บทที่5 [คู่หมาย]
แม้ว่าลี่หลินจะเป็นผู้ที่มีนิสัยร่าเริงและสดใส หากแต่ในแง่ของความสัมพันธ์กับคนรักแล้ว ก็ยังนับว่ามีบางมุมที่นางไม่เข้าใจในตัวคนรักอย่างชิงชางอยู่บ้าง นางและชิงชางมีเรื่องที่ไม่เข้าใจและคิดต่างกันอยู่ไม่น้อย แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้จะมีปัญหาเช่นไร ทั้งคู่ก็สามารถที่จะปรับความเข้าใจกันได้เสมอ
ความสัมพันธ์ที่แต่เดิมนั้นก็ไม่ได้นับว่ามีความราบรื่นสักเท่าไร หากแต่นานไป ความผิดใจที่มีต่อกันนั้นกลับเริ่มบานปลายได้ง่ายมากยิ่งขึ้น นอกจากจะไม่มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว ชิงชางยังหลบหน้าลี่หลินอีกด้วย
ลี่หลินไม่ใช่สตรีที่อ่อนหวานหรือเอาอกเอาใจชิงชางเหมือนสตรีคนอื่น ๆ ที่คอยเอาใจคนรัก โดยสำหรับตัวลี่หลินแล้ว นางคิดว่าแม้จะเป็นคนรัก แต่ก็ยังไม่ได้ออกเรือนกันสักหน่อย เช่นนั้นแล้ว ในด้านความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างนางและชิงชางนั้น ลี่หลินจึงมักที่จะมีเส้นแบ่งที่ไม่อาจเกินเลยได้อย่างชัดเจน
โดยที่นางไม่รู้เลยว่า เส้นแบ่งที่ชัดเจนนี้ จะทำให้ชิงชางเผลอใจไปกับความหอมหวานของดอกท้อดอกอื่นที่ได้ยื่นกิ่งมาให้เขาได้เชยชมเสียแล้ว
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ชิงชางเองก็ได้ให้เกียรติในการตัดสินใจของลี่หลินเสมอมา ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็ทำให้ลี่หลินวางใจและไม่เคยคิดที่จะหวาดระแวงในความสัมพันธ์เลยแม้แต่น้อย
โดยที่นางไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า สักวันหนึ่ง ความสัมพันธ์ของนางและชิงชางนั้นจะมีมือที่สามก้าวเข้ามา ซึ่งมือที่สามนั้น ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน หากแต่เป็นคนที่นางนั้นวางใจมากที่สุดและเป็นคนที่ลี่หลินได้จูงมืออีกฝ่ายเพื่อให้มารู้จักกับชิงชางด้วยตัวของนางเองอีกด้วย
ลี่หลินแนะนำหนิงอันให้รู้จักกับชิงชางที่เป็นคู่หมายของตน ในขณะที่พวกเขาได้มาเจอกันที่จวนสกุลไป๋ เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสามก็เริ่มมีความสนิทสนม อีกทั้งยังออกไปเที่ยวด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง โดยในแต่ละครั้งก็จะมีชิงชางที่คอยดูแลพวกนางสองพี่น้องอยู่เสมอ
“ชิงชาง ไม่ใช่ว่าข้าเคยบอกท่านแล้วหรืออย่างไร เรื่องงานของท่านพ่อ ข้าไม่คิดที่จะไปข้องเกี่ยว” ลี่หลินปฏิเสธชิงชาง ในขณะที่เขาขอให้ลี่หลินช่วยเจรจากับไป๋ซือเฟิ่ง เพื่อให้ไป๋ซือเฟิ่งนั้นแสดงจุดยืน เฉกเช่นเดียวกันกับสกุลจาง
“ลี่หลิน เจ้าไม่รู้หรือว่าการที่บิดาเจ้าดึงดันเช่นนี้ รังแต่จะทำให้ใครต่อใครไม่พอใจ ไม่แน่ว่าอนาคตในวันข้างหน้าอาจจะนำภัยมาสู่สกุลไป๋ก็เป็นได้” ชิงชางพยายามอธิบาย ด้วยตัวเขาคาดหวังว่าลี่หลินคงจะนำเรื่องนี้ไปเกลี้ยกล่อมให้ผู้เป็นบิดานั้นใจอ่อนได้
“หากการเลือกกระทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วมันขวางหูขวางตาผู้อื่น เช่นนั้น ปัญหาก็อยู่ที่ผู้อื่นแล้ว ไม่ใช่ท่านพ่อของข้า” ลี่หลินกล่าวอย่างไม่คิดที่จะใส่ใจในคำร้องของชิงชางแต่อย่างใด
ลี่หลินรักและเคารพการตัดสินใจของไป๋ซือเฟิ่งผู้บิดาเป็นอย่างมาก ยิ่งเป็นในเรื่องของการทำงานแล้ว นางยิ่งวางใจและมีความภาคภูมิใจในตัวผู้เป็นบิดาอย่างหาที่สุดไม่ได้ เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าชิงชางจะกล่าวเช่นไร ถ้อยคำเหล่านั้นของเขาจึงล้วนแล้วแต่ไม่มีค่าในสายตาของลี่หลิน อีกทั้งยังไม่อาจทำลายความเชื่อมั่นที่นางมีต่อบิดาได้เลยแม้แต่น้อย
“ข้าเหนื่อยที่จะคุยกับเจ้าแล้ว” ชิงชางกล่าวจบก็จากไปด้วยอารมณ์โมโห เนื่องจากเขาไม่อาจทำให้นางคล้อยตามได้
ด้วยนิสัยของลี่หลินนั้นเหมือนกับไป๋ซือเฟิ่งผู้เป็นบิดาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ชิงชางจึงเชื่อว่า สักวันหนึ่ง นิสัยที่ยอมหักหากแต่ไม่ยอมงอของสองพ่อลูกนี้ คงจะทำให้สกุลไป๋ตกที่นั่งลำบากในอีกไม่ช้านี้แล้ว
ชิงชางคิดว่าคนเรานั้นควรที่จะยอมงอบ้าง เพื่อที่ตนนั้นจะได้ไม่ต้องแตกหัก หากแต่สองพ่อลูกสกุลไป๋นี้ กลับดื้อรั้นและดึงดันเสียเกินทน
ด้วยความเห็นต่างเช่นนี้ ความสัมพันธ์ของลี่หลินก็เริ่มมีช่องว่างเกิดขึ้นทีละน้อย ๆ โดยในแต่ละครั้งที่นางกับชิงชางทะเลาะกันนั้น หนิงอันก็มักจะกลายมาเป็นคนกลางที่เข้าใจและคอยให้กำลังใจพวกเขาทั้งสองอยู่เสมอนั่นเอง
