บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 คำทำนาย ความฝัน

ตอนที่ 3

คำทำนาย ความฝัน

ยามนี้เฉินจินฮวาก้าวขึ้นรถม้าอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก หากถามว่าเหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้น่ะหรือ ก็คงจะต้องย้อนความไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหน้านี้ ที่จู่ ๆ ท่านนักพรตหญิงผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและเดินผ่านฝูงชนจำนวนมากที่ลานหน้าอารามมาหยุดอยู่เบื้องหน้านาง พร้อมกับยื่นถุงผ้าสีเหลืองไร้ลวดลายใบหนึ่งให้นาง พร้อมกับกล่าวว่า ถุงผ้าใบนี้ เป็นนักพรตลู่อวี้มอบให้นาง

นางยังจำได้ดีว่าในขณะนั้นที่ลานของอารามที่เคยมีเสียงพูดคุยดังอยู่เล็กน้อยนั้นเงียบสนิทลงทันที ทุกสายตาจากทั่วทั้งสารทิศต่างจับจ้องมาที่นางเป็นตาเดียว

เวลานั้นเหมือนว่าผู้ที่มีสติที่สุดคงจะหนีไม่พ้นพี่รองของนาง เขาจัดการสักให้ผู้ติดตามรีบมายืนบังนางเอาไว้และรีบพานางและท่านแม่ลงมาจากอารามทันทีโดยที่แม้แต่มารดาของนางก็ยังไม่ได้มีโอกาสเอ่ยลาท่านป้าฟางดี ๆ เลยด้วยซ้ำ

พี่รองของนางคงกลัวว่าจะเกิดการจลาจลขึ้น จึงรีบพาพวกนางออกจากอาราม ซึ่งจากสายตาที่ผู้อื่นมองมายังนางในเวลานั้นก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดจลาจลขึ้นได้จริง ๆ

“ท่านแม่ ผู้คนรออยู่ตั้งมากมาย คำทำนายให้เพียงแค่คนคนเดียวจริงหรือขอรับ” ฟูหมิงเอ่ยถามมารดาตนทันที เมื่อรถม้าเริ่มเคลื่อนตัวตรงเข้าเมืองแล้ว

“ใช่แล้ว และคำทำนายอันล้ำค่านี้ก็เป็นน้องสาวเจ้าที่ได้ไป” นางเอ่ยตอบบุตรชาย สายตาก็จับจ้องไปยังบุตรสาวคนเล็กของตนที่ยามนี้นั่งนิ่งเหมือนกำลังงุนงงกับอะไรบางอย่าง ซึ่งนางรู้ดีว่าคือสิ่งใด

“จินเอ๋อร์ ลูกเป็นผู้ที่โชคดีที่สุดนะรู้หรือไม่” เฉินฮูหยินเอ่ยขึ้นพลางยิ้ม

นางไม่รู้หรอกว่าในถุงสีเหลืองที่นักพรตลู่อวี้มอบให้บุตรสาวนั้นคือสิ่งใด แต่นางมั่นใจว่าจะต้องเป็นของที่จะทำให้เฉินจินฮวาบุตรสาวของจากร้ายกลายเป็นดี จากดีอยู่แล้วยิ่งดีมากยิ่งขึ้นเป็นแน่

นอกจากถุงสีเหลืองแล้ว ยังมีกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกยื่นมาให้พร้อมกันด้วย นักพรตหญิงกล่าวว่าให้นางทำตามที่เขียนเอาไว้ในกระดาษก่อนที่จะเปิดถุงสีเหลืองออกดูสิ่งที่อยู่ด้านใน

หลังจากที่อาหลัวช่วยนางเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วนางจึงบอกให้อาหลัวกลับไปพักผ่อนที่ห้องพักของนาง ไม่ต้องอยู่ค่อยปรนนิบัตินางในคืนนี้

“คุณหนูรีบพักผ่อนนะเจ้าคะ พรุ่งนี้บ่าวจะรีบมารอรับใช้คุณหนูแต่เช้าเจ้าค่ะ” อาหลัวกล่าวกับคุณหนูของนาง

“พรุ่งนี้ข้าว่าจะตื่นสายสักหน่อย เจ้าไม่ต้องรีบมานัก หรอก นอนเพิ่มอีกสักหน่อยก็ได้”

“เจ้าค่ะคุณหนู เช่นนั้นบ่าวไปก่อนนะเจ้าคะ”

“เจ้าไปเถอะ”

เฉินจินฮวานั่งลงบนเตียงหลังจากที่อาหลัวสาวใช้คน สนิทของนางเดินออกไปจากห้องนอนแล้ว นางหยิบแผ่นกระดาษใบเล็กที่ถูกผับวางทับอยู่ใต้ถุงสีเหลืองที่ได้รับมา จากอารามในวันนี้ขึ้นมาเปิดอ่าน

ในกระดาษเขียนเอาไว้สองประโยค

อีกสองวันจึงค่อยเปิดถุงออกดูสิ่งที่อยู่ด้านใน

จงเก็บถุงสีเหลืองนี้ไว้ใต้หมอนของเจ้า

เฉินจินฮวาทำตามที่เขียนเอาไว้ในแผ่นกระดาษคือเก็บถุง สีเหลืองเอาไว้ใต้หมอนของนาง เพื่อรอที่จะเปิดดูภายในถุงในอีกสองวันข้างหน้า

สองวันข้างหน้างั้นหรือ เช่นนั้นก็เป็นวันเดียวกับวันที่พี่ใหญ่ของนางกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากแต่งงานพอดี เช่นนั้นใน วันนั้นนางก็จะได้ชวนท่านแม่และพี่ใหญ่ให้มาเปิดดูสิ่งที่อยู่ในถุงพร้อมกันกับนาง

รุ่งขึ้นช่วงสายของวันท่านป้าฟางกับฟางอันอันได้มาเยี่ยม เยียนที่จวนสกุลเฉินเรา

แน่นอนว่ามารดาของนางให้ความต้อนรับท่านป้าฟาง เป็นอย่างดี ยามนี้ท่านแม่ของนางและท่านป้าฟางนั่งสนทนากัน อยู่ที่ศาลาท้ายสวน โดยมีนางและอันอันร่วมฟังอยู่ด้วย

“สิบกว่าปีแล้วกระมังที่ข้าไม่ได้มาเยือนจวนของเจ้าเลย จวนสกุลเฉินแห่งนี้ช่างงดงามไม่เปลี่ยนแปลงเลยจริง ๆ “ ฟางฮูหยินเอ่ยชื่นชมออกมา นางมองทิวทัศน์รอบ ๆ อย่างหลงใหล

“จวนสกุลเฉินงดงามเพราะฮูหยินอย่างข้าดูแลได้เป็นอย่างดี เจ้าบ้านใส่ใจจวนย่อมงดงามเพิ่มขึ้นไม่แปรเปลี่ยน” เฉินฮูหยินเอ่ยอย่างภาคภูมิ นางกล่าวไปก็นั่งตัวตรงใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย

“เฉินฮูหยินไม่คิดจะถ่อมตนเลยอย่างนั้นหรือ” ฟางฮูหยินเอ่ยเย้าสหายเก่า

“ข้าจะมัวถ่อมตนได้อย่างไร คำชื่นชมน่ะเป็นคำที่ข้าค่อนข้างจะชื่นชอบเป็นอย่างมากเชี่ยวล่ะ”

“เสี่ยวจินเอ๋อร์เจ้าอย่าได้เอาแบบอย่างมารดาเจ้าเล่า เป็นสตรีไม่ควรแสดงออกรับคำชื่นชมมากมายเช่นที่นางทำ อันเอ๋อร์เจ้าก็ด้วยอย่าได้เรียนแบบท่านน้าของเจ้า” ฟางฮูหยินหันมาเอ่ยกับบุตรสาวของสหายสนิทและบุตรสาวของนางด้วยรอยยิ้ม

นั่งจิบชากันอยู่พักหนึ่งท่านแม่ของนางก็ให้นางพาอันอันไปเดินชมจวน เฉินจินฮวายิ้มอย่างยินดีและสองหญิงงามก็จับจูงกันเดินออกจากศาลารับลมไป

เมื่อเด็ก ๆ เดินออกไปไกลพอสมควรแล้ว ฟางฮูหยินจึงได้เอ่ยถามเรื่องที่นางรู้ว่ายามนี้เฉินฮูหยินสหายของนางก็แอบกังวลอยู่เล็กน้อยเช่นกันแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากเล่า

“เจ้าเห็นคำทำนายที่เสี่ยวจินเอ๋อร์ได้รับมาแล้วหรือยัง”

“ข้ายังไม่เห็น จินเอ๋อร์นางบอกข้าว่าท่านนักพรตยังไม่ให้เปิดออกดู”

“ต้องรอเวลาเปิดด้วยหรือ?”

“ใช่แล้ว วันพรุ่งนี้จึงจะเปิดออกมาดูได้”

“พรุ่งนี้บุตรสาวคนโตของเจ้าก็จะกลับมาเยี่ยมบ้านมิใช่หรือ พรุ่งนี้นับเป็นวันดีเชื่อข้าสิ”

“ข้าก็หวังให้มีแต่เรื่องดี ๆ เรื่องมงคลในวันพรุ่งนี้เช่นกัน” เฉินฮูหยินกล่าวเสียงเบา สายตาของนางทอดมองไปยังบุตรสาวที่อยู่ไกลออกไปด้านนอกศาลารับลมด้วยใจที่ไม่ค่อยสงบนัก

เป็นอีกคืนหนึ่งที่เฉินจินฮวาไล่ให้อาหลัวกลับไปพักผ่อนตั้งแต่หัวค่ำ

นางเอื้อมมือไปหยิบถุงใบเรียบสีเหลืองที่ถูกสอดเอาไว้ใต้หมอนออกมา ก่อนจะทอดมองไปที่เจ้าถุงในมือนิ่ง ๆ

ที่นางนิ่งเฉยจดจ้องของในมือตนเช่นนี้เพราะไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ้าสิ่งนี้หรือไม่ที่ทำให้นางฝันประหลาดในเมื่อคืนนี้

ตลอดทั้งวันตั้งแต่รุ่งสางจวบจนกระทั่งฟ้ามืดนางเลือกที่จะไม่คิดเอาความฝันเมื่อคืนของตนเก็บมาคิดให้กังวลใจ

แต่ยิ่งพยายามไม่คิดก็ยิ่งนึกถึง นางทำตัวปกติไม่ได้เอ่ยเล่าเรื่องในความฝันให้ใครได้ฟัง แม้แต่ท่านแม่หรืออาหลัวนางก็ไม่ได้เอ่ยออกไป

เฉินจินฮวานั้นไม่อยากให้ผู้ใดกังวลไปกลับนาง จึงคิดอยากพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าหากคืนนี้นางหนุนหมอนที่มีถุงใบนี้อยู่ใต้หมอนอีกคืนแล้วนางจะฝันร้ายอีกหรือไม่

นางสอดถุงใบนั้นเอาไว้ใต้หมอนเช่นเดิมก่อนที่นางจะเอนตัวลงนอนหนุนหมอนใบนี้อีกครั้ง ผ่านไปไม่นานตัวนางจึงได้ล่วงเข้าสู่นิทราอีกครั้ง

นี่นางกำลังฝันอีกแล้วอย่างนั้นหรือ...

ทุกอย่างตรงหน้านางล้วนแล้วแต่เป็นภาพขุ่นมัวไปหมดไม่ว่าจะมองสำรวจไปทางใดก็พบเพียงกลุ่มควันปกคลุมไปทั่วจนทำให้มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ไม่ชัดเจน ทว่านางก็รับรู้ได้ว่าข้าวของและห้องที่นางเห็นอยู่ในขณะนี้คือห้องที่นางในชีวิตจริงไม่เคยพบเห็นมาก่อน

แต่มีสิ่งหนึ่งที่นางมั่นใจนัก ก็คือสตรีที่กำลังกรีดร้องอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือดคือตัวนางแน่ ๆ

“ช่วยด้วย ข้าอยู่นี่ ช่วยข้าด้วย...”

เสียงร้องอย่างเจ็บปวดนั้นดังออกมาจากปากของนางอีกคนอย่างยากลำบาก เฉินจินฮวามองร่างของนางที่ค่อย ๆ หมดลมหายใจลงต่อหน้าอย่างสลดใจ นางพยายามจะเข้าไปประคองร่างของตนแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะไม่อาจสัมผัสสิ่งใดได้เลย

ร่างของนางในฝันยามนี้หมดสติไปแล้ว อาจเป็นเพราะเสียเลือดไปมาก ลมหายใจที่มีเหลือในตอนนี้คงไม่อาจจะเพียงพอต่อการมีชีวิตรอดไปได้อีกแล้ว เพียงไม่กี่อึดใจนางคงจะสิ้นใจตายลงอย่างแน่นอน

จบชีวิตด้วยความทรมานเช่นนี้คงจะยังไม่สาแก่ใจผู้ที่ทำร้ายนางกระมัง จึงได้ตั้งใจจุดไฟเผาห้องที่นางอยู่ด้วย

เฉินจินฮวาได้แต่มองภาพฝันเบื้องหน้าด้วยใจหวาดกลัวแค้นเคืองและเจ็บปวด

ผู้ใดกัน ผู้ใดที่ทำร้ายนางจนสิ้นลม ซ้ำเมื่อสิ้นลมแล้วแม้แต่ศพที่สมบูรณ์ยังไม่ย่อมให้นางได้มี

เวลานี้นางตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายอันน่าเจ็บปวดแล้ว ร่างบางยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงกว้างไม่ได้ขยับไปไหน เพียงปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ

ในฝันนั้นนางสิ้นลมอย่างเจ็บปวด ความเจ็บปวดนั้นเหมือน มิใช่เพียงความฝัน นางรับรู้ความรู้สึกเคียดแค้นใจของตนก่อนสิ้นใจ ได้เป็นอย่างดี

นางรับรู้ได้ว่าความฝันนี้อาจจะเป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับ นางในอนาคต อาจเป็นเพราะอะไรบางอย่างที่ทำให้นางฝันเห็น เหตุการณ์ก่อนหน้า

อาจจะเป็นสิ่งใดบางอย่างที่ทำให้นางรู้ว่าต้องระแวดระวัง

ความฝันนี้คือสิ่งที่กำลังเตือนนาง ให้ระวังและให้หยุดยั้งความตายที่น่าจะมารออยู่ไม่ไกลนักให้ได้

แสงแรกของวันสว่างลอดเข้ามาภายในห้องนอนของนางแล้ว

เฉินจินฮวาลุกขึ้นนั่งตัวตรงบนเตียงนอน ก่อนจะสอดมือเข้าไปหยิบถุงสีเหลืองออกมาถือเอาไว้ในมือ

นางมองถุงในมือนิ่ง ๆ ก่อนจะเปิดมันออก โดยล้มเลิกความตั้งใจที่จะเปิดออกดูพร้อมกันกับท่านแม่และพี่ใหญ่ของนางในวันนี้

เพราะกลัวสิ่งที่อยู่ในถุงนี้จะทำให้ท่านแม่และคนอื่น ๆ เป็นกังวลและเป็นทุกข์ไปด้วยกันกับนาง ไม่สู้นางรับรู้เพียงคนเดียวก็พอแล้ว

เช่นนั้นย่อมไม่ทำให้ผู้อื่นต้องเป็นกังวลไปกับนางด้วย คิดได้ เช่นนั้น นางจึงลงมือเปิดถุงใบเล็กออกมาดูในทันที

กระดาษ เป็นกระดาษใบเล็กอีกใบหนึ่งที่ถูกม้วนและมัดปม เอาไว้ด้วยด้ายสีแดง

นางค่อย ๆ ดึงด้ายแดงออกแล้วจึงคลี่กระดาษแผ่นเล็กออกมาดูสิ่งที่เขียนเอาไว้บนนั้น

'ฝันร้ายกลายเป็นจริง มีภัยถึงชีวิต'

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel