13. อับอาย
ใบหม่อน รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพบว่าร่างกายของเธอเปลือยเปล่านอนเคียงข้างอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าที่ได้รับการแนะนำให้รู้จักกันที่ผับเมื่อคืนนี้ เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ชีวิตสาวที่หวงแหนตลอดมา กลับต้องป่นปี้ให้กับผู้ชายที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กันมาก่อน มันช่างน่าอัปยศอดสูอย่างที่สุด
ถ้าพ่อแม่รู้คงจะเสียใจกว่าใบหม่อนอีกมากมายหลายเท่านัก เสียแรงที่ใบหม่อนยึดมั่นคำสอนของแม่มาตลอด แต่ก็ต้องมาพังทลายเพียงเพราะความคิดชั่ววูบไร้สติของตัวเองที่คิดประชดชีวิตจากการที่ถูกผู้ชายคนหนึ่งทิ้งไปด้วยเหตุผลว่าดีเกินไป ยิ่งคิด ก็ยิ่งเสียใจกับการกระทำของตัวเอง
ใบหม่อน จ้องหน้าผู้ชายที่ได้พรหมจรรย์ของเธอไปด้วยน้ำตาเอ่อท่วมนัยน์ตา แต่ก็พยายามกลั้นสะอื้นไม่ให้ส่งเสียงร้องไห้ออกมาให้คนที่นอนอยู่นั้นได้ยิน เขาเป็นคนที่หน้าตาดีมาก นั่นคือสิ่งที่ใบหม่อนมองเห็นผ่านม่านน้ำตาที่ไหลริน แม้แต่ชื่อจริงของผู้ชายคนนี้เธอก็ยังไม่รู้จัก รู้เพียงชื่อเล่นเขาว่า “ตั้ม” เท่านั้นเอง นึกสมเพชตัวเองที่ทำตัวเหลวไหลไร้ค่าเช่นนี้ ช่างน่าอายนัก
เสียงสะอื้นที่เล็ดลอดออกมานั้นทำให้คนที่นอนหลับอยู่ ขยับตัวเล็กน้อย ใบหม่อนใจหายวาบกลัวเขาจะตื่นขึ้นมาเห็นหน้าของเธอ จึงรีบลุกจากเตียงมองหาเสื้อผ้าของตัวเองให้พบ จากนั้นก็รีบหยิบมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว เธอจะต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดก่อนที่ผู้ชายคนนี้จะตื่นขึ้นมาเห็นหน้าตาของเธออย่างเต็มตา เธอคงอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี หากจะอยู่ให้เขาเห็นหน้าชัดเจนในตอนกลางวัน
ใบหม่อน มองไปที่เตียงอีกครั้งหนึ่ง เธอเห็นฐากูร ขยับตัวแล้วก็เปลี่ยนไปนอนตะแคงข้างอย่างคนที่นอนหลับทั่วไป เขาคงจะหลับใหลอย่างมีความสุขโดยไม่ได้คิดว่าคู่นอนที่เขาหิ้วมาจากผับเมื่อคืนนี้กำลังเผชิญกับความเจ็บปวดและเศร้าเสียใจเพียงใด
ใบหม่อนไม่โทษเขาแม้แต่น้อย เธอโทษตัวเองที่คิดผิด ทำผิดพลาดด้วยการคล้อยตามเพื่อนอย่างธัญญา
พอนึกถึงธัญญา ขึ้นมาก็เสียความรู้สึก ถ้าไม่ใช่เพราะคำชักชวนของธัญญาให้เห็นผิดเป็นชอบเช่นนี้ ใบหม่อนก็คงจะไม่มีมลทินแบบนี้ แต่จะโทษธัญญาเสียทีเดียวก็ไม่ถูกอีกเหมือนกัน เธอจึงพยายามที่จะไม่โกรธเพื่อน เมื่อนึกถึงภาพที่ธัญญาคะยั้นยะคอให้เธอดื่มเหล้าจนทำให้เธอหมดความอาย ปล่อยให้ผู้ชายพามานอนค้างอ้างแรมที่นี่อย่างง่ายดาย
“กระเป๋าล่ะ..กระเป๋าหายไปไหน”
ใบหม่อน มองหาสิ่งที่ต้องการทันทีเพื่อจะได้ออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
เธอคิดไม่ออกว่ากระเป๋าสะพายที่ลัดดาให้มานั้นมันอยู่ที่ไหน แต่ในความรู้สึกอันเลือนรางพอจะจำได้ว่าเธอสะพายคล้องไหล่เอาไว้ตอนที่เข้าไปอยู่ในรถกับฐากูร
“หรือว่ากระเป๋าจะอยู่ในรถของเขา”
พอคิดเช่นนั้น ใบหม่อนก็ใจคอไม่ดีขึ้นมา แล้วเธอจะอยู่รอพบหน้าฐากูรเพื่อถามเรื่องกระเป๋าได้อย่างไร ในเมื่อเธอไม่ต้องการที่จะให้เขาเห็นหน้าเธอ เพราะเธออับอายเกินกว่าที่จะให้เขาเห็นหน้าได้
ใบหม่อน เดินออกมานอกห้องนอนใหญ่ เข้ามาสู่บริเวณห้องโถงที่เป็นห้องรับแขกที่จัดตกแต่งอย่างสวยงามหรูหรา บอกรสนิยมของเจ้าของห้องเป็นอย่างดี เธอมองหากระเป๋าไปทั่วห้องเมื่อไม่พบจึงตัดสินใจที่จะไปหาคนที่เธอพอจะพึ่งพิงได้ในเวลานี้
....
