บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 อิสระสุดท้าย

ตอนที่ 7

อิสระสุดท้าย

ตั้งแต่วันที่ได้รับพระราชโองการแต่งตั้งเป็นเช่อเฟย ชายารองในองค์ไท่จื่อ จวนเฉินไท่เว่ยนั้นมีผู้คนเข้าออกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคนจากวังหลวงหรือว่าเป็นคนจากตำหนักบูรพา

ผู้คนเหล่านี้ล้วนเข้ามาหานางเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดมงคลที่นางจะต้องสวมใส่ในวันที่เข้าสู่ตำหนักบูรพา และชุดที่ต้องตัดใหม่เพื่อสวมใส่ให้สมกับตำแหน่งเช่อเฟย

มีนางกำนัลอาวุโสและนางกำนัลรับใช้รวมแล้วหกคนถูกพระสนมฉุนหวงกุ้ยเฟยรับสั่งให้มาสอนมารยาทและข้อควรรู้บางอย่างเกี่ยวกับราชวงศ์แก่นางเพิ่มเติม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เฉินจินฮวาจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจริง ๆ

เพราะว่าถึงสกุลเฉินจะมีหน้ามีตา เป็นสกุลขุนนางใหญ่มีชื่อเสียงแต่ก็ไม่ใช่ราชวงศ์ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีการปฏิบัติที่ต่างกันและละเอียดอ่อนในบางเรื่อง การเรียนรู้ข้อควรระวังและปฏิบัติเอาไว้ก่อนเป็นการดีต่อนางเองด้วย

หลังจากช่วงเช้าที่นางเรียนกับเชามามานางกำนัลอาวุโส (มามา คือ คำเรียกนางกำนัลอาวุโส) เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ชวนพี่รองของนางแอบออกไปเดินเที่ยวที่ตลาดในช่วงเย็นของวัน

ที่ว่าแอบออกมาก็คือแอบออกมาจริง ๆ นางกับผู้เป็นพี่ชายนั้นพากันโดดข้ามกำแพงจวนออกมาจากจวนสกุลเฉิน

เหตุที่จำเป็นต้องแอบออกมานั้นก็เป็นเพราะว่า ยามนี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกสายตาต่างกำลังจับจ้องมาที่นางและสกุลเฉิน

อีกไม่กี่วันนางก็จะเข้าสู่ตำหนักบูรพาแล้ว ตามจริงแล้วไม่ควรออกมาเดินเที่ยวเล่นข้างนอกเช่นนี้ ควรจะอยู่แต่ในจวนเตรียมขึ้นเกี้ยวสู่ตำหนักใหญ่

แต่หากนางไม่ใช้โอกาสออกมาในครั้งนี้ เกรงว่าเมื่อเข้าสู่วังบูรพาแล้วนั้นจะไม่มีโอกาสออกมาเดินเล่นอย่างอิสระเช่นนี้อีก

พี่รองนั้นเหมือนจะเข้าใจนางได้เป็นอย่างดี ยามที่นางให้อาหลัวไปชักชวนเขาจึงตกปากรับคำไม่ปฏิเสธ

“พี่รองท่านเป็นถึงรองแม่ทัพ มีหน้ามีตาหากมีผู้ใดล่วงรู้ว่าท่านต้องปีนหนีออกมาจากจวนของตัวเองคงต้องถูกขบขันไม่น้อย”

“ขอแค่น้องสาวพี่มีความสุข ผู้อื่นอยากจะพูดอะไรก็ปล่อยให้พูดเถอะ” พี่รองของนางนั้นกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม “อีกอย่างพวกเราปลอมตัวกันขนาดนี้แล้วยังจะมีผู้ใดจำได้อีก” ชายหนุ่มกล่าวเสริม

เฉินจินฮวาได้ฟังก็หันไปมองสำรวจพี่ชายนางอย่างละเอียดอีกครั้งแล้วจึงได้ข้อสรุปว่า พี่ชายของนางนั้นไม่ได้ต่างอะไรจากปกติเดิมนัก

อาภรณ์สีดำสนิทบนร่างสูงก็ยังคงเป็นแบบเดียวกับที่ใส่อยู่เป็นประจำ

“พี่รอง ข้ามองไม่ออก ว่าท่านเปลี่ยนจากเดิมตรงไหน”

“วันนี้พี่ไม่ได้พกกระบี่หรือดาบประจำกายมาด้วยอย่างไรเล่า ดีมากเลยใช่หรือไม่ดูกลมกลืนกับพวกชาวบ้านได้ไม่เลวเลยล่ะสิ”

“กลมกลืนเจ้าค่ะ กลมกลืนอย่างยิ่ง” แม้จะกล่าวออกไปเช่นนั้น แต่ความจริงแล้วความคิดกลับตรงกันข้าม

'พี่รองท่านไม่ได้ดูกลมกลืนเลยแม้แต่น้อย'

วันนี้มีตลาดกลางคืนที่จะจัดขึ้นเดือนละครั้ง ตลาดร้านค้าแผงลอยทอดยาวสุดลูกหูลูกตา มีทั้งตั้งแผงขายของ ขายอาหารการกินนานาชนิด

ตลอดเส้นทางนั้นถูกตกแต่งด้วยผ้าหลากหลายสีสันทำให้บรรยากาศดูสวยงามและผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง

นางกับพี่ชายเดินเคียงข้างกันจนมาถึงร้านน้ำชาข้างทางร้านเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง ซึ่งสร้างเป็นเพิงสำหรับนั่งไม่กี่โต๊ะนั่งเท่านั้น นางโชคดีที่พอมาถึงร้านก็มีคนลุกออกไปพอดีจึงได้ที่นั่ง

พี่ชายของนางรับหน้าที่เป็นผู้สั่งชุดน้ำชาและของวางกับคนขายที่หน้าร้าน ส่วนนางนั้นก็เข้ามานั่งรออยู่ที่โต๊ะก่อน ครู่เดียวเท่านั้นพี่รองก็ตามมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับนาง

ไม่นานของที่สั่งก็ถูกนำมาให้ที่โต๊ะ เป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่งที่ดูแล้วน่าจะอายุน้อยกว่าสองสามปีนั้นเป็นผู้นำมาให้ แม่นางผู้นี้มีใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักไม่น้อยทีเดียว อีกทั้งยังยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรจนเฉินจินฮวาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยทักทายนาง

“เจ้าคงจะเป็นบุตรสาวของเจ้าของร้านน้ำชาแห่งนี้กระมัง”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ท่านยังต้องการสิ่งใดอีกก็สามารถสั่งที่ข้าได้เลยเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้น ข้าอยากทราบว่าของว่างที่ขึ้นชื่อของร้านเจ้าคืออะไรอย่างนั้นหรือ ไม่รู้ว่าหนึ่งในขนมสามชนิดที่ข้าได้สั่งมาก่อนหน้านี้มีรวมอยู่หรือไม่”

แม่นางน้อยมองสำรวจบนโตก่อนที่จะกล่าวขึ้น

“ขนมขึ้นชื่อของร้านเราพวกท่านไม่ได้สั่งมาเลยเจ้าค่ะ”

“พี่รอง ท่านใช้ได้เลยนะเจ้าคะ สั่งของว่างมาตั้งสามอย่างแต่ไม่ใช่ของขึ้นชื่อของร้านเลยแม้สักจานเดียว” เป็นเฉินจินฮวาที่หันไปเอ่ยกับพี่ชาย

“เช่นนั้นก็สั่งเพิ่ม ประเดี๋ยวค่อยห่อที่เหลือกลับจวนก็แล้วกัน” รองแม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปจิบน้ำชาในมือต่อ

“ก็คงจะต้องเป็นเช่นนั้นล่ะเจ้าค่ะ” นางเอ่ยกับพี่รองก่อนที่จะหันไปมองที่แม่นางน้อยร้านชาต่อและจึงเอ่ยขึ้น “รบกวนเจ้านำของวางขึ้นชื่อของร้านเจ้ามาที”

“เจ้าค่ะ แม่นางโปรดรอสักครู่” แม่นางน้อยรับคำก่อนจะเดินกลับไปหาบิดาที่ยืนอยู่ที่แผงหน้าร้าน

“พี่รองท่านดูนางสิ ช่วยงานบิดาตนได้คล่องแคล่วยิ่งนัก ทำเอาข้าคิดอยากจะย้อนเวลากลับไปเสียจริง”

“หากย้อนกลับไปได้แล้วอย่างไร ท่านพ่อของพวกเราไม่ได้เปิดร้านขายชาเสียหน่อย ท่านรบทัพจับศึกหรือว่าน้องพี่ เจ้าหมายจะเป็นแม่ทัพหญิง”

“เป็นแม่ทัพหญิงก็ไม่เลวทีเดียว หากข้าขยันฝึกวรยุทธ์ไม่แน่ ยามนี้คงได้เป็นรองแม่ทัพเช่นเดียวกับพี่รองแล้วก็ได้”

“เจ้าเอ่ยออกมาเช่นนี้ ทำเอาพี่ชายอย่างข้าอดที่จะปวดใจไม่ได้ เมื่อนึกภาพยามที่เจ้าเป็นแม่ทัพ”

“ท่านนึกภาพเช่นไรออกอย่างนั้นหรือเจ้าคะพี่รอง”

“ภาพที่พี่นึกออกในหัว มีเพียงเจ้าที่นอนกลางดินกินกลางทราย กินก็ไม่สบายนอนก็ไม่สบาย ไม่เหมาะกับเจ้าหรอก หากต้องเห็นเจ้าเป็นเช่นนั้นข้ากับท่านปู่ท่านพ่อได้เป็นบ้าแน่” พี่ชายที่รักน้องสาวเป็นดั่งแก้วตาดวงใจเอ่ยออกมา

“น้องสาวข้า เจ้าควรอยู่แต่ในที่สบาย ๆ เท่านั้น กินให้อิ่ม นอนให้อุ่น มีชีวิตเป็นดั่งเช่นของล้ำค่าต่อไปเถอะ”

เฉินจินฮวาเมื่อได้ฟังสิ่งที่พี่ชายเอ่ยออกมาก็ทำเพียงยิ้มรับคำพูดเหล่านั้น

หากเป็นเมื่อก่อนนางคงตอบกลับไปอย่างไม่ต้องคิดเลยว่า ได้กินอิ่มน้อยหลับใช้ชีวิตเป็นดั่งของล้ำค่าของพวกท่านทั้งครอบครัวสกุลเฉินนั้นสำหรับนางนั้นดียิ่งกว่าสิ่งใด

แต่ตอนนี้นางกลับไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกไปได้เลย เพราะไม่รู้ว่าภายหน้าตนนั้นจะยังมีชีวิตอยู่ได้นานเพียงใด ตัวนางจะรอดจากภัยร้ายที่ฝันเห็นได้อย่างไร

เส้นทางข้างหน้าของนางถูกกำหนดเอาไว้แล้ว มันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝืนชะตา

แต่นางก็อยากจะลองฝืนชะตาตนเองดูอีกครั้งเพื่อจะได้มีชีวิตต่อไป ให้ครอบครัวที่รักของนางได้เห็นนางได้มีชีวิตอยู่ ชีวิตที่สุขสบายเช่นที่พวกเขาต้องการเห็น

เคราะห์กรรมนี้นางต้องหาทางผ่านมันไปให้ได้ นางจะต้องทำทุกวิธีเพื่อก้าวผ่านชะตากรรมอันโหดร้ายนี้

ข้าต้องรอด

ข้าต้องรอดให้ได้

ข้าต้องมีชีวิตยืนยาวต่อไป

พวกเราพี่น้องเดินกลับจวนสกุลเฉินอย่างไม่เร่งรีบ สองมือพี่รองของนางเต็มไปด้วยห่อขนมและของฝากมากมายที่นางเลือกซื้อมาจากตลาดกลางคืน

“พี่รอง อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องเข้าวังบูรพาแล้ว ท่านกับท่านพ่อเองเมื่อหมดกำหนดพักก็จะต้องกลับเข้าค่ายทหารที่นอกเมือง ท่านแม่อยู่ที่จวนเพียงคนเดียว นางคงจะต้องเหงามากเป็นแน่”

“พี่จะบอกพี่ใหญ่ให้นางกลับมาเยี่ยมท่านแม่บ่อย ๆ”

“พี่ใหญ่แต่งออกไปแล้ว ที่จวนพี่เขยคงจะมีหลายเรื่องที่ นางต้องจัดการ ไม่สู้พี่รองท่านหาพี่สะใภ้สักคนให้ท่านแม่ก่อนกลับค่ายเป็นอย่างไร หากทำเช่นนี้ที่จวนท่านแม่ก็จะมีเพื่อนคุย มีพี่สะใภ้ค่อยทำ กิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกัน”

“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าแต่งพี่สะใภ้ให้เจ้าพร้อมกันสี่คนเลยดี หรือไม่” รองแม่ทัพหนุ่มเอ่ยประชด

“สามภรรยาสี่อนุ ก็ดีนะเจ้าคะ จวนสกุลเฉินเราคงคึกคักน่าดู เชียว”

“หึ หากข้าแต่งสามภรรยาสี่อนุจริงท่านแม่คงจะต้องปวดหัว มากกว่าดีใจกระมัง พวกนางคงอยู่กันอย่างสงบไม่ง่ายและก็คงไม่ได้ด้วย”

เฉินจินฮวาได้ฟังก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ เป็นเช่นพี่ชาย นางกล่าวจริง ๆ มีภรรยามากไปก็ค่อนข้างจะมากความ หากเป็นเช่นนั้นท่านแม่นางอาจคิดถึงขั้นปลงผมออกบวชหนีความสงบกันเลยก็เป็นไป ได้

“เช่นนั้นพี่รอง ท่านคิดว่าในตำหนักบูรพานั้นเงียบสงบเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ข้าเคยได้ยินมาว่าสนมชายาในองค์ไท่จื่อมีมากมายนัก”

นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย ทว่าผู้ที่ถูกถามกลับนิ่งไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว

“เรื่องในตำหนักบูรพาคนนอกอย่างพี่ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เจ้าเอ่ยถามเช่นนี้หรือว่ากำลังรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างเช่นนั้นหรือ”

“มิใช่ว่าไม่สบายใจหรอกเจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่ถามดูเท่านั้นเอง”

“ตัวพี่เองก็ไม่แน่ใจนัก แต่ก็ได้ยินมาว่าองค์ไท่จื่อนั้น ค่อนข้างรักความสงบเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ไม่ชอบความวุ่นวายสักเท่าไหร่ และก็ทรงเด็ดขาดมากพอที่จะทำให้คนในตำหนักพวกนั้นไม่กล้าสร้างความวุ่นวาย”

เขาก็ทำได้แค่พูดให้น้องสาวตนสบายใจเท่านั้น เพราะเรื่องที่เกี่ยวกับในตำหนักบูรพานั้นเขาไม่รู้เลยจริง ๆ

ผู้ที่อยู่เหนือคนทั้งแคว้นอยู่ใต้ฮ่องเต้เพียงคนเดียวนั้นสุด

แสนจะคาดเดาได้จริง ๆ

“ข้าก็แค่เอ่ยถามเล่น ๆ ไปเท่านั้น พี่รองท่านอย่า เคร่งเครียด ไปเลยเจ้าค่ะ” นางกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง

เฉินฟูหมิงมองดูรอยยิ้มนี้ของน้องสาวด้วยความไม่สบายใจ นัก ในใจเริ่มมีความกังวล หรือว่าเขาควรจะเข้าไปปรึกษาท่าน ปู่กับ ท่านพ่อดูอีกครั้งว่าจะช่วยไม่ให้จินเอ๋อร์เข้าตำหนักบูรพาได้ หรือไม่

ชายหนุ่มเริ่มขบคิดอย่างหนัก จนยืนนิ่งจมอยู่ในความคิดที่ กำลังตีกันยุ่งไปหมด จนกระทั่งจินเอ๋อร์น้องสาวของเขาตรงเข้า มาเขย่า แขนของเขานั่นแหละ ชายหนุ่มจึงหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตน

“พี่รอง ข้าเหมือนได้ยินเสียงร้องให้ช่วยเลยเจ้าค่ะ ท่านได้ยิน เช่นเดียวกับข้าไหมเจ้าคะ”

“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ช่วยด้วย!!!”

เมื่อได้สติเฉินฟูหมิงก็ได้ยินเสียงร้องขอให้ช่วยของสตรี ดังมาจากตรอกด้านหน้า จึงได้เร่งหันมากำชับน้องสาวของตน

“จินเอ๋อร์เจ้ารอพี่อยู่ที่นี่ก่อน หากเห็นท่าไม่ดีก็ให้ใช้วิชาตัวเบาหนีไปเสีย”

“เจ้าค่ะ ข้าทราบแล้ว พี่รองอย่าได้เป็นห่วง” นางรับคำพี่ชายตน

ฟูหมิงโยนของที่เขาหอบหิ้วมาทั้งหมดลงพื้นข้างทาง ก่อนจะเร่งทะยานฝีเท้าไปยังเบื้องหน้าทิศทางที่เสียงร้องแว่วมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel