ฐากูรก็ตัวสูงพอที่จะทำให้ลัดดามองเห็นเขาได้เด่นชัด เขาดูดีจนสาว ๆ หลายคนในลิฟท์แอบมองเขาด้วยความชื่นชม
ในขณะที่ใบหม่อนนั้น แค่ได้ยินลัดดาเรียกชื่อของฐากูรก็สะดุ้งจนใจหล่นตุ๊บไปอยู่ที่ตาตุ่มเสียแล้ว พอตั้งสติได้จึงค่อย ๆ ขยับไปอยู่ข้างหลังผู้หญิงคนข้าง ๆ หวังพึ่งเป็นกำแพงขวางกั้นไม่ให้ฐากูรมองเห็นเธอได้ แต่ก็แอบเอียงหน้ายื่นออกไปมองคนชื่อตั้มด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำระสายคล้ายคนที่กำลังหลบหน้าข้าศึกที่ตามไล่ล่า ต้องคอยลุ้นว่าข้าศึกจะมองเห็นหรือไม่ และถ้ามองเห็นแล้ว เขาจะจำใบหม่อนได้หรือเปล่า
