ตอนที่ 5 ราชโองการที่ไม่คาดคิด
ตอนที่ 5
ราชโองการที่ไม่คาดคิด
“ท่านปู่ ท่านพ่อ ขนมกับน้ำชาเจ้าค่ะ” เฉินจินฮวาเอ่ยขึ้น ก่อนที่นางจะรินน้ำชาด้วยตัวเองแล้วจึงยื่นไปให้ท่านปู่และท่านพ่อของตน
“ชาดี ดื่มแล้วสดชื่นนัก” ท่านพ่อเอ่ยชม
“ลูกชายเจ้ากล่าวผิดแล้ว ชาดีดื่มแล้วสดชื่นกว่าทุกครั้งเป็นเพราะหลานสาวคนเล็กของข้า จินเอ๋อร์เป็นผู้รินให้ด้วยตัวเองต่างหาก” เฉินไท่เว่ยกล่าวขึ้น
“ท่านปู่เอ่ยเช่นนี้ หากข้าเป็นคนรินให้ท่าน ชาก็จะพิเศษเช่นกันใช่หรือไม่เจ้าคะ” พี่ใหญ่ของนางเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างกายนาง
“หลานสาวสองคนใครรินให้ก็รสชาติดีกว่าเดิมแน่อยู่แล้วล่ะ” ผู้เป็นปู่ผู้รักหลานสาวมากล่าวอย่างเอ็นดู
“แล้วถ้าหากข้าเป็นคนรินให้เล่าขอรับท่านปู่” คราวนี้เป็นพี่รองนางที่เอ่ยขึ้นบาง เขาไม่เพียงเอ่ยยังเอื้อมมือมาหยิบกาน้ำชามาเติมให้ท่านปู่และท่านพ่อเพิ่มอีก
“ชาดี กลายเป็นชาขมอย่างไม่ต้องสงสัย” ผู้เฒ่าเฉินพูดก่อนจะเทชาในถ้วยที่ถูกรินให้โดยหลานชายทิ้งในทันที
“เสียบรรยากาศจริง ฟูหมิงเจ้าฝึกดาบฝึกกระบี่ก็ดีอยู่แล้วอย่ามาทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของข้ากับปู่เจ้าเลย”
หลานชายสายหลักเพียงคนเดียวถูกไล่อย่างไม่ไว้หน้าเลยทีเดียว
เฉินฮูหยินเมื่อได้เห็นก็อดจะสงสารบุตรชายตนไม่ได้ จึงได้รีบเอ่ยเอาใจ
“ฟูหมิง เจ้าสามารถรินชาให้แม่แทนได้ ต่อให้จะขมเพียงใด แม่ก็จะดื่มให้หมดเอา จะไม่บ่นแม่เพียงครึ่งคำ”
เฉินฮูหยินเอ่ยขึ้นพลางตบไหล่หนาของบุตรชายเป็นการให้กำลังใจ
สกุลอื่นล้วนให้ท้ายบุตรชายละเลยต่อบุตรสาว แต่สกุลแม่ทัพอย่างสกุลเฉินเรานั้น เอาใจชื่นชอบบุตรียิ่งนัก ทั้งยังมองว่าเป็นสิ่งล้ำค่าเหนือสิ่งอื่นใด
ส่วนบุตรชายมีไว้เลี้ยงดูอย่างหยาบ ๆ เท่านั้น กล่าวคือ บุตรสาวเปรียบดั่งบุปผาสวรรค์ สมควรแก่การประคองเอาไว้บนฝ่ามืออย่างใส่ใจ บุตรชายนั้นเปรียบประดุจโคลน ประดุจดินเหนียวที่เอาไว้ทุบตีปั่นเล่นเพียงเท่านั้น
ฟูหมิงเองแม้จะรู้สึกไม่เป็นธรรมอยู่บ้าง แต่เขากลับเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งและคิดเช่นเดียวกันกับท่านปู่และท่านพ่อว่าพี่สาวและน้องสาวนั้นเปราะบางยิ่ง ควรค่าแก่การดูแลเอาใจใส่และปกป้องยิ่ง
อ่า...หรือว่าความต้องการและความรู้สึกเอ็นดูรักใคร่พี่สาวน้องสาวเป็นพิเศษจะถ่ายทอดผ่านทางสายเลือดกัน จู่ ๆ เขาก็นึกสงสัยขึ้น และมั่นใจเกินกว่าแปดส่วนว่าอาการเช่นนี้สามารถถ่ายทอดมายังเขาได้
จังหวะนั้นพี่สาวของเขาซือหนิงก็รินน้ำชาใส่ถ้วย ๆ หนึ่ง ฟูหมิงรู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที ชายหนุ่มยิ้มกว้างเตรียมถ้วยน้ำชา ทว่ากับต้องยิ้มค้างอยู่เช่นนั้น เมื่อพี่สาวของเอากับประคองน้ำชาถ้วยนั้นเดินผ่านเขาไป
ถ้วยน้ำชาในมือพี่สาวเขาถูกส่งให้อดีตเพื่อนรัก ผู้เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ซึ่งตอนนี้ยังดำรงศักดิ์เป็นพี่เขยของเขาอยู่ในขณะนี้อีกด้วย
น่าผิดหวัง ช่างน่าผิดหวังเกินไปแล้ว ชายหนุ่มโอดครวญอยู่ในใจ
“พี่รอง เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ” ครั้งสิ้นหวังในใจ เงยหน้าขึ้นมาชายหนุ่มกับพบว่ามีถ้วยชาถูกยื่นมาตรงหน้า
ตรงหน้าของเขายามนี้ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นน้องเล็ก เฉินจินฮวา จินเอ๋อร์ของเขานั้นเอง
หัวใจผู้เป็นพี่ชายประดุจได้สายน้ำชโลมเลี้ยงอีกครั้ง เขารับถ้วยน้ำชาจากน้องสาวด้วยรอยยิ้มก่อนจะยกขึ้นจิบอย่างระมัดระวังยิ่ง
“พี่ช่างโชคดีที่ยังมีเจ้าอยู่ น้องเล็ก” รองแม่ทัพหนุ่มกล่าวอย่างนิ่มนวล สายตาดุดันยามทอดมองกองทัพยามนี้อ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง
สมแล้วที่เขาเฝ้าประคองน้องรักเอาไว้เป็นอย่างดีบนฝ่ามือ ภายหน้าพี่จะเลี้ยงดูเจ้าเอง ชายหนุ่มหมายมั่นหนักแน่น แววตาเป็นประกาย
ดูเหมือนว่าสวรรค์จะอิจฉาคนดี หลังจากมีความสุขได้ไม่นานยังไม่ทันก้าวพ้นถึงครึ่งชั่วยามเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่พวกเขาจะทันได้เข้าห้องอาหารประจำจวนไปรับประทานอาหารกันพร้อมหน้าครอบครัว องครักษ์ผู้หนึ่งที่มีหน้าที่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูจวนก็เร่งรีบเข้ามาแจ้งเสียก่อน
“อี้กงกงมาขอรับ ซ้ำยังถือพระราชโองการมาด้วยหนึ่งฉบับ”
องครักษ์หนุ่มกล่าวจบ ฟูหมิงก็หันไปสบตากับท่านปู่และท่านพ่อของตนทันที
“ข้าจะออกไปต้อนรับอี้กงกงเองขอรับ ท่านพ่อกับท่านปู่เชิญเข้าไปรอด้านในห้องโถงใหญ่ก่อนเถิดขอรับ” ชายหนุ่มเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเร่งฝีเท้าจากไป
“พวกข้ากับลูกสาวทั้งสองต้องอยู่ฟังราชโองการด้วยหรือไม่เจ้าคะท่านพี่” เฉินฮูหยินเอ่ยถามสามี เพราะว่าหากเป็นราชโองการเกี่ยวกับกองทัพ ซึ่งอาจเป็นเรื่องลับพวกนางที่เป็นสตรี ซ้ำยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องย่อมไม่อาจล่วงรู้ได้
ด้านลูกเขยนางอย่างไรก็เป็นหนึ่งในรองแม่ทัพชาญศึกเช่นเดียวกัน อย่างไรเขาอยู่ด้วยก็เป็นเรื่องปกติเพราะถือเป็นคนในกองทัพ
“ทุกคนในสกุลเฉินล้วนต้องอยู่ฟังราชโองการทั้งหมด ขาดสักคนก็ไม่ได้” น้ำเสียงเคร่งขรึมกว่าครั้งไหน ๆ ตอบกลับภรรยา
อี้กงกงมาในครั้งนี้ต้องไม่เกี่ยวกับเรื่องออกทัพจับศึกทำสงครามแน่ ไม่เช่นนั้นราชโองการย่อมต้องส่งถึงมือท่านพ่อหรือไม่ก็แม่ทัพใหญ่เช่นเขาอย่างเงียบเชียบ หรือหากมีราชโองการเช่นนั้นจริงฝ่าบาทก็คงทรงเรียกตัวเขากับบิดาเข้าวังไปแล้ว
หากแต่ให้อี้กงกงมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ย่อม ย่อมต้องการให้เป็นที่จับตามองและราชโองการนี้ไม่ใช่ความลับอย่างแน่นอน แต่ต้องการประกาศในทุกคนรับรู้กันจนทั่ว ยามนี้นอกจวนคงกำลังถูกชาวบ้านผ่านไปมารวมไปถึงจวนที่อยู่ใกล้ ๆ จับตามองแล้ว
เมื่อสามีตอบกลับมาแล้ว เฉินฮูหยินก็รับรู้ได้ในทันทีว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ นางหันไปคว้ามือของบุตรสาวทั้งสองเอาไว้ก่อนจะกุมเอาไว้แน่น นางจับจูงมือของแก้วตาดวงใจของนางทั้งสองเดินเข้าไปในโถงใหญ่ด้วยกัน
ด้านเฉินจินฮวาและพี่สาวยามนี้ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของผู้ใหญ่ทุกคน พวกนางสบสายตากัน สายใยพี่น้องนั้นลึกซึ้ง เพียงแค่สบตาก็รับรู้ได้ถึงความในใจ
'พวกเราคนสกุลเฉิน จะดีจะร้ายล้วนจะต้องผ่านไปด้วยกัน'
ภายในห้องโถงใหญ่สกุลเฉินยามนี้คับคั่งไปด้วยผู้คน สาวใช้ของจวนทั้งหมดต่างคุกเข่าอย่างเป็นระเบียบโดยเว้นพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้สำหรับเป็นพื้นที่ให้เดินผ่านไปยังด้านหน้าสุดได้
ส่วนบ่าวรับใช้ผู้ชายและองครักษ์ประจำจวนทั้งหมดต่างก็คุกเข่าอยู่บริเวณลานหน้าห้องโถงเช่นกัน
“ข้าน้อยคารวะ เฉินไท่เว่ย และท่านแม่ทัพใหญ่เฉิน” ผู้เป็นขันทีคนสนิทของฝ่าบาทเอ่ยทักทายขุนนางใหญ่ของราชสำนักอย่างนอบน้อม
“อี้กงกงไม่ต้องมากพิธี รีบขานราชโองการของฝ่าบาทเถิด” เฉินไท่เว่ยเป็นผู้กล่าว
“เช่นนั้นข้าน้อยจะขานราชโองการเดี๋ยวนี้” ขันทีเฒ่าหันไปพยักหน้าเพียงเล็กน้อย เป็นเชิงให้ขันทีคนสนิทของตนยื่นถาดที่มีราชโองการมา”
ราชโองการถูกหยิบขึ้นมาอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
เฉินไท่เว่ยและทุกคนต่างคุกเข่าก้มหน้าลงกับพื้นเพื่อเตรียมรับฟังราชโองการจากโอรสสวรรค์ เฉินจินฮวาเองก็คุกเข่าก้มหน้าอยู่แถวที่สามร่วมกับมารดาและพี่สาว ในส่วนแถวแรกเป็นท่านปู่และท่านพ่อ แถวที่สองเป็นพี่รองและพี่เขยของพวกนาง
เสียงแหลมสูงเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเปิดราชโองการออกอ่าน
“คุณหนูสามสกุลเฉิน นามเฉินจินฮวา หลานสาวเฉินไท่เว่ย บุตรีคนเล็กของแม่ทัพใหญ่เฉิน รูปโฉมงดงามปานบุปผา เพียบพร้อมทั้งกิริยาวาจา เหมาะสมอย่างยิ่งกับตำแหน่ง เช่อเฟย พระชายารองในไท่จื่อแห่งตำหนักบูรพา จึงขอแต่งตั้งคุณหนูสามสกุลเฉิน เป็นเฉินเช่อเฟย นับแต่นี้ วันที่แปดเดือนแปดให้เข้าสู่ตำหนักบูรพา จบราชโองการ”
หลังจากราชโองการถูกขานจบ ทั่วทั้งห้องโถงเงียบสงบไร้เสียงใด ทุกคนในสกุลเฉินยังคงคุกเข่าก้มหน้าลงเช่นเดิม จนอี้กงกงต้องเอ่ยเรียก
“เชิญคุณหนูสามรับราชโองการขอรับ” อี้กงกงเอ่ยขึ้นเขา เดินตรงไปยังที่ที่คุณหนูสามแห่งจวนไท่เว่ยคุกเข่าอยู่”
“คุณหนูสาม เชิญรับราชโองการด้วยขอรับ” อี้กงกงเอ่ยซ้ำขึ้นอีก เมื่อคุณหนูสามผู้นี้ยังไม่ยอมรับราชโองการไป
“ข้าน้อย เฉินจินฮวารับราชโองการ” นางเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นรับราชโองการจากมืออี้กงกงซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้แทนพระองค์
เมื่อครู่ยามที่นางนิ่งไปนั้น เพราะไม่คิดว่าที่จริงแล้ว สถานที่ตายของนางก็คือตำหนักบูรพา วูบหนึ่งก่อนหน้านี้ก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อยังไม่ทันได้ตั้งตัวดี เวลาชีวิตของนางก็เริ่มต้นนับถอยหลังแล้ว
“ข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับ เฉินเช่อเฟยด้วย” อี้กงกงเอ่ยและคำนับอย่างเป็นทางการ
“ขอบคุณท่านกงกงมาก” นางเอ่ยออกมาเสียงเบา
“ลำบากอี้กงกงแล้ว” เป็นแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นบิดาของเฉินจินฮวาที่กล่าวกับอี้กงกง ยามนี้เขาจำเป็นต้องปั้นหน้าต้อนรับผู้มาเยือนก่อน แม้ในใจรู้สึกไม่สู้ดีนัก แต่ก็ยังจำเป็นต้องออกหน้าให้บุตรีที่ยามนี้ยังดูจะตั้งตัวไม่ทันอยู่มาก
“ไม่ลำบาก ๆ ท่านแม่ทัพอย่าได้เอ่ยเช่นนั้น ข้าน้อยรับไม่ไหวหรอกขอรับ” เจ้าของเสียงเล็กแหลมเอ่ย
“เช่นนั้นหากข้าของเอ่ยถามข้อสงสัยกับอี้กงกงสักข้อจะได้หรือไม่”
“ท่านแม่ทัพใหญ่โปรดเอ่ยถามมาได้เลยขอรับ”
“ฝ่าบาททรงมีราชโองการแต่งตั้งไท่จื่อเฟยแล้วหรือไม่ เป็นบุตรีจากสกุลใดกัน”
“ฝ่าบาทยังไม่ได้มีราชโองการแต่งตั้งไท่จื่อเฟยขอรับ”
“เหตุใดพระองค์ยังทรงไม่มีราชโองการลงมา เช่อเฟยในองค์ไท่จื่อรวมบุตรีของข้าก็สามคนแล้ว”
“เป็นเช่นท่านแม่ทัพกล่าวขอรับ”
“แล้วเหตุใดจึงไม่ทรงแต่งตั้งไท่จื่อเฟยเสียที” แม่ทัพใหญ่เฉินยังคงสงสัย สกุลเฉินไม่เคยหมายมั่นตำแหน่งไท่จื่อเฟย หากแต่กล่าวตามความจริงแล้ว ระดับหลานสาวของเฉินไท่เว่ยและบุตรีของเขาผู้เป็นแม่ทัพใหญ่แล้ว อย่างไรบุตรีของเขาก็สามารถเป็นไท่จื่อเฟยได้อย่างไม่มีสิ่งใดติดขัด
“อาจเพราะฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งหนึ่งในสามเช่อเฟยขึ้นเป็นไท่จื่อเฟยในอนาคตหากเช่อเฟยคนใดให้กำเนิดโอรสธิดาพระองค์แรกให้แก่องค์ไท่จื่อได้ขอรับ” อี้กงกงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าน้อยจากมานานแล้ว คงต้องขอตัวกลับวังหลวงก่อน”
“อี้กงกงเชิญกลับ ฟูหมิงเจ้าส่งอี้กงกงแทนข้าที”
ฟูหมิงทำตามคำสั่งของบิดา เขาจัดการเดินไปส่งอี้กงกงที่หน้าประตูจวน
หมิงเช่อเฟย สวีเช่อเฟย เฉินเช่อเฟย
สามเช่อเฟย จากสามอำนาจใหญ่ที่สุดของราชสำนักอย่างนั้นหรือ
การคานอำนาจของฝ่าบาทช่างทำได้ดีจริง ๆ