ปัทมา กำลังสาละวนอยู่กับการปลูกต้นไม้ เมื่อเห็นมีแท็กซี่มาจอดหน้าบ้านก็ชะเง้อไปดู เธอเห็นผู้ที่ก้าวลงจากแท็กซี่ก็รีบเดินไปหาด้วยความตกใจระคนแปลกใจที่เห็นใบหม่อนอยู่ในชุดรัดรูปเกาะอกกระโปรงสั้นจู่แบบที่ไม่เคยเห็นใบหม่อนใส่มาก่อน และไม่คิดว่าคนอย่างใบหม่อนจะกล้าใส่ด้วย
“ใบหม่อน..นี่ใบหม่อนหรือเนี่ย”
ปัทมา จ้องมองใบหม่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยแววตาตื่นตระหนก
“พี่ปัดขา..อย่าเพิ่งมองใบหม่อนด้วยสายตาแบบนี้นะคะ ตอนนี้ใบหม่อนเดือดร้อนค่ะ อยากจะยืมเงินจ่ายค่าแท็กซี่ก่อนค่ะ”
ใบหม่อน ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
ปัทมา จึงรีบเดินเข้าไปเอาเงินในบ้านออกมาจ่ายค่าแท็กซี่ให้ทันที และรอจนแท็กซี่ขับออกไปแล้ว ปัทมาก็รีบพาใบหม่อนเข้าบ้านเพื่อจะได้ซักถามให้หายข้องใจ
“เกิดอะไรขึ้นกับใบหม่อน บอกพี่มา”
“พี่ปัด..ช่วยใบหม่อนด้วย..”
ใบหม่อน โผเข้ากอดปัทมาร้องไห้โฮจนปัทมา ตกใจโอบกอดใบหม่อนเอาไว้เป็นการปลอบโยนจนเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มสงบสติอารมณ์ได้พอสมควรแล้วจึงเอ่ยปากถาม
“เกิดอะไรขึ้น เล่าให้พี่ฟังได้หรือยัง”
“ใบหม่อน..ทำกระเป๋าตังค์หายค่ะ..แล้ว..ตอนนี้ใบหม่อนก็ไม่มีเงินด้วย มือถือก็อยู่ในกระเป๋านั่นด้วย”
ใบหม่อน บอกแต่เพียงเท่านี้เพราะไม่กล้าเล่าเรื่องที่เธอเสียตัวให้กับผู้ชายแปลกหน้าที่ชื่อตั้ม เธออายเกินกว่าที่จะเล่าเรื่องน่าอายนี้
“ไปทำหายแถวไหน แล้วทำไมถึงได้แต่งตัวแบบนี้มาหาพี่ล่ะ ถ้าพวกพี่นาถ พี่ดา พี่อร มาเห็นใบหม่อนตอนนี้คงได้เป็นลมแน่เลย เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าใบหม่อนมีชุดแบบนี้ด้วย”
ปัทมา อดถามไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นภาพใบหม่อนในชุดที่ดูเซ็กซี่ล่อแหลมเช่นนี้
“ไม่ใช่ชุดของใบหม่อนหรอกค่ะ เป็นชุดของเพื่อนที่ให้ยืมใส่ ไปเที่ยวผับน่ะค่ะ”
“เที่ยวผับจนกระเป๋าตังค์หายล่ะสิ”
“ใบหม่อนเข็ดแล้วค่ะจะไม่ไปอีกแล้ว แค่ครั้งเดียวก็...เสียใจเหลือเกิน”
ใบหม่อนพูดปนสะอื้นในตอนท้าย
“ช่างมันเถอะจ๊ะ กระเป๋าใบเดียวหายไป หาซื้อใหม่ก็ได้ ส่วนเงินที่อยู่ในกระเป๋าก็ถือเสียว่าเป็นค่าเที่ยวหาประสบการณ์ล่ะกัน”
“เป็นเพราะใบหม่อนแท้ ๆ ใบหม่อนดื่มเหล้าค่ะ..ถึงทำให้ชีวิตต้องเป็นแบบนี้”
ใบหม่อน ระบายความอัดอั้นตันใจ แต่ก็ไม่กล้าสารภาพทั้งหมด โดยเฉพาะเหตุการณ์เสียสาวให้กับชายที่เพิ่งรู้จักกันในผับ
