ep11
สโรชานั่งรอตะวันอยู่ที่บ้านด้วยความสงสัย หลายวันมานี่ ตะวันดูห่างเหินและไม่โทรศัพท์ถึงเธอเลย เมื่อเธอถามก็เอาแต่บอกว่าไม่มีอะไร แต่ความไม่มีอะไร คือ ความผิดปกติที่เธอสัมผัสได้
เสียงรถของตะวันแล่นเข้ามาในบ้าน เจ้าจ่อยเสนอหน้าออกไปรับ
สโรชาลอบถอนใจ ไม่รู้ว่าวันนี้ตะวันจะยอมบอกเรื่องราวที่เขาปิดบังเธอไว้หรือไม่?
“บัวมานานแล้วหรือ?” เสียงตะวันเอ่ยทัก ใบหน้ายิ้มแย้มราวกับไม่มีเรื่องใดที่ขุ่นข้องหมองใจต่อกัน
“วันนี้คุณไปไหนมาคะ? บัวมารอตั้งแต่บ่าย นี่ก็เย็นย่ำ คุณเพิ่งกลับมาถึงบ้าน”
“ผมไปธุระมาน่ะ กว่าจะเสร็จ บัวมีธุระอะไรหรือ?”
“ทำไมคะ เดี๋ยวนี้บัวมาหาคุณต้องมีธุระด้วยเหรอ?” สโรชารู้ว่าคำพูดเช่นนี้ หาเรื่องชัด ๆ แต่ก็อยากจะรู้ว่าทำไมเขาต้องถามเธอแบบนี้?
“โอ๊ะ! ผมขอโทษ บัวมีอะไรให้ผมช่วยล่ะจ๊ะ ทำไมไม่โทร.หาผมล่ะ?”
ตะวันควักโทรศัพท์ออกมาดู แล้วยิ้มแห้ง
“ตายล่ะ ผมปิดโทรศัพท์ไว้”
ตะวันรีบเปิดเครื่อง ไม่นานนักก็มีเสียงเตือนจากข้อความเข้ามาหลายข้อความ เขาไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่าเป็นข้อความจากคนตรงหน้านี้เอง
“ธุระอะไรคะ? สำคัญมากต้องปิดโทรศัพท์เชียวหรือคะ?”
สโรชาถามเสียงเย็นชา ตะวันลุกขึ้นเดินเข้ามาโอบสโรชาไว้ในอ้อมแขน ก้มลงเกยคางที่ไหล่มนอย่างประจบเอาใจ
“จริง ๆ ผมไม่ได้เปิดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ผมปิดไว้ไม่อยากให้ใครโทร.มาตอนผมพยายามจะหลับนะครับ”
ตะวันจำต้องพูดโกหกออกไป เขาต้องปิดโทรศัพท์อยู่แล้วในช่วงเวลาของการรักษา
สโรชาผละตัวเองออกจากอ้อมแขนคนรัก จับมือทั้งคู่ไว้แล้วจ้องตาอย่างจริงจัง
“บอกบัวมาเถอะค่ะ ว่าคุณไปไหนมา?”
“ถ้าบอกบัวแล้ว บัวจะทำอะไรล่ะจ๊ะ?” ตะวันยิ้มทำเป็นใจดีสู้เสือ
“ก็ไม่ทำไมหรอกค่ะ ผู้หญิงน่ะ แค่แจ้งให้รู้ว่าโทร.ติดต่อได้ อยู่ที่ไหน แค่นั้นก็พอแล้ว”
“จริงหรือ?”
“จริงสิคะ” น้ำเสียงงอนอย่างปิดไม่มิด
“ผมติดตามนายน่ะ ทุกวันเสาร์อาทิตย์ปฏิบัติราชการลับบางอย่าง บัวรู้เท่านี้พอไหมครับ?”
สโรชาจ้องตาของตะวันนิ่งและตะวันก็นิ่งอย่างที่สุด สาวเจ้าเม้มปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่เรื่องทางราชการทหารก็ยากที่จะซักไซ้ไล่เลียง ด้วยมารยาทเธอไม่ควรทำ เธอรู้กาลเทศะ
“อย่าให้บัวจับได้ว่าโกหกนะคะ?”
สโรชาไม่วายขู่ เธอเชื่อทุกคำที่ตะวันพูด แต่ลึก ๆ ทำไมเธอกังวลใจนักว่าเขาปิดบังเธออยู่ ที่เขาบอกว่าสัญชาตญาณผู้หญิงแรงก็คงจะเป็นแบบนี้ และถ้ามีมาก ๆ เข้าสงสัยทะเลาะกันตาย
“ว่าแต่บัวเถอะ พักนี้หายเงียบไปเลยนะครับ ผมเองก็ยุ่ง ๆ ไม่ได้โทร.ไป”
สโรชายิ้มแล้วส่ายหน้า
“คุณนี่ไม่ไหวเลยนะคะ ปากคุณก็พูดเองว่าคุณไม่ได้โทร.หาบัว แล้วยังจะมีหน้ามาบอกว่าบัวหายเงียบไป”
“จริงสิ” ตะวันหัวเราะ พลางโอบไหล่หญิงสาวไปที่รถ
“จะไปไหนคะ?” สโรชาร้องถามอย่างตกใจ
“ไปหาอะไรทานน่ะสิ เราไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว ไปทานข้าวนอกบ้านกันดีกว่า”
“เดี๋ยวสิคะ บัวไปเอากระเป๋าก่อน”
“เอาไว้นั่นเถอะเดี๋ยวก็กลับมา รถของคุณก็อยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ?”
“โทรศัพท์ล่ะคะ?”
“ช่างมันเถอะ นอกจากผมแล้ว คุณยังโทร.หาใครอีกหรือ?”
ได้โอกาสตะวันก็สำทับเพื่อให้ตัวเองเป็นต่อ และมันก็ได้ผล
เมื่อสโรชาเงียบลงทันที ยอมขึ้นรถไปกับเขาโดยไม่ปริปากบ่นอะไรอีกเลย
‘คำสี’ หญิงสาวคนนั้น สวยหวานนักหนา คำพูดคำจาแปลกหู แต่ดูระรื่นแช่มชื่นเหลือเกิน แม้เพียงเห็นเขาก็หลงรักคำสีเสียแล้ว หรือเพราะว่าเขารักคำสีมาโดยตลอด
“ตะวันคะ? คุณตะวัน”
เสียงตะโกนเรียกอยู่ข้าง ๆ ทำให้ตะวันสะดุ้งตกใจก่อนจะขับรถคลื่อน ออกไปจากสี่แยกไฟแดงที่จอดติดอยู่เมื่อชั่วครู่ เขาเผลอตัวคิดถึงผู้หญิงคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ข้าง ๆ เขานั้น คือผู้หญิงที่เขาเชื่อว่าเขารักเธอ
“เป็นอะไรไปหรือคะ? เหมือนคนเหม่อ ๆ ฝัน ๆ ชอบกล” สโรชาไต่ถามด้วยความสงสัย
“ผมคิดอะไรเพลิน ๆ นะครับ” ตะวันตอบเลี่ยง ๆ ไป สโรชาผู้หญิงที่เขาเลือกแล้ว เธอไม่มีอะไรที่เขาไม่ชอบใจ เธอทันเขาในทุกอย่าง แต่ไม่เคยก้าวล้ำนำหน้าเขาแม้สักครึ่งก้าว ผู้หญิงอย่างเธอจะหาได้ที่ไหนอีก
ความเหมาะสมงั้นหรือ? เขาเลือกสโรชา เพราะความเหมาะสม เพราะเธอฉลาดงั้นหรือ?
“มีอะไรหรือคะคุณ? นั่งจ้องบัวอยู่ได้ นานแล้ว”
สโรชาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกึ่งงอนกึ่งเขิน เขาใจลอย ๒ ครั้งแล้วในค่ำวันนี้ ครั้งแรกที่ไฟแดง และอีกครั้งที่โต๊ะอาหารนี่
“คุณรักผมไหม?” จู่ ๆ ตะวันก็เอ่ยถาม
“คะ?” สโรชาสะดุ้ง คำถามที่เหมือนว่ามีอะไรมากกว่านั้น
“คุณรักผมไหม? ....คุณรักผมเพราะอะไร?”
ตะวันถามย้ำขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ความสนใจใคร่รู้อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“มาถามอะไรตอนนี้คะ เราหมั้นกันแล้วนะคะ จะเหลือก็แค่งานแต่งเท่านั้น” สโรชาถอนใจ นึกรู้เขามีอะไรที่ปิดบังเธอไว้แน่นอน ไม่เช่นนั้นเขาไม่ทำตัวแปลกประหลาด ผิดไปจากทุกวันอย่างนี้หรอก
