ตอนที่ 9 ภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าหอ
ตอนที่ 9
ภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าหอ
“กระหม่อมเฉินฟูหมิงถวายพระพรองค์ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”
“หม่อมฉันเฉินจินฮวาถวายพระพรองค์ไท่จื่อเพคะ”
นางและพี่ชายทำความเคารพทันทีเมื่อรู้แล้วว่าบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยท่าทางทรงอำนาจนั้นที่แท้ก็คือองค์ไท่จื่อ ผู้ที่ทั้งแคว้นนั้นนอกจากฝ่าบาทแล้วก็ไม่มีใครเหนือกว่าพระองค์อีก
“รองแม่ทัพเฉินไม่ต้องมากพิธี เช่อเฟยของข้าเจ้าเองก็ไม่ต้องมากพิธีเช่นกันทำตัวสบาย ๆ เถิด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอย่างใจดี ทว่าน้ำเสียงของพระองค์กับไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนั้น ฟังแล้วคล้ายกับว่าเพียงแค่ตรัสเป็นพิธีเท่านั้น “ส่วนพวกเจ้ากำลังไล่ตามมือสังหารอยู่ก็จงไล่ตามไปต่อเถอะ” พระองค์รับสั่งโดยไม่ได้หันไปทอดพระเนตรทางกลุ่มชายชุดดำเลย
ทว่าเพียงพระองค์ทรงตรัส เหล่าชายชุดดำที่นางและพี่รองใช้เวลาอยู่นางในการเจรจาเกลี้ยกล่อม
“หม่อมฉันกับพี่ชายไฉนเลยจะกล้าเสียมารยาทต่อพระองค์กันเพคะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ สายตาจับจ้องเพียงแค่ที่พื้นดินเบื้องหน้าที่องค์ไท่จื่อเท่านั้น นางไม่แม้แต่จะลอบมองดูพระพักตร์ของพระองค์แม้แต่หางตา
“เจ้ากับข้าไม่ถือว่าเป็นคนอื่นคนใกล้ ภรรยาที่ยังไม่เข้า หอของข้าเจ้าไม่จำเป็นต้องระมัดระวังท่าทีกับข้าผู้เป็นสามีของ เจ้ามากมายถึงเพียงนี้” โม่หลงอวี้ตรัสออกมาอย่างใจกว้าง พระ พักตร์ราวหยกล้ำค่ายังคงนิ่งเฉยไร้อารมณ์
“หม่อมฉันขอบพระทัยในน้ำพระทัยเพคะ” นางกล่าว ก่อนจะย่อตัวลงคารวะอย่างนอบน้อม
เมื่อนางย่อตัวคารวะเมื่อครู่ เจ้าของพระพักตร์นิ่งเฉยก็เข้ามาประคองนางให้ลุกขึ้นด้วยพระองค์เอง
เฉินจินฮวาไม่คิดว่านางจะถูกเขาเข้ามาประชิดตัวจึงได้เผลอขยับตัวออกห่างจากฝ่ามือของเขาราวกับกำลังสัมผัสถูกความร้อน
“ข้าทำเจ้าตกใจแล้ว”
“หม่อมฉันแค่ไม่ทันได้ตั้งตัวเพคะ” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างรักษาน้ำใจ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ในใจก็อยากจะเอ่ยออกไปตรง ๆ ว่า ไท่จื่อท่านเพิ่งเจอข้าเป็นครั้งแรกไม่ควรจับต้องตัวข้าตามใจนะเพคะ แต่ประโยคที่คิดในใจนี้อย่างไรก็ไม่ควรกล่าวออกไปให้พระองค์ได้ยินจริง ๆ
“เมื่อครู่เหมือนว่าข้าจะได้ยินว่าพวกเจ้าเกิดเรื่องขึ้นเช่นนั้นหรือ”
.”ทูลองค์ไท่จื่อ ระหว่างทางกลับจวนข้าน้อยได้เข้าช่วยแม่นางผู้นี้เอาไว้ได้จากการถูกฉุดมาพ่ะย่ะค่ะ”
พี่ชายของนางเป็นผู้ทูลเรื่องทั้งหมดให้องค์ไท่จื่อฟังด้วยตัวเอง ด้านแม่นางจ้าวบุตรสาวร้านน้ำชาต่อมานั้นองค์ไท่จื่อก็สั่งให้พี่เขยของนางเป็นผู้นำนางไปส่งที่ที่พักของนาง พร้อมกับมี รับสั่งให้พี่ชายนางนำทหารส่วนหนึ่งจากพี่เขยไปจับกุมกลุ่มคนร้ายที่พี่ชายของนางได้มัดเอาไว้ที่ตรอกถนนที่เกิดเหตุขึ้น
พระองค์ขันอาสาจะเป็นผู้ส่งนางกลับจวนด้วยตนเองทั้งนางและพี่ชายต่างต้องการปฏิเสธความหวังดีของพระองค์ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้
จะใช้ข้ออ้างบุรุษสตรียามวิกาลไม่อาจอยู่ใกล้ชิดกันก็ไม่ได้ ในเมื่อราชโองการแต่งตั้งก็มีแล้ว ราชโองการนางก็รับ มาแล้ว
เฉินจินฮวาในตอนนี้อย่างไรก็คือเฉินเช่อเฟยที่ฝ่าบาททรงมีราชโองการแต่งตั้ง แม้จะยังไม่ได้ส่งตัวเข้าตำหนักบูรพาอย่างเป็นทางการ
ทว่าอย่างไร เช่อเฟยก็คือเช่อเฟย ตำแหน่งชายารองขององค์ไท่จื่อนี้ถือว่านางเป็นแล้ว นับตั้งแต่วินาทีที่ราชโองการแต่งตั้งถูกขานขึ้น ณ จวนสกุลเฉิน
“ดูเจ้ากับพี่ชายสนิทกันมากทีเดียว”
“เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ หม่อมฉันเป็นน้องคนเล็กของบ้าน พี่สาวกับพี่ชายจึงมักจะตามใจหม่อมฉัน”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ช่างต่างกับข้านัก ตัวข้าเป็นโอรสองค์โต แม้มีพี่น้องหลายคนแต่ก็ไม่สนิทกันนัก”
“หม่อมฉันเคยได้ยินมาว่าสิบสองชันษาพระองค์ก็ทรง ก้าวเข้าสนามรบแล้ว ซ้ำยังต้องศึกษาราชกิจกับฝ่าบาท ช่วงเวลาวัยเยาว์ของพระองค์นั้นล้วนทำเพื่อแคว้นเพื่อราษฎร ช่างเป็นโชคดีของชาวเป่ยซีเราเพคะ”
“ที่แท้เฉินเช่อเฟยก็รู้จักพูดปลอบใจคนได้ไม่เลว เห็นทีภายหน้าหากข้ามีเรื่องไม่สบายใจ ก็จะมีเจ้าคอยแบ่งเบาได้ดี” ชายหนุ่มเอ่ยชม
“ด้วยความเต็มใจเพคะ”
การสนทนาเพียงไม่นานภายในรถม้าระหว่างนางและองค์ไท่จื่อนั้นดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความเรียบง่ายสบาย ๆ แต่ที่แท้จริงแล้วต่างฝ่ายต่างกำลังหยั่งเชิงกันอยู่
ตั้งแต่พบหน้าครั้งแรกองค์ไท่จื่อผู้นี้แสดงออกทางคำพูดทุกคำที่พระองค์ตรัสออกมาว่าให้ความสนใจนางเป็นอย่างยิ่ง ทั้ง ๆ ที่เป็นเช่นนั้นแต่พระพักตร์ของพระองค์กับไม่มีแม้แต่รอยยิ้มประดับ พระสุรเสียงเองก็ช่างเรียบเฉย มิใช่อย่างที่บุรุษที่กำลัง ป้อยอสตรีอยู่พึงมี
สิ่งที่พระองค์กำลังทำอยู่นั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงการ แสร้งทำเท่านั้น พระองค์มิได้มีความสนใจหรือพึงใจในตัวนาง แม้แต่น้อย เพียงแสร้งว่าพึงใจเท่านั้น
ด้านโม่หลงอวี้เองก็รอบสังเกตผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นชายารองคนใหม่ของตนอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก เพราะท่าทีนิ่งเฉยและควบคุมอารมณ์ได้ดีของนางทำให้พระองค์รู้สึกผิดหวัง
เดิมทีพระองค์คิดจะรอดูงิ้วอย่างสงบ เพราะเริ่มรู้สึกว่าตำหนักบูรพานี้ค่อนข้างจะมีสตรีมากจนเกินไปแล้วสมควรลดจำนวนลงซะบ้าง
หากเฉินจินฮวาผู้นี้มีนิสัยรุนแรงเอาแต่ใจเสียหน่อย ภายหน้านางก่อเรื่องจะได้กำจัดนางและสตรีอื่น ๆ ออกไปพร้อมกัน เห็นทีพระองค์คงจะรอดูงิ้วเฉย ๆ อย่างเดียวมิได้แล้ว
พระองค์จะต้องช่วยหาไม้มาเติมไฟให้ลุกโชนตำหนักหลังตำหนักบูรพาซะหน่อยแล้ว
เมื่อมาถึงหน้าจวนสกุลเฉินแล้ว องค์ไท่จื่อโม่หลงอวี้ทรงประคองนางลงจากรถม้าด้วยพระองค์เอง
“ขอบพระทัยองค์ไท่จื่อเพคะที่เสด็จมาส่งหม่อมฉัน” เฉินจินฮวา กล่าวพร้อมทั้งก้มย่อตัวลงถวายพระพรพระองค์
“ดึกมากแล้ว เจ้ารีบเข้าจวนเถอะ”
“เพคะองค์ไท่จื่อ หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”
“เจ้าไปเถอะ ข้าจะรอพบเจ้าที่ตำหนักบูรพา”
โม่หลงอวี้ทอดพระเนตรจนนางเข้าไปในจวนของเฉินไท่เว่ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเสด็จขึ้นรถม้าเพื่อกลับตำหนักบูรพา เมื่อรถม้าที่ประทับเคลื่อนตัวเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นไท่จื่อผู้สูงส่งก็ทรงนึกไปถึงท่าทีไร้อาวรณ์ใด ๆ เมื่อครู่ของพระชายารองคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง
เมื่อครู่ยามที่นางหันหลังจากไปนั้น ช่างก้าวเดินไปอย่างมั่นคงยิ่ง ถึงขนาดที่หันกลับมาสบสายพระเนตรสักครั้งก็ไม่มี
ดูแล้วเฉินเช่อเฟยผู้นี้จะน่าสนใจไม่น้อยจริง ๆ
“คุณหนู ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” อาหลัวเอ่ยกับคุณหนูของนางด้วยความดีใจ นางรินน้ำชาอุ่น ๆ ที่เตรียมเอาไว้ก่อนล่วงหน้ายืนให้คุณหนูของนางอย่างรู้หน้าที่
“คุณหนูข้าให้คนไปเตรียมต้มน้ำเอาไว้ให้ท่านแล้ว อีกครู่บ่าวจะปรนนิบัติคุณหนูอาบน้ำนะเจ้าคะ”
หลังจากที่นั่งพักจิบชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฉินจินฮวาจึงให้อาหลัวช่วยประคองนางลงในถังอาบน้ำที่ยามนี้เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้มากมาย
“อาหลัวข้าจะแช่น้ำสักพักหนึ่ง เจ้าไปดูที่เรือนพี่รองทีว่าเขากลับมาหรือยัง หากยังไม่กลับมาก็รออยู่ที่หน้าเรือนพี่รองสักสองเค่อเถิดแล้วค่อยกลับมารายงานข้า”
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
อาหลัวรับคำคุณหนูของนาง
ก่อนที่จะเดินออกจากเรื่องไปตามคำสั่งของคุณหนูนางไม่ลืมจะเอ่ยถามผู้เป็นนายเพื่อความแน่ใจ
“คุณหนูอยากให้ข้า เรียกสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกเข้ามาช่วยคุณหนูอาบน้ำหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอก เอาไว้ข้าจะเรียกพวกนางเอง เจ้าไปเถอะ”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
อาหลัวเดินออกมาจากห้องด้านใน นางไม่ลืมที่จะกำชับสาวใช้ที่เฝ้ารอท่าอยู่ที่ห้องด้านนอกว่าให้คอยฟังเสียงคุณหนูเรียกให้เข้าไปรับใช้
ผู้เป็นสาวใช้คนสนิทเดินตรงเข้าไปยังเรือนพักของคุณชายรองของบ้านในหัวยามนี้เต็มไปด้วยความสงสัย
คุณหนูของนางออกไปกับคุณชายรองแท้ ๆ ย่อมต้องกลับมาด้วยกัน เหตุใดคุณหนูของนางยังให้นางมารอคุณชายรองอีก
ดึกดื่นเช่นนี้ไม่มีทางที่คุณชายรองจะปล่อยให้คุณหนูของนางกลับเรือนมาคนเดียวอย่างแน่นอน
ทว่าพอมาถึงเรือนพักของคุณชายรอง นางกลับพบเสี่ยวถังบ่าวรับใช้ชายคนสนิทของคุณชายรองยืนอยู่หน้าเรือนพัก นางสอบถามเสี่ยวถังจึงพบว่าคุณชายรองยังไม่กลับมาจริง ๆ
นางกับเสี่ยวถังจึงได้แอบคาดเดาเล็ก ๆ ว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้นระหว่างที่คุณชายรองและคุณหนูของนางออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกก็เป็นได้ นางกับเสี่ยวถังอาจจะต้องแอบลอบถามเจ้านายของพวกนางทีหลัง
เจ้าของเรือนร่างเปล่าเปลือยงดงามสมส่วนยามนี้นางกำลังครุ่นคิดไปถึง บุรุษผู้ทรงไปด้วยอำนาจบารมีอย่างองค์ไท่จื่อ ที่นางบังเอิญได้พบพระองค์ในวันนี้
องค์ไท่จื่อผู้นี้หลังจากที่นางนั้นเฝ้าสังเกตเขามาตลอด ทั้งท่าทีของพระองค์ ถ้อยคำต่าง ๆ ที่พระองค์นั้นทรงตรัสกับนาง บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าไท่จื่อผู้นี้กำลังเสแสร้งแกล้งทำกับนา
ถ้อยคำเป็นมิตรที่ทรงตรัส ท่าทีที่ดูเหมือนใส่ใจล้วน แล้วแต่เป็นเพียงภาพลวง
พระองค์เองก็ทรงรอบสังเกตนางด้วยเช่นกัน เรื่องนี้นาง เองก็รับรู้ได้
สายพระเนตรนั้นช่างเย็นชา พระพักตร์นั้นยิ่งไม่ต้อง กล่าวถึงช่างเรียบเฉยไร้ซึ่งความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง
องค์ไท่จื่อผู้นี้เห็นทีอาจจะกำลังทรงวางแผนอะไรเอาไว้ ในใจ ไม่เช่นนั้นตัวนางที่เป็นเพียงชายารองที่ยังไม่ได้เข้าตำหนัก อย่างไรก็ไม่มีทางที่องค์ไท่จื่อจะต้องสนพระทัย ถึงขั้นต้องมาส่งนางที่จวนด้วยตนเอง
เห็นได้ชัดว่าพระองค์มีสิ่งที่คิดเอาไว้ และนางอาจเป็น หนึ่งในหมากตัวใหม่ที่น่าใช้
เกรงว่าหากก้าวเข้าไปในตำหนักบูรพาแล้ว นางอาจจะไม่ได้สงบสุขอีก
ไม่แน่ผู้ที่นางจะต้องระวังและป้องกันที่สุดอาจเป็นองค์ไท่จื่อผู้นี้ก็เป็นไปได้
เห็นทีว่าหากต้องการมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยจนพ้นไปจากฝันร้าย เกรงว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือนางจะต้องไร้ใจ
จะต้องห้ามหลงรักองค์ไท่จื่อผู้นี้เป็นเด็ดขาด
นางจะต้องไร้ใจต่อเขา หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ต้องห้ามมีใจ สักเล็กน้อยก็ห้าม
ห้ามเด็ดขาด!!!
ค่ำคืนนี้เฉินจินฮวาจึงได้ข้อห้ามอันสำคัญที่จะทำให้นางรอดพ้นปลอดภัยในตำหนักบูรพาได้นั่นคือ
ไร้ใจ อย่างไรก็ห้ามหวั่นไหวในองค์ไท่จื่อผู้จอมปลอมผู้นี้ เช่นเดียวกันอย่างไรก็ห้ามทำให้องค์ไท่จื่อผู้นี้โปรดปรานนาง ต้องทำให้พระองค์ไม่ชอบเลยจะเป็นผลดีต่อนางยิ่งกว่าอย่างน้อยก็คงจะหลีกหนีการแย่งชิงในตำหนักไปได้
