ep10
บุญอินยิ้มโอบกอดนางไว้ด้วยใจรักไม่คลาย ผู้สาวเวียงพระธาตุ ล้วนงามบ่ผิดคำอีสาวข้างเรือน แต่บุญอินติดตาต้องใจผู้สาวหมู่บ้านนี้เสียแล้ว แม่น้ำของไหลรี่ชั่วนาตาปีอาจพัดก้อนกรวดมนกลมได้ แต่ใจของมันไม่ใช่ก้อนกรวดมนกลม เพราะใจของมันมีสติที่ยึดครองเหนียวแน่นบ่แปรเปลี่ยน
“งามฤาบ่? อ้ายบุญอิน”
“อันใดงาม” บุญอินถาม ทั้งที่ประจักษ์ใจอยู่
“ผู้สาวเวียงพระธาตุ”
บุญอินก้มหน้ามองหน้าแฉล้มอ่อนหวานอย่างหลงใหล ก่อนก้มลงจูบปรางนวลด้วยรักสิเน่หา
“ผู้สาวเวียงพระธาตุงามคักขนาด เพราะอยู่แต่ในเมือง แต่บ่งามเกินนางดอก คำสีของอ้าย”
‘คำสีของอ้าย’
**************
ตะวันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ หายใจหอบแรง ‘บุญอิน’ กับ ‘คำสี’ คำสีผู้มีใบหน้างามนัก สวยงามน่ารัก น่าใคร่ ตะวันจับใจคำสีจนเสียดายที่เขาตื่นขึ้นมาจากภวังค์เร็วเกินไป
“ไปล้างหน้า ล้างตาก่อนเถอะคุณ ครั้งนี้คุณไปลึกมาก”
ตะวันขัดใจหมอชยนต์ เหมือนกับสิ่งที่หมอชยนต์กล่าวมานั้นไม่ถูกต้อง เขาเพิ่งจะคุยกับคำสีไปเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น
เมื่อตะวันกลับเข้ามาแล้ว หมอชยนต์นั่งรอเขาที่เก้าอี้ตัวเดิม ท่าทางของหมอชยนต์เรียบเรื่อย
“อาหมอ นี่มันบ่ายโมงกว่าเชียวหรือครับ?”
ตะวันถามอย่างตกใจ วันนี้เขามาหาหมอชยนต์ตั้งแต่เช้า และเริ่มต้นให้หมอชยนต์สะกดจิตเขานำสู่อดีตกาล ภาพที่เขาเห็น เสียงที่เขาได้ยิน มันเป็นเพียงชั่วครู่ แต่เมื่อเขากลับมา เวลามันผ่านไปหลายชั่วโมงจนเขาไม่อยากจะเชื่อ
“จิตของคุณดิ่งลึกมาก เพราะคำสั่งภายใต้จิตใต้สำนึกของคุณ ต้องการค้นหาสิ่งที่คุณสงสัย”
“เพราะอย่างนี้ใช่ไหมครับ? ทำให้ผมหลับไปหลายชั่วโมงทีเดียว”
ตะวันนวดต้นคอตัวเองเบา ๆ เหมือนว่าครั้งนี้เขาปวดหัวเล็กน้อย
“กว่าคุณจะจมดิ่งลงในภวังค์ กว่าที่คุณจะจับสัญญาณของอดีตได้ ก็ใช้เวลาอย่างที่คุณเห็น”
“คนอื่น ๆ ก็เป็นอย่างผมหรือครับ?”
ตะวันอดไม่ได้ที่จะถึงถามคนอื่น ๆ ที่เคย... ระลึกชาติ
“ก็แล้วแต่นะครับ บางคนก็ดิ่งเร็ว บางคนก็ช้า และบางคนไม่สามารถระลึกชาติได้เลย”
“เพราะอะไรหรือครับ?”
“หลายสาเหตุ แต่ผมอยากให้คุณรู้เฉพาะเรื่องของคุณน่าจะดีกว่านะครับ เพราะตอนนี้ท่าทางคุณแย่มากทีเดียว”
เรื่องของคนไข้คนอื่น ๆ เขาไม่อยากพูดถึงนัก แต่จะเล่าให้คนไข้รายอื่นฟังบ้างเป็นวิทยาทาน ก็ส่วนใหญ่มักจะไม่เล่านอกจากในงานทางวิชาการที่ต้องยกตัวอย่างเท่านั้น
ตะวันกะพริบตา ครั้งนี้ก็เหมือนครั้งก่อน เขาง่วงมากเหลือเกิน แต่ทำไมวันนี้เขามีอาการปวดหัวร่วมอยู่ด้วย
“ค่อย ๆ เดินไปพักนะครับ คุณรู้อยู่แล้วว่านอนตรงไหน?”
เสียงหมอชยนต์แว่วมาไกล ๆ ทั้ง ๆ อยู่ไม่ห่างจากตัวเขาเท่าใดนัก
“ทำไมผมถึงง่วงนักละครับ?”
“คุณใช้พลังมาก ต้องพักผ่อนน่ะครับ แต่การหลับแบบนี้ของคุณ เป็นการหลับแบบธรรมชาติ และเพราะคุณได้ใช้พลังงานไปมาก คุณจึงหลับลึก และตื่นขึ้นมาอย่างแจ่มใส”
หมอชยนต์กล่าวอธิบาย เมื่อเห็นว่าสติของตะวันยังพอรับรู้ได้
“นั่นน่ะสิครับ ผมหลับลึกและตื่นอย่างสบาย หลังจากที่มาหาอาหมอ ขอบคุณนะครับอาหมอ”
เสียงนั้นพึมพำผ่านลำคอและเงียบไปในที่สุด เขาหลับแล้ว
คนไข้รายนี้ของเขา ดูไม่เหมือนคนไข้รายอื่น ๆ ที่มักจะระลึกชาติในจุดที่เป็นปัญหาโดยตรง และสามารถแก้ไขมันได้ตามเคสแต่ละคน หากเป็นเคสเกี่ยวกับกรรม ก็ทำสังฆทาน อโหสิกรรม หากเป็นเคสเกี่ยวกับความหวาดกลัว เขาจะชักจูงจิตให้เข้มแข็ง จนต่อสู้กับมันได้ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่...
ข้อมูลที่เขานำมาปะติดปะต่อกันหลังจากที่ตะวันมารักษากับเขาโดยเลือกวิธีการสะกดจิตเพื่อค้นหาคำตอบในความฝัน เขาย้อนกลับไปถึงชาติที่แล้วของเขา
ม้า บุญอิน และ คำสี ๓ อย่างนี้ คือ สิ่งที่เขากำลังค้นหาคำตอบ
ตอนนี้เขาพอจะจับต้นชนปลายได้บ้างแล้วว่าบุญอินและคำสีนั้นคือคู่รักกัน และม้าคือพาหนะของบุญอิน แต่เหตุใดบุญอินจึงตามหาคำสีในการสะกดจิตครั้งแรก เกิดอะไรขึ้นกับคำสีหรือ? บุญอินจึงติดตามหาคำสีอย่างบ้าคลั่ง
เขาสังหรณ์ใจอย่างหนึ่งขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล อาจจะด้วยเพราะความเป็นหมอที่ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของคนไข้มาร้อยแปดพันเก้า เขาเชื่อว่าบุญอินติดตามค้นหาคำสีมาตั้งแต่อดีตชาติ แต่จะนานเท่าใด? ไม่สามารถคำนวณได้ แต่การตามหานั้น ติดตามค้นหามาจนถึงชาตินี้ ชาติที่บุญอิน คือ ผู้กองตะวัน
