บทที่3
มนสิชานั่งรถกลับมาบ้านโดยมีพี่ชายเป็นคนขับรถมาส่งด้วยตัวเอง ตลอดการเดินทางหญิงสาวไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำนอกจากผินหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วร้องไห้กับตัวเองเบาๆ จนเมื่อถึงที่หมายสองพี่น้องก็พากันเดินเข้าไปในบ้านก่อนที่หญิงสาวจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวหมุนตัวกลับมาโผกอดพี่ชายทั้งน้ำตาที่ร่วมใจกันไหลออกมาอีกครั้ง
“ฮึก! พี่รักษ์มนขอโทษ พี่รักษ์อย่าโกรธมนเลยนะคะ มนไม่รู้จริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมมนถึงได้…” ไม่ปฏิเสธเขา ไม่ขัดขืนให้มากกว่าที่ทำลงไป นั่นคือเสียงที่ดังต่อท้ายแต่ภายในใจ มนสิชาถามกับตัวเองทั้งๆ ที่เธอรู้คำตอบนั้นดี นั่นคือเธอรักเขา รักเขามากจนห้ามเขาไม่ลง ยิ่งยามที่เขาเอ่ยเอื่อนชมว่าน่ารัก มันยิ่งทำให้เธออยากจะสมยอมและทำทุกๆ อย่างเพื่อให้เขาได้มีความสุขจนกว่าจะรู้ตัวทุกอย่างมันก็สายเกินจะหวนกลับ
เธอคิดเข้าข้างตัวเองเอาเองว่าที่เขาหว่านล้อมกันด้วยสารพัดคำหวานนั้นเพราะเขาคงจะรู้อยู่แล้วว่าคนที่เขากำลังกอดจูบคือเธอไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่นที่ไหน หากแต่เธอคิดผิด เพราะประโยคสุดท้ายที่เขาเอ่ยออกมานั้นกลับเป็นการสารภาพรักกับใครอีกคนที่เธอเทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย มันเจ็บเสียยิ่งกว่าตอนที่ร่างกายถูกแก่นกายของเขาแทรกผ่านร่าง มันเจ็บจนร้องไม่ออกเมื่อมารู้ความจริงก็ตอนเมื่อสายว่าตลอดเวลาที่มีความสุขร่วมกันนั้นเขาคิดว่าเธอคือแพรวาแฟนสาวของเขามาโดยตลอด ยิ่งคิดมนสิชาก็ยิ่งรู้สึกสมเพชเวทนาตัวเองเหลือเกินที่เขายอมที่จะตกลงแต่งงานด้วยก็คงแค่ไม่อยากมีปัญหากับแม่ของเขาหรือกับพี่ชายของเธอเท่านั้น
เขาไม่เคยรัก และคงไม่มีวันที่จะมารักผู้หญิงอย่างเธอ!
“อย่าร้องไห้สิมน พี่ไม่ได้โกรธแกเลยสักนิด! เพราะพี่รู้ว่าน้องสาวของพี่เป็นคนยังไง แต่ตอนนี้เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว ยังไงซะไอ้กันต์มันก็ต้องรับผิดชอบแก เลิกร้องไห้แล้วเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวได้แล้ว” รักษ์พยายามปลอบโยนน้องสาวแต่อีกใจเขาก็อดห่วงกันธีไม่ได้อยู่ดี เขารู้ว่าน้องสาวของเขาชอบมันมากตั้งแต่แรกเห็น แต่มันเองก็มีคนรักอย่างคุณแพรวาอยู่แล้วทั้งคน
บอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่ว่ามันจะจบลงแบบไหนก็ต้องมีใครสักคนที่ต้องถอยและเจ็บปวด!
ด้วยเม็ดเงินมูลค่าไม่ต่ำกว่าสองล้านบาทที่คุณหญิงโฉมไสวทุ่มทุนเพื่อต้อนรับสะใภ้ในดวงใจของนาง งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่สมฐานะของฝ่ายเจ้าบ่าวจึงถูกจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนต่อมาท่ามกลางความตกอกตกใจของผู้คนมากมายที่จู่ๆ เจ้าสาวของกันต์ธีร์นั้นกลับไม่ใช่หญิงสาวหน้าหวานที่มักจะแอบเป็นข่าวกับเขาบ่อยๆ แต่กลับเป็นน้องสาวเพื่อนสนิทของชายหนุ่มแทน โชคยังดีที่คุณหญิงโฉมไสวหลักแหลม นางแถลงข่าวต่อหน้านักข่าวโดยตอบไปแต่เพียงว่ากันต์ธีร์กับมนสิชาคบกันอย่างลับๆ มานานแล้ว และที่ทั้งสองคนไม่พยายามออกสื่อก็เพราะว่าฝ่ายเจ้าสาวเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวและไม่ใช่ชอบที่จะเป็นข่าวสักเท่าไหร่นัก
นั่นเลยทำให้เรื่องซุบซิบนินทาต่างๆ นานๆ รวมไปถึงความสงสัยของผู้คนเหล่านั้นเริ่มที่จะเลือนลายไปตามเวลา
“ยิ้มหน่อยสิมน นี่งานแต่งงานของแกนะ ทำไมทำหน้าบอกบุญไม่รับแบบนั้น” จินดาเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจเมื่อเห็นสีหน้าอมทุกข์ของเพื่อนรัก เธอเองก็รู้สึกผิดไม่ต่างจากคนอื่นๆ เมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเพื่อนรักในคืนปาร์ตี้เรียนจบ แต่อย่างน้อยคนที่เป็นคนทำเรื่องทั้งหมดก็ไม่ใช่ผู้ชายอื่นที่ไหนนอกจากคนที่เพื่อนของเธอหลงรักหมดหัวใจมานานหลายปี
“แกว่าฉันหนีไปเลยดีไหมหวาน! พี่กันต์เขาไม่ได้รักฉัน คนไม่ได้รักกันจะอยู่กันรอดเหรอ” มนสิชาตอบกลับเสียงแผ่ว
“พูดอะไรแบบนั้น ถึงเขาจะไม่ได้รักแก แต่แกรักเขาไม่ใช่เหรอมน แล้วฉันก็เชื่อด้วยนะว่าสักวันพี่กันต์ธีร์เขาจะมองเห็นมัน” มนสิชาไม่ได้ตอบกลับอะไรเพื่อนรักไปนอกจากทำหน้าเหมือนคนที่พร้อมจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เธอไม่ได้เจอหน้ากันต์ธีร์อีกเลย แม้แต่วันที่ไปลองชุดเขาก็ยังส่งเลขามารับแทนโดยอ้างว่าติดประชุมด่วน แต่เธอกลับรู้ดีกว่าใครๆ ว่าเขาไม่อยากมาเจอหน้าเธอเสียมากกว่า ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากให้เรื่องนี้เป็นแค่ฝันไป
แม้ว่านี่มันจะเป็นเพียงแค่ฝันดีที่สุดเท่าที่เคยได้ฝันมาของเธอเพียงคนเดียวก็ช่าง อย่างน้อยก็ยังดีกว่าที่เป็นอยู่นี้
“ว่ายังไงจ๊ะสาวๆ นี่พิธีการกำลังจะเริ่มแล้วนะลูก ไหนขอดูว่าที่สะใภ้ของแม่หน่อยสิว่าจะสวยสักแค่ไหนเชียว” เสียงจากคนมาใหม่ทำให้ทั้งมนสิชาและน้ำหวานต้องหันไปมองที่ประตูพร้อมกันก่อนจะพบว่าไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนนอกจากคุณหญิงโฉมไสวนั่นเองที่เดินเข้ามาพร้อมกับหยุดสำรวจมนสิชาพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู นางหลงรักเด็กคนนี้ตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักเธอ แม้ว่าจะพยายามเชียร์ให้กันต์ธีร์ลูกชายแต่ฝ่ายนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรนักหนาถึงได้คอยตั้งท่าทำเหมือนจะไม่ชอบขึ้หน้าหนูมนสิชาที่แสนจะน่ารักของนางไปเสียทุกทีที่เจอหน้ากัน
“วันนี้หนูมนของแม่สวยจริงๆ ยังไงขอป้าอยู่กับหนูมนสักประเดี๋ยวได้ไหมจ๊ะหนูหวาน” คุณหญิงโฉมไสวเอ่ยชมไปตามที่เห็น ไม่เสียแรงเลยจริงๆ ที่นางลงทุนสั่งตัดชุดแต่งงานชุดนี้ขึ้นมาเพื่อมนสิชาว่าที่ลูกสะใภ้โดยเฉพาะ ชุดแต่งงานยาวฟูฟ่องลากพื้นที่ประดับไปด้วยลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์ขัดกับผิวนวลลออของคนสวมใส่ได้อย่างลงตัวจนหาที่ติเตียนแทบไม่ได้
