บทที่4 [จุดเริ่มต้น]
สองปีที่แล้ว...
เมื่อช่วงปีใหม่เริ่มใกล้เข้ามาแล้ว บรรยากาศทั่วทั้งเมืองหลวงนี้ต่างก็เต็มไปด้วยความครึกครื้นไม่น้อย พื้นถนนเต็มไปด้วยหิมะที่ตกลงมาทั้งคืนจนถนนนั้นขาวโพลนไปสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ ลี่หลินกลับรู้สึกชื่นชอบเป็นที่สุด
วันนี้ ลี่หลินตั้งใจที่จะไปหาท่านลุงห่าวหรานที่จวนสกุลลู่ โดยเมื่อวาน สองนายบ่าวอย่างลี่หลินและซือซือก็ได้ช่วยกันทำขนมทั้งวัน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะนำขนมเหล่านั้นมาฝากท่านลุงผู้เป็นที่รักอย่างห่าวหรานนั่นเอง
“ท่านลุงมีแขกหรือเจ้าคะ เช่นนั้น ข้าไม่รบกวนแล้ว” ลี่หลินเอ่ยถาม เมื่อสาวใช้ของห่าวหรานพานางมายังห้องรับรอง โดยในห้องรับรองนี้กลับไม่ได้มีเพียงท่านลุงของนางแต่อย่างใด หากแต่มีสตรีอีกสองคนที่นั่งอยู่ด้วย
“ไม่มีสิ่งใดที่นับว่าเป็นการรบกวน ลี่หลินมานี่มา ลุงจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับป้าและน้องของเจ้า” ห่าวหรานกล่าว ในขณะที่สายตาที่อ่อนโยนกำลังมองไปยังหลานสาวที่เพิ่งจะเดินทางมาถึงจวนของเขาได้เพียงไม่นาน
“เจ้าค่ะท่านลุง” ลี่หลินกล่าวตอบก่อนที่จะเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
“ลี่หลิน นี่ท่านป้าของเจ้ามีนามว่าเยว่ซิน เจ้าคงพอจำได้ที่ลุงเคยเล่าให้ฟังได้ใช่หรือไม่” ห่าวหรานแนะนำลี่หลินให้รู้จักกับผู้มาใหม่ในจวนสกุลลู่ ที่นับจากนี้พวกนางทั้งสองจะมาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย
“ลี่หลินจำได้เจ้าค่ะท่านลุง ท่านป้า ลี่หลินคำนับท่านเจ้าค่ะ” ลี่หลินคำนับอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย อีกทั้งยังแสดงท่าทีเคารพในตัวอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย
“เสนาบดีไป๋ช่างเลี้ยงดูบุตรสาวได้ดียิ่งนัก” เยว่ซินเมื่อเห็นท่าทีอ่อนหวานและกิริยาที่เรียบร้อยของลี่หลินก็อดที่จะชื่นชมบิดาของนางไม่ได้
“ส่วนนี่ก็นับได้ว่าเป็นน้องสาวของเจ้า นางมีนามว่าหนิงอัน นางอายุน้อยกว่าเจ้าสองหนาวเห็นจะได้ หนิงอัน นี่ลี่หลิน บุตรสาวของเสนาบดีไป๋ จากนี้ก็นับได้ว่าเป็นพี่สาวของเจ้าแล้ว” ห่าวหรานแนะนำหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ให้ลี่หลินได้รู้จัก พร้อมกันนี้ก็ไม่ลืมที่จะแนะนำลี่หลินให้อีกคนได้รู้จักด้วยเช่นกัน
“หนิงอันคำนับท่านพี่เจ้าค่ะ” หนิงอันรีบทำการคำนับผู้มาใหม่ ภายหลังจากที่ห่าวหรานแนะนำพวกนางให้รู้จักกันเป็นที่เรียบร้อย
ที่ผ่านมานั้น ลี่หลินมีเพียงซือซือที่เป็นสาวใช้ โดยที่ทั้งสองนั้นได้เติบโตมาร่วมกัน หากแต่วันนี้ ลี่หลินกลับมีน้องสาวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้ว ซึ่งความจริงในข้อนี้ ก็ได้ทำให้ลี่หลินรู้สึกยินดีอยู่ภายในใจไม่น้อย
“ลี่หลิน เจ้าช่างเหมือนมารดาของเจ้าไม่มีผิด หน้าตางดงามและน่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุด” ประโยคนี้ หาได้มาจากห่าวหราน หากแต่เป็นการทักทายของเยว่ซินหรือท่านป้าของลี่หลินนั่นเอง
“ลี่หลินขอบคุณท่านป้าที่เอ็นดูเจ้าค่ะ” ลี่หลินกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ลี่หลินชอบเป็นอย่างมาก หากมีใครเอ่ยชมว่านางมีใบหน้าที่งดงามเหมือนมารดา เพราะที่ผ่านมานั้น ลี่หลินทำได้เพียงมองภาพวาดที่ท่านพ่อได้วาดไว้ เพื่อให้ลี่หลินได้นึกถึงมารดาผู้ที่ล่วงลับไปแล้วเพียงเท่านั้น
“เจ้าช่างน่ารักยิ่งนัก ป้าจากเมืองหลวงไปนาน กลับมาครานี้ก็เนื่องด้วยบิดาของหนิงอันได้ล้มป่วยและจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืนแล้ว เราสองแม่ลูกนั้นไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้ว ยังดีที่ได้บารมีของท่านพ่อที่จากไปแล้วรวมไปถึงน้ำใจจากท่านลุงห่าวหรานของเจ้า พวกเราถึงได้มีโอกาสเข้ามาอยู่อาศัยในจวนสกุลลู่แห่งนี้” เยว่ซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหว ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็ได้ทำให้หัวใจของลี่หลินพลันรู้สึกสงสารสองแม่ลูกจับใจ
ลี่หลินคิดว่า ตัวนางเองไม่มีมารดาคอยเคียงข้า ส่วนหนิงอันนั้นก็ไร้ซึ่งบิดาที่คอยเป็นที่พึ่งพิง พวกนางทั้งสองนั้น แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ก็นับได้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังมีสายเลือดส่วนหนึ่งเป็นส่วนเดียวกัน
“ท่านป้าอย่าได้เป็นกังวลเจ้าค่ะ อยู่ที่เมืองหลวงแห่งนี้ ท่านยังมีท่านลุงและมีข้า” ลี่หลินรู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายไม่น้อย การที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมากอยู่แล้ว อีกทั้งยังต้องย้ายที่อยู่เช่นนี้ คงเป็นเรื่องที่อึดอัดใจไม่น้อยเช่นกัน
สตรีที่แต่งงานไปแล้ว หากไม่มีปัญหาที่หนักหนาจนเกินไป มีหรือที่จะหวนกลับคืนสกุลเดิม เช่นนั้นแล้ว ความรู้สึกที่ลี่หลินมีให้แก่เยว่ซินและหนิงอันนั้นจึงมีทั้งความสงสารและความเห็นใจปะปนอยู่ไม่น้อย
“เช่นนั้นป้าคงต้องฝากหนิงอันกับเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะให้ความเอ็นดูแก่นางบ้าง”
“แน่นอนเจ้าค่ะ จากนี้ข้าจะรักและดูแลนางเหมือนน้องสาวของข้าอีกคน ขอท่านป้าได้โปรดวางใจ” ลี่หลินกล่าว ก่อนที่จะหันไปส่งรอยยิ้มหวานให้แก่หนิงอัน
“หนิงอันขอบคุณท่านพี่เจ้าค่ะ”
“ไม่มีสิ่งใดต้องขอบคุณ เราคนกันเองทั้งนั้น ใช่หรือไม่เจ้าคะท่านลุง” ลี่หลินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะหันไปขอความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้เป็นลุง ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากลี่หลินไม่อยากที่จะให้หนิงอันนั้นรู้สึกกดดันหรือเกรงใจนางไปมากกว่านี้
“เจ้าเด็กคนนี้ วาจาใช้ได้จริงเชียว แต่ถึงอย่างนั้นลุงก็ขอบคุณเจ้า ขอบคุณที่เอ็นดูหนิงอัน ลุงไม่ค่อยได้อยู่ที่เมืองหลวงสักเท่าไร ออกเดินทางก็บ่อย คงต้องรบกวนเจ้าช่วยพาหนิงอันออกไปเที่ยวเพื่อเปิดหูเปิดตาแล้ว” ห่าวหรานกล่าว เนื่องจากอีกไม่กี่วันเขาก็ต้องออกเดินทางไปต่างเมืองอีกแล้ว
“ไม่เป็นการรบกวนเจ้าค่ะ หลานจะพาหนิงอันออกไปเที่ยวให้ทั่วเมืองหลวงเลย หนิงอัน เจ้าว่าดีหรือไม่” ลี่หลินกล่าว ก่อนที่จะหันมาสบตาเพื่อขอความยินยอมจากอีกฝ่าย เพียงเท่านี้ นางก็จะได้มีเพื่อนเที่ยวเล่นเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นที่สุด โดยที่ลี่หลินไม่อาจรู้ได้เลยว่า การมาของทั้งสองนั้นจะพลิกผันชะตาชีวิตของนางเช่นไร
“หนิงอันไหนเลยจะกล้ารบกวนท่านพี่เช่นนั้น” หนิงอันกล่าวด้วยรู้สึกที่เกรงใจอีกฝ่ายไม่น้อย ลี่หลินเป็นถึงบุตรสาวของเสนาบดี เช่นนั้นแล้วจะให้อีกฝ่ายมาคอยดูแลนางได้อย่างไรกัน
“อย่าคิดว่าเป็นการรบกวน ข้ายินดี” ลี่หลินกล่าวด้วยความยินดีและเต็มใจเป็นที่สุด
ด้วยเหตุนี้แล้ว เมื่อเวลาผ่านไป เจอลี่หลินที่ไหน ก็มักจะมีหนิงอันตามไปด้วยอยู่เสมอ ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่ง ช่วงเวลาที่ลี่หลินออกมาเดินเที่ยวเล่นกับชิงชางผู้เป็นคู่หมายก็ตามที
