บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 คุณหนูสามสกุลเฉิน

ตอนที่ 1

คุณหนูสามสกุลเฉิน

เสียงนำขบวนรับเจ้าสาวดังมาแต่ไกล ในที่สุดขบวนรับตัวเจ้าสาวที่ขี่ม้านำมาด้วยเจ้าบ่าวที่เป็นถึงรองแม่ทัพก็มาถึง อาจเพราะเป็นเพราะแม่ทัพหนุ่มนั้นมีท่าทีองอาจยิ่ง ทำให้เมื่อสวมใส่อาภรณ์มงคลสีแดงสดแล้วนั้นจึงทำให้ดูสง่างามเป็นอย่างมาก

สามหนังสือหกพิธีการมาถึงขั้นสุดท้ายในที่สุด เจ้าสาวผู้สวมอาภรณ์มงคลสีแดงสวยซ้ำยังมีผ้าคลุมสีแดงปกปิดใบหน้าก้าวข้ามธรณีประตูจวนสกุลเฉินด้วยความช่วยเหลือจากผู้เป็นน้องชายผู้ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ส่งตัวเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวในวันนี้

เฉินจินฮวาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้เห็นพิธีการส่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ต้นเช่นเดียวกันจึงรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าผู้เป็นพี่สาวที่กำลังจะก้าวขึ้นเกี้ยวไปนั้นรู้สึกอ่อนไหวเพียงใด

เมื่อครู่ยามที่พี่สาวของนางไปเอ่ยลาท่านพ่อกับท่านแม่และท่านตานั้นทุกคนในครอบครัวเราล้วนแล้วแต่ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้

ทั้ง ๆ ที่เป็นวันมงคลยิ่งแต่ก็ต้องอวยพรพร้อมด้วยน้ำตา มีทั้งความสุขและความเสียใจเล็กน้อย

ดีใจที่บุตรสาวได้แต่งงานมีครอบครัว แต่ก็มิอาจห้ามมิให้เสียใจไม่ได้เมื่อผู้ที่เคยอยู่ร่วมกัน เห็นกันทุกวัน ในภายหน้าไม่อาจเป็นเช่นนั้นได้อีก

เฉินจินฮวาขึ้นรถม้ามาด้วยกันกับพี่รองเฉินฟูหมิง ผู้ที่เมื่อครู่เป็นผู้ส่งพี่ใหญ่ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวเพื่อที่จะตามขบวนรับตัวเจ้าสาวไปร่วมพิธีไหว้ฟ้าดินที่จวนสกุลมู่

หลังจากพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางและพี่ชายอยู่ร่วมงานเลี้ยงที่จวนสกุลมู่ต่ออีกพักหนึ่งจึงได้ขอตัวกลับจวน

“วันนี้ส่งพี่ใหญ่แต่งไปแล้ว ภายหน้าพี่ก็ต้องส่งเจ้าอีก ช่างเป็นเรื่องที่ต้องกล้ำกลืนอยู่ไม่น้อยจริง ๆ” ชายหนุ่มเอ่ยออกจากความรู้สึก

“ส่งพี่ใหญ่ไปมีความสุข พี่รองท่านเองก็อย่าได้กล้ำกลืนนักเลย จวนมู่กับจวนเราใกล้กันเพียงเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ ภายหน้าย่อมได้พบกันบ่อยครั้งเป็นแน่” นางเอ่ยปลอบใจพี่ชายตน เนื่องจากรู้ดีว่าพี่รองของนางคนนี้เป็นผู้ที่มีจิตใจรักถนอมพี่สาวน้องสาวเป็นอย่างยิ่ง

แม้แต่นางเองก็ถูกเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เล็กจนหลายครั้งก็เผลอเสียนิสัยไปในบางครั้งเพราะมักถูกพี่รองให้ท้ายอยู่เสมอ

ก่อนหน้านี้ครั้งที่แม่ทัพมู่มาทาบทามสู่ขอพี่ใหญ่นั้น ก็ใช่ว่าพี่รองของนางจะยอมให้แม่ทัพมู่มาสู่ของ่าย ๆ เสียเมื่อไหร่ หลังจากดวลต่อยตี ดวลวรยุทธ์กันหลายครั้งจึงได้รับความยินยอมจากพี่รอง ซ้ำพี่เขยมู่ยังถูกข่มขู่ไปอีกมิใช่น้อย

ทั้ง ๆ ที่ ความสัมพันธ์และความรู้สึกของพี่สาวและพี่เขยที่มีต่อกันนั้นประจักษ์มานาน พี่รองเองก็โตมาด้วยกันกับพี่เขยไม่ต่างกันทั้งยังเคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา

“ถึงจะอยู่ในเมืองหลวงเช่นเดียวกันก็เถอะ อย่างไรก็ต่างจวนกันแล้ว น้องเล็กเจ้าก็อย่าเพิ่งเร่งออกเรือนไปนักเล่า รออีกสักสองสามปีให้พี่รองของเจ้าได้ทำใจเอาไว้ก่อน” ชายหนุ่มเอ่ยบอกน้องสาวตนด้วยน้ำเสียงเศร้า

“พี่รองอย่าได้กังวลไปเลย ไม่แน่ว่าอาจไม่มีวันที่ท่านต้องส่งข้าขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวเลยก็เป็นได้ ตัวข้านี้ค่อนข้างรักอิสระมาแต่ไหนแต่ไร พี่รองท่านเองก็รู้ดี” นางเอ่ยตอบพี่ชายของตนด้วยสีหน้าท่าทางสบาย ๆ

เฉินฟูหมิงเมื่อได้ยินผู้เป็นน้องสาวเอ่ยออกมาเช่นนั้นแม่จะรู้สึกดีใจอยู่มากแต่ก็จำต้องเอ่ยเตือนผู้เป็นน้องสาว

“ความคิดที่จะไม่แต่งงานของเจ้าทางที่ดีอย่าเอ่ยให้ท่านแม่ได้ยินเลยจะดีกว่า มิเช่นนั้นแล้วท่านแม่คงจะเป็นลมแล้วเป็นลมอีก” เขารู้ดีว่ามารดาตนนั้นเป็นเช่นไร และรู้ดีว่าจินเอ๋อร์ยืนยันท่านแม่อย่างไรก็มิมีทางยอมแน่ เลวร้ายที่สุดคงถึงขั้นจับนางมัดขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวด้วยตนเองแน่

“จินเอ๋อร์ทราบแล้วเจ้าค่ะพี่รอง หวังว่าภายหน้าข้ากลายเป็นสาวเทื้อแล้วพี่รองจะไม่ขับไล่ข้าออกจากจวน” นางเอ่ยขึ้นอย่างขบขัน

“ข้าจะขับไล่น้องเล็กได้อย่างไร น้องสาวคนเดียวข้าผู้เป็นถึงรองแม่ทัพจะไม่มีปัญญาเลยเชี่ยวหรือ” เฉินฟูหมิงตอบกลับอย่างขบขันเช่นกัน

“กลัวว่าภายหน้าพี่รอบแต่งพี่สะใภ้แล้วจะไม่รักน้องสาวผู้นี้เช่นเก่า”

“ย่อมไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่ ในสายตาพี่ชายแล้วมิมีสตรีใดควรค่าแก่การทะนุถนอมเช่นน้องสาวอีกแล้ว”

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่นางรับประทานอาหารกับท่านแม่เรียบร้อยแล้ว จึงขันอาสาออกมาสั่งซื้อของว่างชื่อดังในเมืองเพื่อเตรียมเอาไว้ต้อนรับคู่สามีภรรยาคู่ใหม่ในวันกลับมาเยี่ยมบ้านเจ้าสาว

ไหน ๆ ก็ออกมาจากจวนแล้ว หลังจากแวะร้านขนมชื่อดังอันดับหนึ่งในเมืองหลวงเพื่อจัดการธุระที่ท่านแม่มอบหมายให้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงพาอาหลัวสาวใช้คนสนิทก้าวเท้าเข้าสู่โรงเตี้ยมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ เพื่อหมายนั่งพักเหนื่อยจิบชาสักครู่

“คุณหนูเจ้าค่ะ โรงเตี้ยมทั้งเล็กทั้งค่อนข้างแออัด พวกเราเปลี่ยนโรงเตี้ยมกันเถอะเจ้าค่ะ บ่าวเห็นว่าถัดไปอีกนิดก็น่าจะมีโรงเตี้ยมอื่นอีก” ผู้เป็นบ่าวเมื่อเห็นว่าในโรงเตี้ยมเวลานี้คนค่อนข้างเยอะจึงเกรงว่าคุณหนูของตนจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรจึงเอ่ยเสนอ

“พวกเรานั่งที่นี่สักครู่เถอะ ดูแล้วที่คนเยอะเช่นนี้คงจะมีเหตุบางอย่างอยู่ ไม่แน่ว่านักเล่านิทานที่เลื่องลือกันอยู่หลายวันมานี้อาจจะมาที่นี่ก็ได้” นางเอ่ยก่อนจะเดินนำสาวใช้ของตนเข้าไปด้านในของโรงเตี้ยมทันที โดยมีเสี่ยวเอ้อผู้หนึ่งของโรงเตี้ยมเป็นผู้คอยอำนวยความสะดวก

พวกนางได้ที่นั่งบนชั้นสองของโรงเตี้ยม ซึ่งจากโต๊ะนั่งสามารถมองเห็นเวทีด้านล่างของโรงเตี้ยมได้อย่างชัดเจนพอดีอีกทั้งที่นั่งบนชั้นสองนี้ไม่ได้แออัดเลยสักนิดเดียวนอกจากนางแล้วก็มีลูกค้าคนอื่นอยู่อีกสองโต๊ะเท่านั้น

“ขอน้ำชาที่ดีที่สุด กับขนมที่ดีที่สุดในร้านเจ้าสักสองอย่าง” เป็นอาหลัวสาวใช้ของนางที่เป็นผู้เอ่ยกับเสี่ยวเอ้อ พร้อมกับส่งเงินจำนวนหนึ่งให้ไปด้วย

“ได้เลยขอรับ ข้าน้อยจะนำของว่างที่ดีที่สุดในร้านมาให้” เสี่ยวเอ้อผู้นี้เอ่ยอย่างนอบน้อมยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัวทันทีเมื่อได้รับเงิน

“ช้าก่อนเสี่ยวเอ้อข้าจะถามอะไรสักหน่อย” เฉินจินฮวาเอ่ยเรียกคนเอาไว้ก่อน

“เชิญคุณหนูเอ่ยถามมาได้เลยขอรับ”

“วันนี้โรงเตี้ยมของเจ้าดูท่าแล้วจะครึกครื้นมากทีเดียวเพราะเหตุใดกันหรือ”

“ที่แท้คุณหนูยังไม่ทราบหรือขอรับ วันนี้ที่โรงเตี้ยมของเรานั้นได้เชิญตัวนักเล่านิทานที่กำลังเป็นที่เลื่องลือในเมืองหลวงยิ่งมาขอรับ”

“เป็นเช่นนี้เอง เจ้าไปทำงานต่อเถอะ อาหลัวให้ค่าเสียเวลาเสี่ยวเอ้อเพิ่มสักหน่อย”

“ขอบคุณขอรับคุณหนู ขอบคุณขอรับแม่นาง” เสี่ยวเอ้อคนนั้นเอ่ยขึ้นอย่างดีใจก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินออกไป

“คุณหนูเจ้าคะ ถือว่าวันนี้เราออกจากจวนมาแล้วจะโชคดีเป็นพิเศษนะเจ้าคะ หลายวันก่อนคุณหนูเปรยว่าอยากฟังเรื่องเล่า วันนี้ก็จะได้ฟังเลย ซ้ำคนเล่ายังเป็นผู้ที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ในขณะนี้อีกด้วย”

“ประเดี๋ยวเจ้าก็แบ่งถุงเงินเอาไว้สักหน่อยก็แล้วกัน เอาไว้ฝากเสี่ยวเอ้อไปให้นักเล่านิทานหลังฟังจบแล้ว”

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

ครึ่งชั่วยามต่อมา นักเล่านิทานก็เล่านิทานจนจบ เฉินจินฮวากับอาหลัวจึงตั้งใจจะกลับจวนสกุลเฉิน แต่ก็เลือกที่จะนั่งรอให้ผู้คนออกจากโรงเตี้ยมออกไปกันก่อน พวกนางจะได้ไม่ต้องไปเบียดกับผู้คนที่หน้าประตูโรงเตี้ยม

มองลงไปจากชั้นบนก็เห็นว่าด้านล่างโรงเตี้ยมแทบไม่เหลือคนอยู่แล้วนางและอาหลัวจึงเตรียมตัวจะออกจากโรงเตี้ยมบ้าง

ครั้นยามที่นางลุกขึ้นจากเก้าอี้ก็ถูกร้องเรียกเอาไว้เสียก่อน

“คุณหนูท่านนี้ โปรดหยุดก่อนสักครู่”

เมื่อเฉินจินฮวาหันไปตามเสียงเรียกก็พบกับบุรุษผู้หนึ่งที่แต่งตัวหรูหราประหนึ่งคุณชายบ้านเศรษฐี

“คุณชายท่านนี้ ท่านมีธุระอะไรหรือเจ้าคะ”

เป็นอาหลัวสาวใช้ของเฉินจินฮวาที่รีบเดินเข้าไปกั้นกลางระหว่างคุณหนูของนางกับคุณชายผู้หนึ่งที่อยู่ ๆ ก็ก้าวเข้ามาประชิด

“ตัวข้าเพียงอยากทำความรู้จักกับคุณหนูเท่านั้น เมื่อครู่รีบร้อนจนเกินไปจึงได้เสียมารยาท ต้องขออภัยด้วย”

“คุณชายรู้ว่าเสียมารยาท ทั้งยังรู้ว่าควรขออภัยคุณหนูของข้าย่อมไม่ใจร้ายจะถือโทษคุณชายแน่เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็ดี ดีเป็นอย่างยิ่ง” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี สายตานั้นพยายามมองผ่านสาวใช้ไปยังหญิงงามที่อยู่ด้านหลังอย่างไม่ย่อท้อ

อาหลัวเองก็ไม่ย่อท้อเช่นเดียวกัน คุณชายผู้นี้ขยับขวานางก็ขยับขวาเช่นกัน เรียกได้ว่าป้องกันได้ทุกฝีก้าวซ้ำนางยังฝีมือดีเป็นอย่างยิ่ง คิดจะมองคุณหนูของนางตรง ๆ เต็ม ๆ ตาน่ะหรือ จงอย่าได้ฝันไปเลย

“คุณหนูของข้า ออกมาเดินเล่นนานแล้ว สมควรที่จะเร่งกลับจวนเต็มที ไม่เช่นนั้นคนทั้งจวนเฉินไท่เว่ยคงจะพากันออกมาตามหาแน่ ๆ หากเป็นเช่นนั้นคงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา หวังว่าคุณชายจะเข้าใจนะเจ้าคะ” อาหลัวเอ่ยยกจวนเฉินไท่เว่ยผู้มีอำนาจขึ้นมาหมายจะข่มขู่คุณชายผู้นี้ให้เลิกหวังในสิ่งที่คิด

“ที่แท้เป็นคุณหนูเฉิน ตัวข้าทราบแล้วไม่รบกวนคุณหนูเฉินกลับจวนแน่ ไม่ทราบว่าคุณหนูเฉินจะมาที่นี่อีกเมื่อใดกันสามารถเอ่ยบอกข้าได้หรือไม่”

ชายหนุ่มแม้จะเอ่ยเหมือนเข้าใจแต่กลับยังคงไล่ซักไซ้ไม่หยุดจนเฉินจินฮวาที่ยืนมองเหตุการณ์นิ่ง ๆ อยู่นานจนเวลานี้รู้สึกรำคาญเต็มทีจึงสะกิดสาวใช้ของนางให้หันมาหาก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้เพียงประโยคหนึ่งสั้น ๆ แล้วจึงล่วงหน้าลงบันไดไปในทันทีด้วยการใช้วิชาตัวเบา

“ข้าลงไปรอที่รถม้าก่อน คุณชายผู้นี้หากพูดมิรู้ความก็ซัดเขาไปสักฝ่ามือหนึ่งเถิด”

หญิงงามจากไปแล้ว หลงเหลือคนสองคนที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่เพียงเท่านั้น

อาหลัวมองใบหน้าคุณชายตรงหน้าด้วยแววตาโหดเหี้ยมที่สุดที่นางพอจะพยายามได้

ใครจะไปคิดเหล่าว่าคุณชายผู้นี้กลับก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะหงายหลังเป็นลมล้มตึงไป ลำบากนางต้องเรียกเสี่ยวเอ้อขึ้นมาให้คุณชายผู้นี้อีก

“เสี่ยวเอ้อ!!! รีบขึ้นมาดูเร็ว เหมือนว่าจะมีคนตายแล้ว!!!”

หลังจากร้องเรียกคนเป็นมารยาทเรียบร้อยแล้ว อาหลัวจึงค่อย ๆ ก้าวลงบันไดไปอย่างระมัดระวัง

ในใจนึกขบขันเล็ก ๆ

นางเป็นเพียงสาวใช้ ธรรมดาเท่านั้น วรยุทธ์อะไรล้วนไม่เคยเรียนรู้สักอย่าง ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายคนเมื่อครู่จะหลงเชื่อตามคำพูดของคุณหนูของนางจริง ๆ

“คุณชาย ท่านคิดจะเกี้ยวพาคุณหนูของข้านั้นไม่ง่ายอย่างที่คิดนะเจ้าคะ”

กลับไปถึงจวนแล้วเห็นทีนางควรจะไปเรียนให้ฮูหยินเฉินทราบเอาไว้ก่อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อที่หากในวันพรุ่งนี้เกิดเรื่องหรือข่าวลืออะไรขึ้นฮูหยินเฉินจะได้หาทางจัดการได้อย่างทันท่วงที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel