ep12
อรุณแรกแทรกผ่านม่านเมฆที่ละล่องเป็นปุยขาวอยู่แคมแม่น้ำของ บุญอินลูบแผงคอม้าที่กำลังจะพาเขากลับสู่เวียงพระธาตุ เสบียงถูกจัดห่อไว้อย่างดีด้วยฝีมือของผู้สาวหมู่บ้านแคมน้ำของแห่งนี้
หน้าแล้งแม่ของแห้งเนินทรายผุด หน้าน้ำแม่ของเชี่ยวน่ากลัวนักหนา
บุญอินลาดตระเวนด้วยม้าศึกร่วมหมู่เพื่อน เจอโจรป่าก็แตกกระเซ็นเซ่นซ่านไม่รู้ทิศรู้ทาง ข่าวคืบแจ้งว่ารอดอยู่ไม่ถึงครึ่ง และบุญอินก็คือหนึ่งในนั้น
แม่หญิงคำสี สาวงามของหมู่บ้านคือผู้พบ และสบตาครั้งแรกก็แจ้งสิเน่หาต่อกัน อันนี้คือรักแรกพบที่บุญอินบ่คาดฝัน ร่างที่สะบักสะบอมจากการโจมตีมิรู้ทิศทาง ร่างร่วงทรุดลงตรงหน้า แต่ด้วยวงหน้าที่เจ้าตัวเห็นก่อนหมดสติ จึงเชื่อแน่ว่าเขาจะมีชีวิตรอด
“คิดการใด อ้ายบุญอิน ใจล่องเสียนัก” เสียงหวานใสกรายใกล้เข้ามา
“คำสี อ้ายนึกถึงความหลังที่เราพบกันคราแรกนั้น” บุญอินหันกลับมาโอบไหล่ดึงร่างบางเข้าหา
“มีสิ่งใดผิดพ้องหมองใจหรือจ๊ะอ้าย?”
“บ่ได้มี อ้ายกำลังนึกขอบใจโจรป่าที่นำพาให้อ้ายมาพบแม่หญิงคนงามของหมู่บ้าน”
คำสียิ้มขวยอาย ก้มหน้าแก้มแดงระเรื่อ แม้คบหาผูกข้อมืออยู่กินกันมาหลายเดือนก็ยังไม่สร่างอายที่ถูกคำชม
“อ้ายละเลยผู้สาวหมู่บ้านใกล้ได้อย่างใดหนอ? นี่ถ้าไม่หนีโจรป่าเจียนตายมาที่นี่ คงไม่พบคำสีเป็นแน่แท้”
“ผู้สาวในเวียงอ้าย ก็งามนัก” เสียงเล็กแทรกขึ้น
“บ่งามเท่าสาวที่อยู่ตรงหน้าอ้ายนี้ดอก” สองมือมั่นกระชับสองมือน้อย
“งามบ่งาม บ่แม่นสิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญอยู่กับใจอ้าย ใจอ้ายเป็นของคำสี หากมีผู้สาวใดงามล้นเหลือใดมายืนอยู่ตรงหน้าอ้าย ก็บ่มีความหมายใดดอก คำสีเอ๋ย”
คำสียิ้มซุกหน้าเข้าอกกว้าง ใกล้สางแล้วบุญอินต้องเดินทางเข้าเวียง คราวนี้จักไปนานเท่าใดบ่ฮู้ คราวก่อนเข้าเดือนออกเดือนก็จักห่วงหาอาทร คิดฮอดไม่คลาย แต่คราวนี้เห็นแจ้งมาว่าอาจจะยาวนานกว่าคราวก่อน เพราะมีเรื่องราวให้กระทำ หรือคราวนี้ทหารอย่างเขาจำต้องฝ่าดงถึงภูควายเพื่อสักการะผีป่าไพร แลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ภูนั้น
“ฟ้าสางแล้ว อ้ายต้องเดินทางเสียตอนนี้ กว่าจะถึงเวียงก็ตะวันตรงหัวพอดี”
“เดินทางระวังภัย ขอผีฟ้าครองคุ้มอ้ายบุญอิน”
อ้อมกอดนี้อาลัยนักหนา ผีฟ้า ผีแถน ช่วยด้วยเถิด ช่วยผัวรักคืนกลับอ้อมกอดนี้
บุญอินโหนตัวขึ้นอานม้ากระชับบังเหียนให้เข้าที่ ยิ้มร่ำลาเมียรัก แล้วชักม้าเดินทาง คำสีโบกมือลา คราใดก็ไม่มีน้ำตา เว้นเสียแต่ว่าครานี้ หยาดน้ำร่วงรินอาบแก้มอาดูรกว่าครั้งไหน คำสีบ่เข้าใจ สังหรณ์ใดหรือ จึงเหมือนการร่ำลาสุดท้าย
เสียงสะอื้นร่ำไห้แว่วอยู่ในโสตประสาท ใจถอดถอนอนิจจา คำสีผู้มีใจภักดิ์ ร่ำลาผัวรักมากครั้ง แต่ไยครั้งนี้จึงอาดูร
******************
“ตะวัน ตะวัน”
เสียงเรียกให้ตื่นจากภวังค์หลับลึกของหมอชยนต์ทำให้ตะวันรู้สึกตัว ภาพในภวังค์เลือนหายไปแล้วเหลือเพียงความมืดมิด และความเศร้าโศกที่ระทดระทวยอยู่ในความรู้สึกสงสาร สงสารเสียนักคำสีของอ้าย
‘คำสีของอ้าย’
“ผู้กองตะวันครับ”
“ครับ อาหมอ ขอผมอยู่คนเดียวก่อนได้ไหมครับ ผมตื่นแล้ว”
ตะวันตอบหมอชยนต์ออกไป เขานอนนิ่งที่เก้าอี้ปรับเอนนอนที่หมอชยนต์สะกตจิตให้เขาดำดิ่งลึกลงไปในอดีตชาติ เขาเจ็บลึกและเศร้าอย่างโหยหาจนไม่อยากตื่น อยากจะคืนกลับไปปลอบประโลมคำสี คำสีของพี่... อย่าเศร้าไปนักเลย
“ผมว่าคุณลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาดีกว่านะครับ”
หมอชยนต์เอ่ยเตือนซ้ำ ดูเหมือนคนไข้ของเขากำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์จนแยกระหว่างอดีตและปัจจุบันไม่ได้ เขาอยากให้ตะวันเข้มแข็งและยอมรับในปัจจุบันมากกว่า แต่ตะวันกลับอยากให้เขาพากลับสู่อดีตเพื่อค้นพบเรื่องราวทั้งหมด
“ผู้กอง นั่งลงก่อนสิ”
หมอชยนต์เงยหน้าขึ้นบอกตะวัน เขากำลังจดบันทึกบางอย่างลงไป มันดูเหมือนเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งและผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังพลัดพรากจากกัน
