บทที่ 3
“มาแล้วเหรออาย” เจ้าบ้านที่มารอรับอยู่นานแล้วเอ่ยทักขึ้น
“อือ”
“นั่งรถเมล์แล้วต่อด้วยพี่วินอีกใช่ไหม ให้คนขับรถที่บ้านเราไปรับก็ไม่เอาท่าเดียว” ครองขวัญเดาการเดินทางของเพื่อนสนิทได้ถูกต้องราวกับติดอุปกรณ์ติดตามตัวไว้บนตัวของเกวลิน
“ไม่เอาหรอก”
“มา เราช่วยถือกระเป๋า”
“ไม่เป็นไร ไม่ได้หนักอะไรเลย” เกวลินปฏิเสธ จากนั้นครองขวัญจึงจูงมือเพื่อนสนิทไว้แล้วพากันเข้าบ้านโดยตรงไปยังห้องนั่งเล่น นั่งพักเหนื่อยดื่มน้ำที่แม่บ้านนำมาให้ไม่ทันไรเสียงรถคันหนึ่งก็เข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้าน ครองขวัญเบ้ปากทันทีเพราะต่อให้ไม่บอกเธอก็เดาได้ว่านั่นคือรถของใคร
เมื่อก่อนเธอมีเรียนจึงไม่ค่อยได้เจอหน้าดาวฉาย แต่พอเรียนจบก็ต้องเจอกันมากขึ้นวันเว้นวันเลยด้วยซ้ำ มากจนสงสัยว่าดาวฉายไม่ทำงานทำการเลยหรือไงหรือหวังแต่งงานกับพ่อเธอแล้วอยู่อย่างสนุกสบายเป็นหนูตกถังข้าวสาร พอสืบๆ ดูก็เหมือนว่าดาวฉายเองก็จะมีธุรกิจส่วนตัวอยู่บ้าง แต่ครองขวัญก็ยังอคติมองอีกฝ่ายในแง่ลบ
“ฝากหิ้วของท้ายรถด้วยนะจ๊ะ พอดีวันนี้ฉันจะจัดปาร์ตี้ฉลองให้คุณปราณที่เสนองานผ่าน”
“ค่ะคุณ” แม่บ้านเอ่ยรับขึ้น
“ค่ะคุณผู้หญิง” ดาวฉายย้ำคำที่เธอนั้นอยากให้แม่บ้านและคนรับใช้ที่นี่เรียกตัวเอง นั่นทำให้แม่บ้านที่ออกมาช่วยขนของอึกอักทันที
“เอ่อ”
“มีอะไรไปทำก็ไปเถอะค่ะป้าใจ” เสียงของ ครองขวัญดังขึ้น เธอเดินมาทันจึงได้ยินทุกคำที่ดาวฉายพูดไปเมื่อครู่นี้
“ค่ะคุณหนู”
“สรรพนามบางอย่างถ้ามันยังไม่ถึงเวลา เรียกไปก็เท่านั้น” ครองขวัญจ้องมองมาที่ดาวฉายอย่างตรงไปตรงมา พร้อมเปิดศึกได้ทุกเมื่อ แม้อายุจะต่างกันเกือบสิบปีแต่ครองขวัญก็ไม่มีท่าทียอมคนตรงหน้าเลยแม้น้อย
“แต่หัดเรียกไว้ก็ไม่เสียหายอะไรนี่คะหนูเบล เพราะยังไงน้าก็จะแต่งงานกับคุณพ่อของหนูอยู่แล้ว” ดาวฉายเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อในเรื่องที่เธอคิดว่าถูกเช่นเดียวกัน
อันที่จริงเธออยากเฉดหัวว่าที่ลูกเลี้ยงคนนี้ให้ออกไปจากชีวิตจะตายแต่ที่ยังต้องยิ้มต้องทำดีด้วยเพราะเห็นแก่ปราณทั้งนั้น รอให้เธอแต่งงานกับเขาก่อนเถอะวันนั้นมาถึงเมื่อไหร่เธอจะแผลงฤทธิ์จนครองขวัญอยู่ที่นี่ไม่ได้ให้ดู
“แต่ตอนนี้ยังไม่ได้แต่งนี่คะและไม่แน่ว่าจะได้แต่งหรือเปล่า”
“น้ามั่นใจว่าได้แต่งแน่นอน เพราะคุณพ่อของหนูเบลรักน้ามาก อาจจะรักมากกว่า…ใครบางคนแถวนี้ด้วยซ้ำ” ใครบางคนที่ว่ามานั้นคือครองขวัญเพราะขณะเอ่ยดาวฉายจ้องมองมาที่เธอคนเดียว
“พึ่งรู้ว่าน้าอ้อขาดความอบอุ่นถึงขนาดนี้”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะหนูเบล” น้ำเสียงของดาวฉายห้วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงสีหน้าเองก็บึ้งตึงบ่งบอกความไม่พอใจโดยไม่ปิดบัง เธอพยายามข่มอารมณ์แล้วแท้ๆ แต่ก็ถูกเด็กเมื่อวานซืนอย่างครองขวัญปั่นจนได้
“คนฉลาดๆ เขาจะรู้ความหมายดีค่ะ ขึ้นห้องกันเถอะอาย” เอ่ยบอกเสร็จครองขวัญก็คว้าข้อมือของเกวลินไว้แล้วพาขึ้นไปชั้นบนด้วยกัน
ดาวฉายยืนกำหมัดแน่น อยากจะกรี๊ดแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้แต่ก็ไม่วายกระฟัดกระเฟียดใส่คนรับใช้จนกระเจิดกระเจิงกันไปคนละทิศคนละทาง
“คนแบบนี้หรือป้าที่คุณผู้ชายจะแต่งงานด้วย”
“พูดอะไรระวังปากหน่อย หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ข้าไม่อยากตกงานตอนแก่” ป้าใจปรามเด็กรับใช้ที่ชื่อว่ามะลิซึ่งก็คือหลานสาวของตัวเอง
“ก็หนูไม่ชอบคุณเขาจริงๆ นี่” มะลิถอนหายใจออกมาหนักๆ ยิ่งเจอดาวฉายยิ่งเครียดพอเครียดก็พลอยทำตัวไม่ถูกเวลาต้องไปรับใช้ตามไปด้วย
“ไม่ชอบแล้วจะทำอะไรได้ เรื่องของเจ้านายคนใช้อย่างเรามีสิทธิ์พูดเหรอ”
“เฮ้อ…หวังว่าคุณผู้ชายจะตาสว่างนะป้า”
“ปาก” ป้าใจยกมือขึ้นหมายจะตีหลานตัวเองสักป๊าบสองป๊าบแต่มะลินั้นอาศัยความไวจึงกระโดดหลบไปอีกทางเสียก่อน พอคล้อยหลังหลานสาวป้าใจก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้มในเรื่องนี้เช่นกัน แต่อะไรจะเกิดก็คงปล่อยให้มันเกิด
“เปิดศึกไปขนาดนี้จะดีเหรอเบล”
“ดี เมื่อกี้อายก็เห็นอยู่ว่าน้าอ้อเผยธาตุแท้ตัวเองมากแค่ไหน แล้วคอยดูตอนอยู่กับพ่อเราเย็นนี้นะ ละครดีๆ นี่เองแหละ” ครองขวัญยิ้มเหยียดออกมา ในขณะที่ เกวลินลอบถอนหายใจเล็กน้อยยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกสงสารเพื่อนสนิท
ปาร์ตี้ที่ดาวฉายเป็นเจ้าภาพเกิดขึ้นในเย็นวันนั้น โดยเธอเข้าครัวเพื่อปรุงอาหารเองเกือบทุกอย่างนั่นก็เพื่อแสดงให้ปราณเห็นว่าเธอนั้นพร้อมจะเข้ามาดูแลทุกคนที่บ้านหลังนี้ได้เป็นอย่างดีมากแค่ไหน
“กลับมาแล้วหรือคะ” ดาวฉายส่งยิ้มให้ปราณพร้อมกับช่วยอีกฝ่ายถือของ ทำตัวเหมือนเป็นคุณผู้หญิงของบ้านหลังนี้เข้าไปทุกวัน
“ขอบคุณครับ” ปราณเอ่ยรับพร้อมส่งยิ้มให้ดาวฉาย
“กลับมาแล้วหรือคะคุณพ่อ” เสียงของครองขวัญดังขึ้นเธอตั้งใจลงมาเวลาเดียวกับที่ผู้เป็นพ่อกลับถึงบ้าน โดยเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างดาวฉายและพ่อพร้อมกับคล้องแขนของพ่อไว้ทันที
ซึ่งตรงหน้าก็คือเกวลิน เมื่อครู่ปราณมองผ่านลูกสาวไปยังเด็กสาวอีกคนที่ยิ่งโตก็ยิ่งสวยในแบบของตัวเอง แต่เพราะนั่นคือเพื่อนสนิทของลูกเขาจึงไม่ควรคิดอะไรเกินเลย
“สวัสดีค่ะคุณอา” เกวลินยกมือไหว้ปราณ นานหลายเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอหน้าเขาแต่ไม่ว่าจะกี่วันหรือกี่เดือน หนุ่มใหญ่ตรงหน้าที่เป็นพ่อของเพื่อนสนิทก็ยังคงดูดีไม่เปลี่ยน
เกวลินยังคงจำความรู้สึกครั้งแรกที่เจอกับปราณได้ จำได้ว่าวันนั้นเธอรู้สึกอายอีกฝ่ายมาก ทำตัวไม่ถูกด้วยซ้ำขนาดแค่จะกินน้ำก็ยังไม่กล้า ใจเองก็เต้นด้วยจังหวะแปลกๆ แต่เมื่อโตขึ้นเธอก็ได้รู้ว่าทำไมถึงใจเต้นแบบนั้น
“สวัสดีจ้ะหนูอาย” ปราณเอ่ยทักทายเกวลินเช่นกัน โดยขณะนั้นดาวฉายกำลังสังเกตสายตาของปราณว่าเขาใช้สายตาแบบไหนมองไปที่เพื่อนสนิทของลูกสาว ทว่าทุกอย่างก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
“ช่วงนี้อายจะมานอนค้างกับเบลที่บ้านน่ะค่ะ”
“ได้สิ จะนอนกี่วันก็ได้พ่ออนุญาต”
“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อใจดีที่สุดเลย” ครองขวัญเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มผู้เป็นพ่อฟอดใหญ่ แม้จะโตจนเป็นสาวแล้วแต่การหอมแก้มรวมถึงการกอดระหว่างเธอกับพ่อนั้นมักจะเกิดขึ้นแบบนี้บ่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้ว