“ก็แน่ล่ะ คนไปเที่ยวแบบนั้นคงไม่มีใครไปดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพหรอกจ๊ะ”
ปัทมา พูดติดตลกเพื่อให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย
ใบหม่อนยังโชคดีที่มีปัทมาเป็นที่พึ่ง เธอเคยมานอนค้างที่บ้านของปัทมาหลายครั้งแล้ว จึงนึกถึงปัทมาเมื่อมีปัญหา ถ้าหากใบหม่อน ไปหาจิตนาถหรือ รดากับอิงอร คงจะถูกตำหนิต่อว่ามากกว่าที่จะแสดงความเห็นใจอย่างนี้ก็ได้
“ใบหม่อนไม่เคยดื่มมาก่อนก็เลย..เมาไม่รู้เรื่อง จนทำให้ใบหม่อน..เสีย...เอ้อ..”
ใบหม่อน ชะงักเกือบจะเผลอบอกความจริงไปว่าเธอได้เสียตัวให้กับชายแปลกหน้าไป ถ้าเผลอบอกความจริงไป ปัทมาคงตำหนิและอาจจะรังเกียจเอาก็ได้ ใบหม่อนยังไม่อยากจะให้ปัทมาที่เคยเอ็นดูเธอมีความรู้สึกที่ไม่ดี เธอยังอยากเป็นเด็กสาวที่น่ารักแสนดีของพวกพี่ ๆ ที่แผนกธุรการต่อไปเหมือนเดิม
“เสีย..อะไร” ปัทมารีบถามเสียงตกใจ
“เสียกระเป๋าดี ๆ ไปค่ะ เป็นกระเป๋าที่คุณหลินเพิ่งให้มาเมื่อวานนี้เอง และในนั้นก็มีทั้งกระเป๋าตังค์ มือถือ บัตรประชาชน บัตรเอทีเอ็ม.ใบหม่อนไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วค่ะพี่ปัด”
ใบหม่อน เสียใจที่เสียพรหมจรรย์มากกว่าเสียกระเป๋าไปเสียอีก แต่ก็ไม่กล้าสารภาพในสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดไปเมื่อคืน เธอจึงต้องทำให้ปัทมา เข้าใจว่าเธอเสียใจเพราะกระเป๋าหายไปจริง ๆ
“โธ่เอ๋ย..ช่างมันเถอะใบหม่อน..เสียกระเป๋าไปก็ยังดีกว่าเสียอย่างอื่นนะ..แล้วเมื่อคืนใบหม่อนค้างที่ไหน”
“เอ้อ..ห้องเพื่อนที่คอนโดค่ะ”
ใบหม่อนจำต้องโกหกไม่กล้าสบตากับปัทมาตรง ๆ
“อ้าว..ค้างกับเพื่อน แล้วทำไมถึงไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนมาหาพี่ล่ะ ความจริงใบหม่อนทำกระเป๋าหายแบบนั้น เพื่อนของใบหม่อนก็น่าจะให้ใบหม่อนหยิบยืมเงินก่อนได้นี่นา”
ใบหม่อน ได้แต่นิ่งเงียบกับคำสงสัยของปัทมา
นั่นสินะ ถ้าใบหม่อนค้างที่ห้องของธัญญาจริง เธอก็คงจะไม่นั่งแท็กซี่มาขอให้ปัทมาช่วยจ่ายเงินให้หรอก แต่เวลานี้ใบหม่อนไม่อยากจะคบกับธัญญาอีกต่อไปแล้ว ใบหม่อนเพิ่งรู้ถึงคำสอนของแม่ในเวลานี้เอง ที่แม่เคยบอกว่าคบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล เป็นเพราะใบหม่อนคบธัญญา จึงทำให้เธอต้องกลายเป็นคนที่มีมลทินแบบนี้
“คือ..ใบหม่อนโกรธเพื่อนอยู่น่ะค่ะก็เลยไม่ได้ยืมเงินเพื่อน”
“โกรธเพื่อนทำไม” ปัทมาถามด้วยความอยากรู้
“คือ..เอ่อ..มีมี่ บังคับให้ใบหม่อนดื่มเหล้าน่ะค่ะ ตอนแรก ใบหม่อนก็ว่าจะกลับก่อน แต่มีมี่คะยั้นคะยอให้อยู่ต่อ แล้วก็สั่งเหล้ามาให้ดื่มตลอด ใบหม่อนว่าจะไม่คบเพื่อนคนนี้อีกแล้ว”
ใบหม่อนพูดระบายความจริงออกมาเพื่อที่อย่างน้อยก็จะได้หายอึดอัดใจ แต่ความจริงที่ใบหม่อนจะไม่ขอเปิดเผยโดยเด็ดขาดคือเรื่องที่เธอไปนอนกับผู้ชายชื่อตั้มเมื่อคืนนี้
“คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ เพื่อนดี ๆ ที่ไหนจะบังคับเพื่อนให้ดื่มจนไม่มีสติแบบนั้นล่ะ แล้วดูสิแต่งเนื้อแต่งตัวล่อไอ้เข้ไอ้โขงแบบนี้รอดมาได้ก็บุญแล้ว นึกว่าจะถูกผู้ชายพาไปเข้าโรงแรมตั้งแต่เมื่อคืนแล้วซะอีก ใบหม่อนนะใบหม่อน เป็นเด็กดีตั้งนานไม่น่าเล้ย..แต่เอาเถอะเรื่องมันแล้วไปแล้ว ยังไงก็อย่าไปที่อโคจรแบบนั้นอีกก็แล้วกัน สิ่งไหนที่เรียนรู้แล้วมันไม่ดี ไม่เหมาะกับเราก็ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยว เราทำตัวเราดีอยู่แล้ว ก็ให้ทำดีต่อไป”
ปัทมา เตือนสติเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องคนสนิทก่อนจะแนะนำให้ใบหม่อนโทรไปอายัติบัตรเอทีเอ็ม แล้วก็หาเสื้อผ้าให้ใส่
...
เสียงกดออดดังเข้ามาถึงในห้องนอน ฐากูร งัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะรู้ว่าทุกเช้าจะมีแม่บ้านที่เขาจ้างเอาไว้ให้มาช่วยทำความสะอาดห้องได้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน ยกเว้นเขาจะบอกเอาไว้ล่วงหน้าว่าไม่ให้เข้ามาเท่านั้นเอง ฐากูรเหลือบไปมองนาฬิกาที่ผนัง
“เฮ้ย..นี่เก้าโมงแล้วหรือวะเนี่ย”
ฐากูร อุทานก่อนจะหันไปมองข้างกายเพื่อจะปลุกคนที่เขาพามานอนด้วยเมื่อคืน
“อ้าว..หายไปไหนแล้วล่ะ”
ฐากูร ทำหน้างง ๆ แต่คิดว่าใบหม่อนคงจะเข้าห้องน้ำ เขาจึงลุกจากเตียงหันไปคว้าเสื้อคลุมเดินออกจากห้องนอนออกไปข้างนอกเพื่อเปิดประตูห้องให้กับแม่บ้าน
“ป้าทำความสะอาดห้องรับแขกด้านนอกก่อนนะครับ ส่วนห้องนอนอีกสักสิบห้านาทีค่อยเข้าไปทำ” ฐากูรบอกแม่บ้าน
“ได้ค่ะ..แล้วอาหารเช้าจะให้ป้าโทรไปสั่งให้เลยไหมคะ” แม่บ้านถามอย่างรู้หน้าที่
“ครับ..เอาแบบเดิมก็แล้วกันสั่งมาสำหรับสองที่นะป้า”
แม่บ้านทำหน้ายิ้ม ๆ เธอเดาว่าเมื่อคืนนี้ ชายหนุ่มคงจะพาผู้หญิงมาค้างด้วยเหมือนคืนก่อน ๆ เธออยากจะเห็นหน้าผู้หญิงที่มานอนค้างกับฐากูรอยู่เหมือนกันว่าจะสวยเท่าคนก่อนหรือเปล่า ดูเหมือนว่าคู่ขาของฐากูรแต่ละคน สวยเปรี้ยวเซ็กซี่กันทุกคน
ฐากูร เดินกลับเข้าไปในห้องนอน เขาเข้าไปตามหาใบหม่อนในห้องน้ำแต่ไม่พบ จึงเดินไปเปิดประตูที่ระเบียง ร้องเรียกชื่อไปด้วย แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ
“หรือว่าจะกลับไปแล้ว”
ฐากูร ทำหน้าแปลกใจ ผู้หญิงที่เขาพามาค้างด้วยไม่เคยมีใครจะหนีกลับก่อนแบบนี้ ทุกคนล้วนตื่นพร้อมเขา แล้วก็จะรับประทานอาหารมื้อเช้าด้วยกันก่อนจะแยกย้ายจากกันไป แต่รายนี้มาแปลก แต่จะว่าไปเมื่อคืนนี้ผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้เขาแปลกใจแล้วล่ะ เธอช่างไร้เดียงสา ราวกับไม่เคยผ่านมือชายมาก่อน
“ตายห่ะ..หรือว่าเมื่อคืนยัยนั่นไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนจริง ๆ วะ”
ฐากูร ทำท่าตกใจขึ้นมาเมื่อนึกทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนเตียงระหว่างเขากับเจ้าหล่อนเมื่อคืนนี้ ใบหม่อนขัดขืนเขาอีกต่างหาก เขาผ่านผู้หญิงที่มีประสบการณ์โชกโชนมาไม่เคยมีใครเป็นเหมือนผู้หญิงเมื่อคืนนี้สักคน
พอคิดเช่นนั้น เขาก็ถึงกับเหงื่อแตก ไม่อยากจะเป็นผู้ชายคนแรกของผู้หญิงคนนั้น เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทเห็นพรหมจรรย์ของผู้หญิงแล้ววิ่งเข้าใส่เสียด้วย แต่จะรู้สึกผิดมากกว่าหากทำให้ผู้หญิงดี ๆ คนหนึ่งต้องมีมลทิน เขาจึงระวังตัวเองอยู่เสมอที่จะไม่เผลอไปยุ่งกับผู้หญิงที่เห็นพรหมจรรย์เป็นเรื่องสำคัญ เขาไม่อยากจะหมดสนุก ไม่อยากเอาตัวเองไปผูกมัดกับผู้หญิงเช่นนั้น
เขาสบายใจที่ได้มีอะไรกับผู้หญิงที่รักสนุกไม่ผูกมัดมากกว่า เพราะเขายังไม่พร้อมที่จะคบหากับใครจริงจังจนถึงขั้นเรียกว่าแฟน เขายังหวงแหนชีวิตหนุ่มโสดที่รักสนุกนี้อยู่
“คิดมากน่า..อย่างยัยใบหม่อนน่ะหรือจะไม่เคยเรื่องพวกนี้ อาจจะแค่ทำท่าไม่เคยไปอย่างนั้นเอง อย่างที่มีมี่บอกว่าแอ๊บแบ้ว”
ฐากูร นึกถึงคำพูดของธัญญาขึ้นมาเขาก็สบายใจขึ้น เดินผิวปากเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี แม้จะรู้สึกติดขัดอยู่ในใจไม่หายที่ใบหม่อนออกไปจากห้องของเขาโดยไม่บอกกล่าวอะไรเลย
เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็ออกมานั่งที่ห้องรับแขก รออาหารมาเสิร์ฟ ปล่อยให้แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดในห้องนอนของเขาตามสบายเหมือนเช่นทุกครั้ง