“ได้ค่ะคุณป้า ฉันลงไปรอที่งานนะแก สู้ๆ” มนสิชาพยักหน้าให้เพื่อนรักก่อนที่ทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบทันทีที่อีกฝ่ายจากไป เธอหันไปมองว่าที่แม่สามีที่หมุนตัวไปหยิบเอาไว้กล่องกำมะหยี่สีแดงมาสองกล่องอย่างไม่เข้าใจจนเมื่ออีกฝ่ายวางอีกกล่องลงที่โต๊ะแล้วหันมาจัดการเปิดกล่องในมือแทนดวงตาคู่สวยถึงได้เบิกกว้างขึ้นเมื่อพบว่ามันคือชุดเครื่องเพชรชุดใหญ่สีน้ำเงินที่ดูจากสายตาแล้วคงจะมีมูลค่ามากทีเดียว
“นี่มันอะไรกันคะคุณป้า…”
“นี่คือชุดเครื่องเพชรประจำตระกูลของแม่เองจ๊ะ แม่เก็บเอาไว้เป็นอย่างดีเพื่อหวังว่าสักวันจะได้มอบมันให้ว่าที่สะใภ้ในอนาคต และตอนนี้มันก็เป็นของหนู” มนสิชาจ้องมองเพชรในมือของอีกคนทั้งน้ำตา เธอซึ้งใจเป็นอย่างมากที่อีกฝ่ายไม่ได้รังเกียจหรือต่อว่าเธอเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง ท่านกลับช่วยเหลือเธอในทุกๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน
“หนูคงรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะคุณป้า คุณป้าก็รู้นี่คะว่าหนูกับพี่กันต์แต่งงานกันก็เพราะว่า…” เพราะว่าเขาต้องการที่จะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ความรักและไม่มีวันที่จะใช่!
“จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างจ๊ะ เพราะไม่ว่ายังไงตอนนี้หนูมนก็คือสะใภ้ของแม่อยู่ดี อีกอย่างหนูต้องเรียกแม่ว่าแม่ได้แล้วนะ เพราะว่าตอนนี้เราสองคนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว ไหนลองเรียกแม่สิจ๊ะ” รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นของคนตรงหน้าทำให้ว่าที่เจ้าสาวอดไม่ได้ที่จะโผเข้ากอดอีกฝ่ายทั้งน้ำตา ซึ่งคุณหญิงโฉมไสวก็กอดตอบพร้อมลูบหัวของเธอกลับอย่างอดเอ็นดูไม่ได้ นางไม่คิดรังเกียจเด็กคนนี้เลยสักครั้ง
“ได้ค่ะ คุณแม่” มนสิชายิ้มรับกับความสุขเล็กๆ ที่อย่างน้อยก็ยังมีคนตรงหน้าคนนี้ที่คอยปกป้องเธอจากทุกๆ เรื่องที่เธอไม่สามารถผ่านมันไปได้ด้วยตัวเอง หญิงสาวจำต้องแต่งหน้าซ้ำอีกรอบเพราะเสียน้ำตาไปมากโขก่อนที่เธอจะเดินลงมาจากห้องแต่งตัวพร้อมกับพี่ชายที่อาสาขอเป็นคนที่จะส่งตัวเจ้าสาวด้วยตัวของเขาเองซึ่งก็ไม่มีใครขัดในข้อนี้
ทุกๆ ย่างก้าวที่เดินตรงไปเบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นปนกลัวจนมนสิชาชักไม่แน่ใจแล้วว่าเธอพร้อมที่จะแต่งงานแล้วจริงๆ แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วก็คงยากที่จะถอยหลังกลับ หญิงสาวรวยรวมความมั่นใจให้กับตัวเองก่อนจะเดินตามแรงจูงของพี่ชายไปยังแท่นพิธีที่ตอนนี้มีร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีขาวสะอาดตายืนบอกบุญไม่รับรอคอยกันอยู่ไม่ไกล
“ฝากน้องฉันด้วยนะไอ้กันต์! ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่ของฉันเสียทั้งชีวิตของฉันก็มีแต่ยัยมนที่สำคัญมากที่สุด วันนี้ฉันจะขอวางมือน้องสาวฉันไว้บนมือแก แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งแกทำให้ยัยมนเสียใจ...ถึงวันนั้นเมื่อไหร่ฉันจะขอมือของน้องสาวของฉันคืนแน่ๆ” กันต์ธีร์พยักหน้ารับคำจากเพื่อนก่อนที่เขาจะผายมือออกไปเบื้องหน้าเพื่อรับเจ้าสาวแสนสวยของตัวเองมาจากพี่ชายของเธออีกที มนสิชาหันกลับไปมองพี่ชายอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าให้จึงค่อยๆ ส่งมือให้เจ้าบ่าวไป
