ep13
“ผมเศร้าเหลือเกิน เศร้าจนไม่อยากจะตื่นขึ้นมา หากเป็นไปได้ ผมอยากกลับไปปลอบใจเธอเหลือเกิน” ตะวันสารภาพ
“ฟังผมนะผู้กอง” หมอชยนต์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ภาพที่คุณเห็นเป็นภาพของอดีต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณไม่สามารถที่จะเข้าไปแก้ไขได้ อดีตจะดำเนินไปเรื่อย ๆ ตามเหตุการณ์ที่มันเคยเกิดขึ้น เราไม่สามารถเข้าไปขัดขวางหรือแก้ไขมันได้ คุณต้องเข้าใจ อดีตมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว”
“เราแก้ไขอดีตไม่ได้” ตะวันพึมพำ
“ใช่... เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราสามารถใช้อดีตมาแก้ไขปัจจุบันได้”
หมอชยนต์จ้องตาตะวัน ที่เวลานี้แห้งโหยและตกเต็มไปด้วยความเศร้า
“แก้ไข....”
“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต ภาพอดีตของคุณดูมันยาวนาน เราต้องดูมันต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงจุดของมัน แล้ววันนั้น คุณจะได้คำตอบเองว่าคุณจะทำอย่างไร?”
“ผมยังจะต้องรอไปอีกนานแค่ไหนหรืออาหมอ?”
ตะวันยกมือขึ้นกุมหัว เขารู้สึกปวดร้าวไปถึงเรื่องราวที่จบเจอ จนถึงวันนี้ เขารู้แล้วว่า เขาคือบุญอิน เกิดอะไรขึ้นกับบุญอิน ระหว่างที่เขาจากคำสีมา เกิดอะไรขึ้น ยิ่งคิดตะวันก็ยิ่งปวดหัว รวดร้าวไปถึงประสาทที่เหนื่อยล้าจากการนำจิตลงสู่อดีต
"ผมไม่อยากให้คุณหักโหมนะ มันไม่ดีต่อสุขภาพของคุณเอง เราจะไปอย่างช้า ๆ ตามสภาพของคุณ”
หมอชยนต์บอกเหตุผลของการที่เขาต้องปลุกตะวันตามเวลา
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจอาหมอ แต่ใจหนึ่งผมก็อยากรู้เรื่องโดยเร็ว ผมอยากรู้ว่าเรื่องของบุญอินกับคำสี จะจบลงอย่างไร?”
“เอาเถอะ ผมว่าตอนนี้คุณนอนก่อนดีกว่า พักผ่อนแล้วตื่นขึ้นมาค่อยคุยกัน ผมว่าตอนนี้เราก็ได้ข้อมูลในอดีตของคุณหลายอย่างแล้วนะ”
“ครับ ผมขอพักผ่อนก่อน”
สายใยแห่งอดีต... ผูกเขาไว้หรอกหรือ?
คำสี... คำสีของพี่ หัวใจของคำสี รอยยิ้มของคำสี ผูกใจพี่ไว้ไม่คลาย สายใยเส้นบางเบาแลมองไม่เห็น แต่รัดเหนียวแน่นยิ่งกว่าใยแมงมุม ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งเศร้าหมองในจิต คำสีสายใยของเจ้าเหมือนบ่วงที่รัดใจพี่จนไม่อยากฝืนคืนสู่ปัจจุบัน
คำสี พี่ควบม้าตามหาเจ้า เจ้าไปอยู่ที่ไหนหรือ?... คำสีเอ๋ย
“เวียงพระธาตุที่คุณบอกผมนั้น ผมคาดว่าเป็นเมืองแห่งหนึ่งที่อยู่ฝั่งแม่น้ำโขง แต่เรายังสรุปอะไรตอนนี้ไม่ได้ หมู่บ้านของคำสีคงไม่ไกลจากเวียงพระธาตุที่คุณไปเป็นทหาร เพราะครึ่งวัน คุณก็ใช้ม้าเดินทางถึงเวียงแล้ว”
“ผมจำเป็นต้องไปที่สถานที่แห่งนั้นหรือเปล่าอาหมอ? เผื่อว่าสถานที่จริง มันจะทำให้ผมจำอะไรได้”
ตะวันครุ่นคิดกับหมอชยนต์ เขาพยายามตามหาสายใยที่ร้อยรัดเขาไว้จากอดีตถึงปัจจุบัน แม้เปลี่ยนชาติภพ
“ผมคิดว่ายังไม่จำเป็นต้องเดินทางไปหรอก คราวหน้าผมจะสะกดจิตคุณอีกครั้ง บางทีความทรงจำในอดีตชาติของคุณคงให้คำตอบเรามากกว่านี้”
หมอชยนต์ตบไหล่คนไข้ที่ตอนนี้สนิทสนมกับเขาเหมือนอาหลานคู่หนึ่ง คงเพราะผู้กองตะวันเองก็เป็นเพื่อนของพลหลานของหมอชยนต์นั่นเอง
อดีตของตะวันนั้นอยู่ลึกมากกว่าที่ความทรงจำของตะวันจะดิ่งลึกลงไป ต้องใช้เวลา และกว่าที่ตะวันจะพูดในสิ่งที่เห็นออกมานั้น มันเจือไปด้วยความโศกเศร้าอาดูร
การพลัดพรากจากคนที่รักแล้วจมอยู่ในบ่วงของมัน ไม่ใช่เรื่องไร้สาระที่ใครหลายคนค่อนขอด แต่เพราะจิตที่ยึดแน่นกับการพยายามหาคำตอบจากการพลัดพราก ที่ส่งผลให้มนุษย์มีอารมณ์ที่ไม่มั่นคงเป็นปกติ
ตะวันคงอยู่ในอาการเหล่านี้... เขากำลังแสวงหาคำตอบของการพลัดพรากจากกัน
สโรชาตกอยู่ในอาการซึมเศร้า ทั้งที่ภายนอกแสร้งทำร่าเริง แต่ก็หาได้พ้นจากการสังเกตของคุณหญิงนวลจันทร์มารดาของเธอไปได้
“เกิดอะไรขึ้นรึ หมู่นี้ไม่เห็นตะวันมาที่บ้านบ้างเลย”
“ตะวันเขางานยุ่งค่ะแม่” สโรชาหันมายิ้มกับมารดาประหนึ่งว่าเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีสิ่งใดที่ขุ่นข้องหมองใจต่อกัน
“งานแต่งล่ะลูก เดือนหน้านี้แล้วนะ จัดการไปถึงไหนแล้ว? ฝ่ายโน้นเขาบอกจะกำหนดวันเอง เขากำหนดหรือยังล่ะ แม่ว่ามันกระชั้นชิดเกินไปนะ”
“ก็คงเลื่อนไปก่อนน่ะค่ะแม่ แล้วงานที่ตะวันกับหนูต้องการก็แค่เชิญญาติมาร่วมในพิธีเท่านั้น ไม่ต้องยุ่งยากอะไรหรอกค่ะ”
