บทที่ 4 พบพานครั้งแรก
บทที่
4
พบพานครั้งแรก
ชีวิตในวังหลวงไหลรินไปดุจสายน้ำที่เอื่อยเฉื่อยภายใต้กฎเกณฑ์และพิธีการอันซับซ้อน สำหรับเสี่ยวหลาน นางกำนัลตัวเล็ก ๆ ในสวนสมุนไพรแล้ว แต่ละวันคือการทำซ้ำซึ่งกิจวัตรเดิม ๆ การรดน้ำต้นไม้ใบหญ้า การพรวนดินอย่างเบามือ การเก็บเกี่ยวสมุนไพรตามฤดูกาล และการดูแลรักษาพืชพรรณนานาชนิดที่ล้วนมีคุณค่าและสรรพคุณแตกต่างกันไป นางเรียนรู้งานทุกอย่างด้วยความเงียบขรึมและตั้งใจ ราวกับว่าภารกิจเล็กน้อยเหล่านี้คือบันไดแต่ละขั้นที่จะนำนางไปสู่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนลึกอยู่ในใจ
แต่ภายใต้ท่าทีที่นอบน้อมและขยันขันแข็งนั้น ดวงตาคมกริบของเสี่ยวหลานไม่เคยหยุดสังเกตการณ์ นางกวาดสายตาไปทั่วอาณาบริเวณ จดจำใบหน้าของข้ารับใช้ ขันที นางกำนัล และเหล่าขุนนางที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาในเขตพระราชฐาน นางเงี่ยหูฟังบทสนทนาที่แว่วมา แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวคำพูด ก็ถูกนางเก็บเกี่ยวและนำมาประมวลอย่างละเอียด ราวกับกำลังต่อจิ๊กซอว์ภาพใหญ่ของวังหลวงอันเต็มไปด้วยความลับและการแก่งแย่งชิงอำนาจ
วันหนึ่งแสงแดดยามสายส่องกระทบใบหน้าของเสี่ยวหลานขณะที่นางกำลังประคองกระถางดินเผาขนาดกลาง บรรจุต้น ‘หญ้าจันทราสีเงิน’ สมุนไพรล้ำค่าที่มีกลิ่นหอมอ่อนโยนและสรรพคุณในการบำรุงประสาท นางต้องนำมันไปส่งยังตำหนักของพระสนมซีเฟยที่ขึ้นชื่อเรื่องความอ่อนไหวและมักมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ เสี่ยวหลานเดินก้มหน้าด้วยความระมัดระวัง เท้าเล็ก ๆ ก้าวอย่างเงียบเชียบเพื่อมิให้ดินในกระถางกระเทือน ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก ในจังหวะที่นางเลี้ยวผ่านมุมเสา ร่างสูงสง่าของผู้ชายคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ราวกับเงาที่ทอดตัวยาวเหยียด
การชนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนเสี่ยวหลานแทบทรงตัวไม่อยู่ “โอ๊ย!!!” เสียงอุทานแผ่วเบาดังออกมาจากริมฝีปากเล็ก ๆ กระถางดินเผาหนักอึ้งหลุดจากมือ ร่วงกระแทกพื้นหินอย่างน่าเสียดาย ดินสีดำร่วนซุยกระจายฟุ้ง เศษกระถางแตกเป็นเสี่ยง ๆ และต้นหญ้าจันทราสีเงินก็กลิ้งหลุน ๆ อยู่บนพื้น รากสีขาวละเอียดเผยออกมาอย่างน่าสงสาร
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” เสียงทุ้มต่ำที่แฝงไว้ด้วยความไม่พอใจดังขึ้นเหนือศีรษะ เสี่ยวหลานรีบเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตระหนก หัวใจของนางเต้นระรัวราวกับกลองที่ถูกตีอย่างรัวเร้า
เบื้องหน้าของนางคือบุรุษหนุ่มรูปงามราวเทพบุตรจำแลง พระพักตร์คมสันได้รูป ดวงตาเรียวคมดุจเหยี่ยวคู่นั้นกำลังจ้องมองนางด้วยแววตาเย็นชาและไม่พอใจ เสื้อผ้าอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ปักลายมังกรทองคำอร่ามเรืองรอง บ่งบอกถึงฐานันดรศักดิ์อันสูงส่ง ออร่าแห่งอำนาจและความสง่างามที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาราวกับกดทับร่างเล็ก ๆ ของเสี่ยวหลานจนนางแทบหายใจไม่ออก
‘องค์ชายรัชทายาทหลี่หมิง!!!’ ความคิดนี้แล่นเข้ามาในสมองของเสี่ยวหลานราวกับสายฟ้าฟาด นางเคยเห็นภาพวาดพระองค์ตามระเบียงทางเดินในวังหลวง บุรุษผู้เลื่องลือในความเฉลียวฉลาด ปราดเปรื่องในศิลปะการต่อสู้ และมีพระอุปนิสัยเย็นชาจนข้าราชบริพารต่างเกรงกลัว
“ขออภัยองค์รัชทายาทเพคะ” เสี่ยวหลานรีบคุกเข่าลงกับพื้นหินอย่างรวดเร็ว ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ นางรู้ดีว่าการทำความผิดพลาดใด ๆ ต่อเชื้อพระวงศ์นั้นอาจนำมาซึ่งโทษทัณฑ์อันแสนสาหัส
องค์ชายรัชทายาทหลี่หมิงทอดพระเนตรไปยังเศษกระถางดินเผาและต้นหญ้าจันทราสีเงินที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น พระเนตรคมกริบของพระองค์ยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างเล็กที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าเป็นใคร” พระสุรเสียงขององค์ชายเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งในฤดูหนาว “เดินอย่างไรถึงได้ประมาทเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าสมุนไพรเหล่านี้มีค่าเพียงใด พระสนมซีเฟยทรงมีปัญหาเรื่องบรรทมมานาน หากไม่มีสมุนไพรนี้ พระองค์จะทรงบรรทมได้อย่างไร”
“หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ” เสี่ยวหลานก้มหน้าลงต่ำจนคางแทบจรดพื้น ไม่กล้าเงยหน้าสบพระเนตรคมกริบขององค์ชาย “หม่อมฉันมิได้ตั้งใจ หม่อมฉันจะรีบเก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดเพคะ”
“ไม่ต้อง” องค์ชายตรัสด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจ “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่น “เจ้าเงยหน้าขึ้นมา”
เสี่ยวหลานค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตากลมโตของนางสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น หยาดน้ำตาใสคลอหน่วย นางสบพระเนตรคมกริบขององค์ชายเป็นครั้งแรก แสงนั้นเย็นเยียบแต่ก็ลึกล้ำราวกับห้วงมหาสมุทร หัวใจของนางเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
องค์ชายหลี่หมิงทรงจ้องมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่เปื้อนดินของเสี่ยวหลานอย่างพิจารณา พระเนตรของพระองค์กวาดสำรวจทุกรายละเอียดบนใบหน้าของนาง ราวกับกำลังค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีที่หวาดกลัวนั้น เสี่ยวหลานรู้สึกราวกับถูกเปลือยเปล่าภายใต้สายพระเนตรคู่นั้น ความลับและความแค้นที่นางเก็บซ่อนไว้ลึกสุดใจ ราวกับกำลังถูกเปิดเผยต่อสายพระเนตรคู่นั้น
“ข้าเคยเห็นเจ้าที่ไหนมาก่อนหรือไม่” องค์ชายตรัสด้วยความสงสัยเล็กน้อย พระสุรเสียงของพระองค์ทุ้มนุ่มแต่ก็ยังคงแฝงไว้ด้วยความเย็นชา
เสี่ยวหลานรีบส่ายหน้าเบา ๆ “ทูลองค์รัชทายาทหม่อมฉันเป็นเพียงนางกำนัลต่ำต้อยที่ดูแลสวนสมุนไพร คงไม่มีวาสนาได้เข้าใกล้พระองค์” นางพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือ
“สวนสมุนไพรไ องค์ชายทวนคำ พระเนตรของพระองค์เลื่อนลงต่ำ ทอดพระเนตรไปยังมือเล็ก ๆ ของเสี่ยวหลานที่เปื้อนดินและมีร่องรอยของการทำงานหนัก “เจ้าทำงานอยู่ที่นั่นหรือ”
“เพคะ องค์รัชทายาท” เสี่ยวหลานตอบเสียงแผ่วเบา
องค์ชายหลี่หมิงทรงเงียบไปครู่หนึ่ง พระขนง(คิ้ว)คมเข้มขมวดเล็กน้อย ราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในความทรงจำ จากนั้นพระองค์ก็ตรัสขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อยอย่างน่าประหลาด
“เจ้าพอจะรู้จักสมุนไพรพวกนี้หรือไม่” พระองค์ทรงชี้พระหัตถ์ไปยังต้นหญ้าจันทราสีเงินที่กลิ้งอยู่บนพื้นดิน
เสี่ยวหลานมองตามพระหัตถ์ขององค์ชาย ดวงตากลมโตของนางเป็นประกายเล็กน้อย ความรู้และความเชี่ยวชาญในสิ่งที่นางร่ำเรียนมาตลอดหลายปีอดทนรอคอยโอกาสที่จะถูกนำมาใช้
"ทูลองค์รัชทายาทนี่คือ ‘หญ้าจันทราสีเงิน’ เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์สงบประสาทและช่วยให้นอนหลับได้ดี มักจะใช้ปรุงยาสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องบรรทม รากของมันจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายดอกไม้ และใบของมันจะมีสีเขียวอมเทาคล้ายแสงจันทร์” เสี่ยวหลานตอบด้วยน้ำเสียงที่ฉะฉานและมั่นใจ ราวกับลืมความหวาดกลัวไปชั่วขณะ
องค์ชายหลี่หมิงเลิกพระขนงสูงขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ พระองค์ไม่คาดคิดว่านางกำนัลต่ำต้อยที่ดูซุ่มซ่ามเช่นนาง จะมีความรู้เรื่องสมุนไพรมากเพียงนี้ ความรู้ที่ละเอียดลึกซึ้งเกินกว่าคนทั่วไปจะรู้
“เจ้ารู้จักมันดี” พระองค์ตรัสถามอีกครั้ง พระสุรเสียงของพระองค์เจือด้วยความสนใจอย่างเห็นได้ชัด
“เพคะ องค์รัชทายาท หม่อมฉันดูแลสมุนไพรในสวนทุกวัน หม่อมฉันศึกษาตำราเกี่ยวกับสมุนไพรมาบ้าง ท่านเว่ยจงเคยสอนหม่อมฉันเกี่ยวกับสมุนไพรบางชนิดด้วย" เสี่ยวหลานตอบอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่รู้ตัวว่านางได้เอ่ยชื่อของผู้มีพระคุณออกมา
องค์ชายหลี่หมิงทรงพิจารณาเสี่ยวหลานอีกครั้ง พระเนตรคมกริบของพระองค์ฉายแววแห่งความใคร่รู้ “เจ้าชื่ออะไรนะ”
“เสี่ยวหลานเพคะ องค์รัชาทายาท”
“เสี่ยวหลาน” องค์ชายทวนชื่อเบา ๆ ราวกับกำลังจดจำ “เจ้าเป็นคนช่างสังเกตและมีความรู้มากกว่าที่ข้าคาดไว้ ความรู้ของเจ้าดูจะไม่เหมือนนางกำนัลทั่วไป”
ทันใดนั้นเอง จ้าวเฉิงขันทีคนสนิทขององค์ชายก็รีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน ใบหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อย
“ทูลองค์รัชทายาท พระสนมซีเฟยเสด็จรอพระองค์อยู่ที่ตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงมีอาการประชวรเล็กน้อย”
องค์ชายรัชทายาทหันไปทอดพระเนตรขันที จากนั้นก็หันกลับมาทอดพระเนตรเสี่ยวหลานอีกครั้ง พระเนตรขององค์รัชทายาทยังคงจับจ้องอยู่ที่นาง ราวกับกำลังตัดสินใจบางอย่าง
“ลุกขึ้นเถอะ เสี่ยวหลาน” องค์รัชทายาทตรัสด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ความเย็นชาจางหายไป เหลือไว้เพียงความราบเรียบและแฝงไว้ด้วยความสนใจ "คราวหน้าเดินให้ระวังกว่านี้และความรู้เรื่องสมุนไพรของเจ้าจงเก็บรักษาไว้ให้ดี"
“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทเพคะ” เสี่ยวหลานรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ก้มหน้าลงต่ำด้วยความเคารพและรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด
องค์ชายรัชทายาทหลี่หมิงเสด็จจากไปพร้อมกับขันที ทิ้งให้เสี่ยวหลานยืนอยู่ท่ามกลางเศษกระถางดินเผาและดินที่กระจัดกระจาย หัวใจของนางยังคงเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นและการเผชิญหน้ากับบุคคลที่สูงศักดิ์เช่นองค์รัชทายาทเป็นครั้งแรก
‘องค์ชายรัชทายาท’ เสี่ยวหลานคิดในใจ นางไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับพระองค์ในสถานการณ์เช่นนี้ และที่สำคัญกว่านั้นคือ องค์รัชทายาททรงสังเกตเห็นความรู้ความสามารถที่นางพยายามซ่อนไว้ การที่พระองค์ตรัสเตือนเรื่องความรู้ของนาง ราวกับเป็นการบอกให้นางเก็บรักษาความพิเศษนี้ไว้
เหตุการณ์ในวันนี้อาจดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อย แต่สำหรับหลินเยว่แล้ว มันคือจุดเริ่มต้นของการเข้ามาใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญในวังหลวง และอาจเป็นโอกาสให้นางได้สังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น องค์ชายรัชทายาทหลี่หมิง
บุรุษผู้สูงศักดิ์และเย็นชาผู้นี้ จะมีบทบาทอย่างไรในการแก้แค้นของนาง เสี่ยวหลานไม่รู้ แต่สิ่งที่นางรู้แน่ชัดคือ การพบพานในวันนี้ได้ทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ในความทรงจำของทั้งสองฝ่าย แม้จะเป็นเพียงประกายเล็ก ๆ ที่อาจจะนำไปสู่บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่และคาดไม่ถึงในอนาคต
