บ่วงเงา

80.0K · จบแล้ว
จุติศร
63
บท
703
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

'ตะวัน' นายทหารหนุ่มรูปงามกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับ 'สโรชา' แฟนสาวที่คบหากันมานาน แต่ยิ่งใกล้วันวิวาห์ตะวันกลับมีเรื่องให้ต้องกังวลใจ เพราะยามหลับตาครั้งใดเสียงฝีเท้าม้าจะต้องมารบกวนทุกราตรี ทำให้เขาพยายามค้นหาความจริงว่าเหตุใดเสียงนั้นจึงมีอิทธิพลต่อเขานัก จากการแนะนำของเพื่อนรักให้ได้รู้จักกับแพทย์ผู้มีชื่อเสียงซึ่งทำการรักษาด้วยการสะกดจิต ตะวันจึงได้รับรู้ถึงอดีตที่ผ่านมาของตนว่า เขาเคยเป็นทหารในองค์อุปราชแห่งเวียงจันทร์ มีความรักความผูกพันกับแม่หญิงลาวผู้เลอโฉมนามว่า 'คำสี' เงาอดีตทำให้ตะวันพยายามตามหาแม่หญิงคำสีในชาติภพปัจจุบัน แต่ตะวันก็มิอาจสมหวังเพราะไม่เคยมีผู้ใดในลาวพบเห็นหญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนนางเลย ยิ่งผิดหวังก็ยิ่งเหมือนติดอยู่ในบ่วงเงาแห่งอดีต เพราะตะวันไม่สามารถลืมคำสีนางอันเป็นที่รักยิ่งในอดีตได้ สโรชาจะมีส่วนช่วยให้ตะวันหลุดพ้นจากบ่วงเงาแห่งอดีตนั้นได้อย่างไร เขาจะกลับมาอยู่กับปัจจุบันได้หรือไม่คงต้องให้บทอวสานแห่ง "บ่วงเงา" เป็นผู้เฉลยคำตอบ

นิยายรักโรแมนติกทหารแม่ทัพข้ามมิติสัญญาทางรักแฟนตาซี นิยายย้อนยุคนิยายประวัติศาสตร์นักรบ

ep1

กุบกับ กุบกับ กุบกับ

เสียงควบม้าวิ่งมาแต่ไกลในยามราตรีที่เงียบสงบ ใครหนอมาควบม้าเล่นอยู่แถวนี้

กุบกับ กุบกับ กุบกับ

เสียงนั้นยังคงดังอยู่และดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าม้าตัวนั้นวิ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเขาหรือบางทีเสียงนั้นมันอาจดังมาจากสมองของเขาเอง

‘ตะวัน’ สะดุ้งตื่นแล้วผุดลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียงควบม้าดังลั่นเปรี๊ยะแทรกเข้ามาในสมอง เหงื่อกาฬของเขาไหลโซมกาย เขาหายใจหอบและหัวใจเต้นแรง

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเสียงควบม้ามันจึงดังขึ้นตลอดเวลาที่เรากำลังหลับสนิท”

ตะวันลุกออกจากเตียงลงมาข้างล่าง ล้างหน้าแล้วออกมานั่งพักรับลมที่บริเวณหน้าบ้าน ในมือถือขวดน้ำดื่มค่อย ๆ จิบ เขาเพิ่งเลิกบุหรี่ได้เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ‘สโรชา’ พยายามให้เขาเลิกมันให้ได้ ทั้งหาหมากฝรั่งและสมุนไพรต่าง ๆ นานามาช่วยให้เขาเลิกมัน แต่เขาก็เลิกไม่ได้เสียที จนกระทั่งเธอบอกว่า ถ้าเขาเลิกบุหรี่ได้ เธอจะยินยอมแต่งงานกับเขา หลังจากที่หมั้นกันมานานกว่า 2 ปีแล้ว

ตะวันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการอดบุหรี่ โดยพยายามหาคำตอบให้กับตัวเองว่าทำไมเขาต้องสูบ เขาใช้เวลาไม่นานที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองว่าเป็นความเคยชิน การนั่งคิดอะไรเงียบ ๆ ดูดควันยาที่อัดแน่นเป็นแท่งเล็ก ๆ เข้าไป มันเป็นความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง เหมือนมีสารอะไรเข้าไปกระตุ้นในสมอง ภาพกลุ่มควันที่พ่นออกมาลอยอ้อยอิ่งไปในอากาศให้อารมณ์เพลิดเพลินที่ได้มองมัน

เมื่อรู้เหตุผลของการดูดบุหรี่ ตะวันก็เลือกที่จะจิบน้ำแทนในยามที่ตัวเองต้องการคิดอะไรเพียงลำพัง เขาเริ่มลดบุหรี่ลงและน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็หยุดมันได้ โดยไม่ทุรนทุรายเหมือนเมื่อแรก แต่ทั้งนี้กำลังใจของเขา คือ สโรชา

เมื่ออาทิตย์ก่อนตะวันพาสโรชาคู่หมั้นสาวไปดูฤกษ์ยามกับพระอาจารย์ชื่อดังในจังหวัดแถบภาคตะวันออก ท่านบอกแต่เพียงว่าให้รอไปอีกสักระยะหนึ่งก่อน แต่ตะวันไม่คิดที่จะรอเพราะเขาถือว่า ‘ฤกษ์สะดวก’ คือฤกษ์ที่ดีที่สุดของคนสองคนที่จะอยู่ร่วมกัน พ่อแม่ของตะวันและพ่อแม่ของสโรชาไม่ขัดข้อง เพราะเห็นว่าหมั้นกันนานแล้ว

ทันทีที่กำหนดวันแต่ง ตะวันก็ฝันซ้ำซากถึงเสียงม้าที่ควบ จากที่เป็นเสียงม้าควบที่วิ่งอยู่ไกล ๆ มันก็ใกล้เข้ามา... ใกล้เข้ามาทุกที จนวันสองวันนี้เสียงควบของม้ามันเหมือนแทรกเข้ามาในสมองเขาเลยทีเดียว

น้ำในขวดที่ตะวันยกขึ้นจิบจากขวดเริ่มพร่องลงไปบ้าง คืนนี้เป็นคืนแรกในรอบ ๑ เดือนที่เขาเลิกบุหรี่แล้วอยากจะคุ้ยมันขึ้นมาสูบใหม่

“เกิดอะไรขึ้น”

ตะวันนั่งกุมขมับจนจู่ ๆ อาการปวดหัวก็จี๊ดขึ้นมาจนเขาต้องร้องครางออกมา ก่อนจะหน้ามืดฟุบลงกับโต๊ะ

แสงแดดยามเช้าโผล่พ้นขอบฟ้าจนเกือบจะเข้าไปทักทายยอดไม้บริเวณหน้าบ้าน ตะวันงัวเงียขึ้นมาจากโต๊ะที่ฟุบหลับลงไปเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เสียงทหารฝึกใหม่วิ่งร้องเพลงออกกำลังกายยามเช้าดังอยู่แว่ว ๆ

ตะวันถอนใจยามลูบหน้าที่อิดโรยแล้วเดินเข้าบ้าน โถมตัวลงบนที่นอนอีกครั้ง เขาอยากหลับ หลับโดยที่ไม่มีเสียงม้าวิ่งอยู่ในสมอง

“ผู้กองครับ ผู้กองตะวันครับ”

เสียงร้องเรียกอยู่หน้าบ้านทำให้ตะวันต้องลุกขึ้นมานั่งอย่างหัวเสีย

“อะไรวะ มาเอะอะอะไรแต่เช้า คนจะนอน”

“ไม่เช้าแล้วครับผู้กอง เก้าโมงกว่าแล้ว ผมไปตลาดมา เจอจ่า แล้วเขาก็ให้ผมมาตามน่ะครับ เห็นว่ายังไม่ไปทำงาน แล้วก็ให้ผมซื้อข้าวขาหมูมาให้ด้วย”

จ่อย พลทหารเกณฑ์ตะโกนตอบออกมาแบบม้วนเดียวจบ ตะวันนั่งเกาหัวจะหงุดหงิดก็ทำไม่ได้เต็มที่เพราะคนที่เรียกก็หวังดี

“เอาว่ะ นอนไปสองสามชั่วโมงก็ยังดี เฮ้อ! ไปทำงานสายอีกแล้ว”

ผู้กองหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเดินลงบันไดมารับข้าวขาหมูจากจ่อยที่ยืนทำหน้าทะเล้นอยู่หน้าบ้าน

“ไม่สบายหรือครับผู้กอง”

“เปล่า ฉันง่วงนอน”

“ท่าจะดูหนังเพลินไปนะครับ” จ่อยยิ้มส่อแววเจ้าเล่ห์

ผู้กองหนุ่มยิ้มแล้วมองหน้าพลทหารนิ่ง ๆ เท่านั้นแหละ พลทหารก็รีบขอตัวกลับไปทำงานต่อ ตะวันส่ายหน้าแต่ไม่ได้ติดใจอะไร ชีวิตเขาหนุ่มโสด พ่อกับแม่ฝากฝังไว้กับลุงที่เป็นจ่าแก่ ๆ ในมณฑลทหารบกแห่งเดียวกัน ลุงของเขามีครอบครัวแล้ว ลูกทำงานที่กรุงเทพฯ กันหมด อีกไม่กี่ปีก็เกษียณ เขาชวนมาอยู่ที่นี่ด้วยกันก็ไม่มา แต่ก็ให้เจ้าจ่อยพลทหารที่อยู่แถวกองฝึกแวะมาดูเขาอย่างสม่ำเสมอจนในที่สุดก็มาอยู่ประจำกับเขาที่บ้านพัก

ตะวันถอนใจ เมื่อนึกถึงความฝันอันซ้ำซากที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง อดนึกไม่ได้ว่า ตัวเองมีพันธสัญญาอะไรกับใครไว้ เขาไม่ใช่ทหารม้า ม้าก็ไม่เคยขี่ แปลกที่ได้ยินเสียงม้าก้องอยู่ในมโนสำนึก ตะวันพยายามคิดแล้วคิดอีกก็คิดไม่ออกว่าตัวเองไปเกี่ยวพันอะไรกับม้า บางครั้งก็คิดเลยเถิดไปว่า ตัวเองไปสาบงสาบานอะไรไว้กับหญิงสาวคนไหน

ไม่มี!

ตะวันเชื่อตัวเองว่าไม่มี เขาไม่ใช่คนความจำเสื่อม ไม่ใช่คนเหลวไหล

ให้ตายเถอะเจ้าพล เพื่อนสนิทของเขา มันยังไม่เชื่อเขาเลยว่าเขาจะไม่มีใครอื่น เขามีเพียงสโรชาเท่านั้น