บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 เตรียมตัวเข้าสู่ตำหนักบูรพา

ตอนที่ 6

เตรียมตัวเข้าสู่ตำหนักบูรพา

“ทูลองค์ไท่จื่อ ฝ่าบาทมีราชโองการแต่งตั้ง เช่อเฟยให้พระองค์อีกผู้หนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกง ผู้ดูแลรับใช้ใกล้ชิดมาตั้งแต่ยังเยาว์เอ่ยรายงาน

“คราวนี้เป็นสตรีจากสกุลใด” เจ้าของเสียงทรงอำนาจตรัสถามขึ้น ใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ

“สตรีจากสกุลเฉิน หลานสาวคนเล็กของท่านเฉินไท่เว่ยพ่ะย่ะค่ะ”

“คิดเอาไว้ไม่ผิด ว่าต้องเป็นสตรีจากสกุลเฉิน” โม่หลงอวี้ตรัส

เสด็จพ่อของพระองค์ตั้งใจแต่งตั้งเช่อเฟยเข้ามาทีละคน ๆ จากสามสกุลใหญ่ที่ทรงอำนาจในราชสำนัก

เช่อเฟยคนแรกที่ทรงแต่งตั้งให้ เมื่อต้นปีคือคนจากสกุลหมิง เช่อเฟยคนที่สองก็มาจากสกุลสวี เพราะฉะนั้น เช่อเฟยคนที่สามนี้ย่อมต้องมาจากสกุลเฉินอย่างแน่นอน

ฝ่าบาททรงตั้งพระทัยแต่แรกแล้วว่าจะส่งพวกนางเข้ามาในตำหนักบูรพาแห่งนี้ เพื่อเริ่มการคานอำนาจกันและกันของพวกนางในภายหน้าและดูท่าทีของแต่ละสกุลด้วย

แต่งตั้งหมิงเช่อเฟยเป็นคนแรก เพราะต้องการตรึงอำนาจขุนนางในราชสำนัก ต่อมาแต่งตั้งสวีเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจเหล่าบัณฑิต คราวนี้ตั้งเฉินเช่อเฟยเพราะต้องการตรึงอำนาจทหารจากจวนแม่ทัพใหญ่

ในวังมีสนมกุ้ยผิน จากสกุลเฉิน พระองค์จำได้ดีว่าเมื่อยังเล็กเคยพบกุ้ยผินอยู่บ่อยครั้ง พระสนมของพระบิดาผู้นี้นั้นมักจะแย้มยิ้มอย่างใจดีอยู่เสมอ เสด็จพ่อนั้นโปรดปรานนางเป็นอย่างมาก

หากกุ้ยผินผู้นี้ให้กำเนิดโอรสแก่เสด็จพ่อสักคน ผู้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งไท่จื่อยามนี้อาจจะไม่ใช่เขาก็เป็นได้ หากมีเสด็จพ่อค่อยให้ท้ายเพราะเป็นโอรสที่เกิดจากสนมรัก และมีอำนาจคอยหนุนจากสกุลเฉิน อย่างไรก็คงมีสิทธิมากกว่าโอรสที่เกิดจากอดีตฮองเฮาที่สวรรคตไปกว่ายี่สิบปีแล้วอย่างพระองค์ ที่ไม่มีแม้แต่ญาติฝั่งพระมารดาที่ค่อยให้การสนับสนุน

พระองค์มีพี่น้องร่วมบิดาทั้งหมดสี่คน ตัวเขาก่อนจะได้รับการแต่งตั้งก็คือองค์ชายใหญ่แห่งราชวงศ์ องค์ชายรองและองค์ชายสามต่างเกิดจากสนมขั้นเฟย และอี้ผิน อายุพวกเราสามคนต่างกันไม่มากนัก กับน้องรองห่างกับเขาเพียงหนึ่งปี น้องสามนั้นก็ห่างสองปี

นอกจากพี่น้องร่วมสายเลือดที่เป็นโอรสทั้งสองแล้วยังมีหงส์คู่แห่งราชวงศ์ถือกำเนิดอีกสองคน คือน้องสี่และน้องห้า พวกนางล้วนแล้วแต่เป็นพระธิดาที่ถือกำเนิดจากฉุนหวงกุ้ยเฟยผู้ที่กุมอำนาจสูงสุดในวังหลังในเวลานี้หลังต่อจากพระมารดาแท้ ๆ ของเขาสวรรคต

ความจริงแล้วหลายปีก่อนพระองค์ก็คิดว่าหากครบกำหนดการไว้ทุกข์แก่พระมารดาของพระองค์แล้วฉุนหวงกุ้ยเฟยก็คงจะได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาองค์ต่อไป

แต่หลายปีผ่านไป ฉุนหวงกุ้ยเฟยก็ยังคงอยู่ตำแหน่งเดิม ตำแหน่งฮองเฮาก็ยังคงว่างเว้นเอาไว้ไม่เปลี่ยน

มีครั้งหนึ่ง พระองค์เคยกราบทูลถามเสด็จพ่อ ก็ได้คำตอบกลับมาว่า

'ตำแหน่งฮองเฮาของข้า มีเพียงพระมารดาของเจ้าเท่านั้นที่คู่ควร'

ไท่จื่อหนุ่มจำได้ว่ายามนั้นมีอยู่วูบหนึ่งที่พระองค์สามารถมองเห็นความสั่นไหวบางอย่างที่แฝงเอาไว้ในสายพระเนตรของเสด็จพ่อตนได้ แต่ก็เพียงวูบเดียวเท่านั้นก็หายไป

หากจะตรัสว่ารักเสด็จแม่มาก รอบตัวเสด็จพ่อกับไม่เคยขาดสตรีข้างกาย เช่นนี้แล้วความรักนี้ของเสด็จพ่อคงเป็นพระองค์เองที่ไม่อาจเข้าใจได้

เดิมโม่หลงอวี้นั้นไม่เคยคิดจะแต่งชายาหรืออนุสนมมากมายเช่นนี้ ซ้ำยังเคยตั้งใจเอาไว้ว่าชาตินี้จะมีชายาเพียงผู้เดียว และนางก็จะต้องเป็นคนที่พระองค์รู้สึกรักใคร่อย่างแท้จริง

ทว่าทุกสิ่งต้องมาพังทลายลง เมื่อเสด็จพ่อจับสนมชายาเหล่านั้นยัดเข้ามาในตำหนักบูรพาคนแล้วคนเล่า

เขาเคยเข้าเฝ้าด้วยเรื่องนี้หลายครั้งในเรื่องนี้ แต่ทุกครั้งเสด็จพ่อก็ไม่เคยรับฟังเรื่องที่เขาต้องการทูลอย่างจริง ๆ จัง ๆ

ทรงกล่าวแค่เพียงว่าที่ทรงทำทุกอย่างก็เพื่อให้ตำแหน่งไท่จื่อของเขามั่นคง

ในเมื่อไม่อาจขัดรับสั่งของเสด็จพ่อได้ พระองค์จึงทำได้เพียงยืนกรานหนักแน่นต่อหน้าพระพักตร์ว่าตำแหน่งไท่จื่อเฟย ตัวของพระองค์จะเป็นคนแต่งตั้งด้วยตัวเอง เสด็จพ่อไม่อาจเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ และโอสรของเขาก็จะต้องเกิดจากสตรีที่เขารักเท่านั้น

แน่นอนว่าเรื่องไท่จื่อเฟยที่เขายืนกรานหนักแน่นนั้นย่อมเป็นไปได้ เพียงแต่เรื่องโอรสของพระองค์เสด็จพ่อกับไม่ย่อมง่าย ๆ และนี้ก็คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เสด็จพ่อ โยนสนมชายาเข้ามาในตำหนักบูรพาของเขามากมาย คงหมายจะให้เขาถูกตาต้องใจสตรีสักนางหนึ่งที่เสด็จพ่อทรงยัดเยียดเข้ามา

ยัดเยียดสตรีมากมายเข้ามาก็เท่านั้น หากเขาไม่ยินยอมให้พวกนางตั้งครรภ์ ย่อมไม่มีผู้ใดสามารถตั้งครรภ์ได้ นี้คือเหตุผลว่าทำไมหนึ่งปีมานี้ตำหนักบูรพามีเหล่าสนมชายามากมายดูคึกคักแต่ทว่าไม่เคยมีข่าวดีจากตำหนักใหญ่แห่งนี้เลย

“ไท่จื่อพระองค์จะให้เฉินเช่อเฟยเข้าประทับที่ใดดีขอรับ” ฝูกงกงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“ตำหนักทิศประจิมก็แล้วกัน ที่นั่นเพิ่งต่อเติมใหม่เสร็จมิใช่หรือ” เจ้าของเสียงทรงอำนาจตรัสขึ้น ยามนี้มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา

ดูเหมือนว่าพระองค์จะต้องใช้ประโยชน์จากชายารองคนใหม่นี้สักหน่อยแล้ว ไม่เช่นนั้นตำหนักบูรพานี้คงจะเงียบสงบเกินไป

ด้านเช่อเฟยคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งนั้นยามนี้กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางมารดาและพี่สาวของตน ภายในเรือนพักที่นางอาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิดจนเติบใหญ่

เฉินจินฮวาว่ามองสตรีทั้งสองที่รักนางและนางก็รักมาก ด้วยรอยยิ้ม นางไม่แสดงท่าทีใด ๆ ที่จะทำให้คนทั้งคู่ต้องกังวลใจไปกับนาง

“ท่านแม่ พี่ใหญ่ เหตุใดพวกท่านจึงทำสีหน้าเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ”

“เพราะพวกเราเป็นห่วงเจ้าน่ะสิ” ท่านแม่ของนางกล่าว

“เหตุใดเจ้าจึงดูไม่ทุกข์ร้อนเลยเล่า”

“ข้าไม่รู้ว่าจะทุกข์ใจไปทำไมเจ้าค่ะ อย่างไรราชโองการแต่งตั้งก็ประกาศออกมาแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่แก้ไขได้แล้ว”

“หรือว่าให้แม่เข้าวังไปเข้าเฝ้าพระสนมกุ้ยผิน บางทีพระนางอาจจะช่วยเราได้”

“ท่านแม่ลูกจะเข้าวังเป็นเพื่อนท่านเองเจ้าค่ะ”

ทั้งท่านแม่และพี่สาวนางตั้งท่าจะรีบลุกขึ้น เตรียมตัวไปเข้าพบพระสนมเฉินกุ้ยผินจริง ๆ พวกนางคงจะวิ่งออกไปจากเรือนนางด้วยความรีบร้อนด้วยซ้ำ หากมิใช่ว่านางร้องห้ามคนทั้งสองเอาไว้ก่อน

“พวกท่านว่าเข้าพบพระสนมตอนนี้จะช่วยอะไร ๆ ได้อีกหรือเจ้าคะ ท่านย่าเล็กเป็นพระสนมที่ฮ่องเต้โปรดปรานเพียงใด ในแคว้นเรามีผู้ใดบ้างจะไม่รู้ ราชโองการแต่งตั้งนี้เกรงว่าพระสนมกุ้ยผินคงทราบอยู่ก่อนแล้ว”

เมื่อได้ยินบุตรสาวเอ่ยเช่นนี้ เฉินฮูหยินจึงได้นั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิมอย่างหมดแรง

“จินเอ๋อร์ตำหนักบูรพานั้นอยู่ไม่ง่ายเลยนะ” มารดานางกล่าวต่อ ทั้งน้ำเสียงและแววตาต่างก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“ข้าทราบเจ้าค่ะ แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” นางกล่าวกับมารดาพร้อมรอยยิ้ม

ในความฝันภายหน้าอย่างไรนางก็ต้องตาย นางจะต้องพยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ได้แล้วมีชีวิตอยู่ต่อไป โดยไม่ทำให้ทุกคนในสกุลเฉินต้องเดือดร้อน

ก่อนหน้าที่นางจะกลับเรือนมานั้นก็ได้ ไปพูดคุยกับท่านปู่และท่านพ่อรวมทั้งพี่ชายอย่างชัดเจนแล้ว

คราแรกท่านปู่และท่านพ่อเองก็เตรียมจะเข้าวังไปขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท เพื่อให้พระองค์เรียกคืนราชโองการแต่นางก็ได้เอ่ยห้ามออกไปเสียก่อน

เพราะรู้ว่าราชโองการนั้นย่อมไม่ง่ายที่จะเรียกคือ ฮ่องเต้ตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำ ราชโองการของพระองค์ก็เช่นกัน นางกลัวว่าหากยังดึงดันไม่เลิก ซึ่งนางรู้ดีว่าท่านปู่และท่านพ่อของนางจะต้องทำอย่างนั้นแน่

และหากเป็นเช่นนั้นจริง สกุลเฉินทั้งตระกูลอาจมีโทษ นางไม่อาจเห็นสกุลเฉินต้องเผชิญวิบากกรรมเช่นนี้เพราะนางได้

เฉินจินฮวาจึงเลือกที่จะก้าวเข้าตำหนักบูรพาทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีความตายรออยู่ตรงหน้า และนางมีเพียงโอกาสเดียวที่จะรอดชีวิต

นางจึงขอให้ท่านปู่และท่านพ่อเปลี่ยนมาช่วยทำบางอย่างให้นางแทนนั้นคือ ขอให้ท่านเตรียมหมอที่มีฝีมือสักหน่อยให้นางโดยให้ปลอมเป็นบ่าวรับใช้ติดตามนางไปที่ตำหนักบูรพา และให้เริ่มซื้อสาวใช้นางกำนัลในตำหนักบูรพาเอาไว้เป็นหูเป็นตาให้นางบ้าง

เฉินจินฮวาพอจะรู้อยู่บ้างว่าคนในตำหนักบูรพานั้นมีหลากหลาย มีคนของหลายฝ่ายแฝงตัวอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน เพราะเหล่าขุนนางต่าง ๆ ก็อยากจะรู้ความเคลื่อนไหวของไท่จื่ออยู่แล้ว หากท่านปูหรือท่านพ่อตอบกลับมาว่าแท้จริงแล้วที่ภายในตำหนักบูรพานั้นก็มีคนของพวกท่านแฝงอยู่แล้วนั้นนางย่อมเข้าใจได้

ใครจะคิดเล่าว่าท่านพ่อกลับกล่าวออกมาว่า คนของพวกเราแม้สักคนก็ไม่มีแอบแฝงตัวอยู่เลย...

อ่า พวกท่านล้วนแล้วเป็นทหารกล้าเจนสนามรบ เรื่องในราชสำนักจึงไม่คิดจะสนใจเท่าไหร่นักนางก็เข้าใจได้ เพราะสกุลเฉินและกองทัพสกุลเฉินทั้งสามแสนนายต่างก็จงรักภักดีต่อราชวงศ์ สู้รบเพื่อรักษาแคว้นรักษาแผ่นดินและความสงบสุขให้กับราษฎร

คืนนี้ก่อนจะนอนนางได้ปลอมลายมือ และเขียนลงในกระดาษแผ่นหนึ่งว่า

'เป็นสุขชั่วชีวิต'

ก่อนจะม้วนกระดาษแผ่นนี้เก็บเข้าใส่ในถุงที่ได้มาจากอารามเมื่อหลายวันก่อน สับเปลี่ยนกับกระดาษคำทำนายที่นางได้รับมา

“อาหลัว เจ้านำถุงคำทำนายนี้ไปมอบให้ท่านแม่ของข้าที บอกว่านี่คือคำทำนายที่ข้าได้มาจากนักพรตลู่อวี้”

“เจ้าค่ะคุณหนู”

ในฐานะบุตรย่อมไม่อาจทนเห็นมารดาหนักใจเป็นทุกข์ได้ จึงได้เขียนปลอมคำทำนายขึ้น และให้คนส่งไปให้มารดาของนางที่ตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเวลานี้ยังไม่ยอมออกมาจากศาลบรรพชน

เฉินจินฮวาเดาได้ไม่ยากว่าท่านแม่ของนางคงจะกำลังวิงวอนให้บรรพชนช่วยคุ้มครองนาง

นางหวังว่าคำทำนายที่ตนปลอมขึ้นนั้นจะช่วยให้ท่านแม่สบายใจและเบาใจยิ่งขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel