ep18
“อยากรู้กับเขาบ้างรึ รตี?” แม่ชีหันมาถามก่อนที่รตีจะพูด
“เอ่อ... ค่ะ” ใจรตีคิดแม่ชีสำเร็จขั้นใดหนอจึงอ่านใจคนได้
“แม่อ่านภาษากายของผู้คนที่เข้ามาหา อ่านหนังสือจิตวิทยา ก็จะสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของคนได้ เห็นหน้ารตีทำหน้าสงสัยก็เดาออกแล้ว”
แม่ชีแสงอธิบายแล้วหัวเราะเบา ๆ แท้ที่จริงเพียงแค่สังเกตก็สามารถคาดเดาใจของคู่สนทนาได้แล้ว สโรชาหันไปยิ้มกับเพื่อน เมื่อเห็นรตียิ้มแห้ง ๆ เมื่อแม่ชีจับได้ว่าอยากรู้เรื่องของเพื่อน
“หนูสงสัยค่ะ ว่าบัวเขามีอะไรที่พิเศษหรือคะ? ทำไมแม่ชีจึงให้มาพบถึงกุฏิเลยคะ” เมื่อถูกจับได้ก็ขอไขข้อสงสัยเสียเลยให้จบสิ้นความสงสัยนั้น
แม่ชีหันมองคนข้างนึกสงสารว่าคงไม่ต้องการให้เพื่อนรู้เรื่องทุกข์ที่อยู่ในใจจึงยิ้มให้ เหมือนว่าคนถูกส่งนัยจะเข้าใจความหมายจึงตอบเสียเอง
“เราเป็นคนขอแม่ชีเองแหละว่า จะขอคำแนะนำในการปฏิบัติธรรมกับแม่ชีเป็นการส่วนตัวน่ะ แม่ชีท่านก็กรุณา” แม่ชีแสงยิ้ม ฉลาด ไม่ผิดกาลเก่า
รตีเลิกคิ้วสงสัยแต่ไม่ติดใจอะไรนัก รู้ดีเพื่อนเป็นคนเช่นนี้เอง หากนึกอยากศึกษาหรือใฝ่รู้เรื่องใดต้องจริงจัง แต่สิ่งหนึ่งที่ถามแล้วเพื่อนไม่เคยตอบเลยคือ ตะวันหายไปไหน?
ตะวันเพียรที่จะสะกดจิตตัวเอง แต่เมื่อยิ่งทำก็ยิ่งปวดหัวราวกับจะระเบิดออกมา เขากินยานอนหลับเพื่อหวังจะได้ฝันก็กลับหลับสนิทราวกับได้พักผ่อนเต็มตื่น
“เป็นบ้าอะไรวะ?”
เมื่อกลุ้มเข้ามาก ๆ ตะวันจึงตัดสินใจเดินทางข้ามโขง เพื่อตามหา คำสี ผู้หญิงในรูปภาพที่วาดจากความทรงจำที่เขาเห็นในภวังค์
คำสี... แม่หญิงฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง พี่กำลังจะไปตามเจ้า รอพี่ด้วย
.
“ตะวัน ทางนี้!”
เสียงเรียกไม่ดังนัก แต่ความคุ้นเคยในสำเนียงทำให้ตะวันหันกลับไปมองตามต้นเสียง แล้วคลี่ยิ้มยินดี
“พล นายมาตรงเวลาดี ฉันเพิ่งลงจากรถเมื่อสักครู่นี่เอง”
“มาเถอะ ฉันพานายไปพักก่อน แล้วค่อยออกมาหาอะไรกินกัน ฉันมีร้านอาหารเจ้าอร่อยกินประจำเวลาฉันเข้ามาที่กำแพงนครนี่”
“แล้วเรื่องงานของนายล่ะ? คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว”
ตะวันอดที่จะถามไม่ได้ เพราะหากงานของพลใกล้จบ พลอาจมีเวลาสืบหาคำสีของเขาได้มากขึ้น
“ใกล้จบแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันกำลังหาหลักฐานมัดตัวเขาอยู่ เป็นกลุ่มก้อนใหญ่ทีเดียว”
“ระวังตัวหน่อยนะ คนมีฝีมืออย่างนายถ้าถูกเขาจับได้ มันคงไม่เอาไว้แน่”
“เฮ้ย ฉันก็แค่นักพนันคนหนึ่งเท่านั้น”
นายพลของเจ้าจ่อยเป็นได้แค่นักพนันในบ่อน แต่ตะวันรู้ดีว่าสิ่งที่นายพลทำนั้นคือการสืบราชการลับกับบ่อนการพนันที่โยงธุรกิจข้ามชาติคือยาเสพติด งานนี้พลรับงานเพราะเกี่ยวพันกับภรรยาใหม่ของพ่อ
“ไหนวะ? ภาพที่นายจะให้ฉันดู”
พลเอ่ยถามเมื่อตะวันจัดของภายในห้องพักของโรงแรม ตะวันชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินไปหยิบภาพใบเล็กจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตยื่นให้
“โบราณจริงแม่หญิงในรูปนี้ ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน สวยซึ้งตรึงใจ ถ้าฉันเจอ ฉันจะไม่บอกนายหรอก” พลมองภาพไปยิ้มไป ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เพื่อน
“ถ้านายเจอจริง ๆ ละก็ ขอให้บอกฉันก่อน ส่วนนายจะจีบเธอได้หรือไม่ นั่นก็เรื่องของนายแล้ว”
พลเพ่งมองตะวันอย่างแปลกใจ ลึก ๆ แล้วรู้ว่า ใจของเพื่อนไม่เหมือนเดิม ใจที่หนักแน่นและมั่นคงกับรักที่มีให้สโรชา สาวในฝันของใครหลายคนนั้น สั่นคลอนไปแล้ว
ด้วยความเป็นเพื่อน พลเก็บมันไว้ในใจ สโรชาเลือกตะวันมากกว่าเขา คนที่ฝากอนาคตไว้ได้ยาก คนเราก็เลือกในสิ่งที่มั่นคงสำหรับชีวิต เขารู้ตัวดีจึงถอยออกมาเสียจากการเป็นคู่แข่ง ตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาหลุดออกจากวงโคจรของสถาบันที่มีเกียรติที่ชายไทยหลายต่อหลายคนพยายามดิ้นรนเข้าไปเรียน เพื่อติดดาวบนบ่า
วันนี้ เพื่อนสนิทเหมือนมีใจแบ่งให้ใครคนอื่นที่เขายังมองไม่เห็นตัวตน เขาเจ็บปวดจนระลึกถึงว่าสโรชาก็คงจะเจ็บปวดมากกว่าเขา
สงสาร... เขาสงสารหญิงสาวที่มั่นอกมั่นใจกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาเสียนักหนา
“นายมองฉัน เหมือนว่าฉันกำลังทำอะไรผิด”
“ฉันแค่แปลกใจเท่านั้น”
ตะวันถอนใจ นั่งบนเตียงตรงข้ามกับเก้าอี้ที่พลนั่ง ชั่วครู่ก็เอนหลังลงนอน หลับตาพึมพำ “คำสี... คำสีของพี่”
“นายว่าอะไรนะ?”
ตะวันรู้สึกตัว ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง มองหน้าเพื่อนนิ่งนาน พลรับรู้บางส่วนจากที่เขาเล่าให้ฟังบ้างแล้ว ผู้หญิงที่เจอในภวังค์ยามถูกสะกดจิต แต่พลไม่เคยรับรู้ว่าผู้หญิงในอดีตนั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาแค่ไหน? จะว่าไปแล้ว เธอผู้นั้นต่างหากที่ควรจะเป็นคู่ของเขามากกว่าสโรชา แต่สโรชาไม่ได้ทำผิดอะไร
“ถ้านายเจอผู้หญิงคนนั้น ช่วยบอกฉันด้วย ฉันว่าเขาน่าจะเกิดอยู่ในที่ที่เขาเคยเกิด”
“ถ้าเป็นจริงดังนั้น นายก็เคยเกิดอยู่ที่นี่ ทำไมถึงไปเกิดที่เมืองไทยได้ล่ะ”
พลย้อนถาม ตะวันเหลือบมองเพื่อนหาคำตอบให้ไม่ได้
นั่นสิ... ชาติภพคนเราเวียนว่ายตายเกิด ไม่แน่ว่าเราจะต้องเกิดในที่ที่เราเคยเกิดเสมอไป แล้วเหตุใด ทำไมเราจึงมาตามหาคำสีถึงที่นี่..
